เฉินจื่อิถลึงตามองนางอย่างหงุดหงิด“ไม่ใช่บอกว่าพรุ่งนี้ค่อยกลับเรือนหรือ เหตุใดถึงมาเปลี่ยนเอาตอนนี้เล่า”เมื่อเห็นเฉินเนี้ยนหรานที่กอดถุงใหญ่ถุงเล็กยืนอยู่ไม่ไกลในแววตาของเขาก็มีความสงสัยแวบเข้ามา ไม่ใช่ว่าเกิดเื่ระหว่างแม่หนูกับคุณชายห้าอีกหรอกนะ
ความจริงแล้วเฉินจื่อิเดาได้ถูกต้องจริงๆ เพียงแต่สิ่งที่เขาคิดไม่เหมือนกับที่กวนซูเยวียนคิด
เขาคิดว่าโจวอ้าวเสวียนกับเฉินเนี้ยนหรานเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีกแล้วแต่กวนซูเยวียนกลับกังวลว่าเฉินเนี้ยนหรานจะใช้เงินส่งเดชอีก
พวกนางจึงรีบขึ้นรถ เฉินจื่อิมองฟ้าอย่างไร้คำพูด ก่อนเตรียมม้าสำหรับออกเดินทางระหว่างทางจะใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วยามกันนะดูเหมือนว่าคืนนี้จะต้องแขวนโคมเดินทางเสียแล้ว โชคดีที่ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยที่ว่าการราชการไม่เช่นนั้นการเดินทางในยามค่ำคืนคงจะลำบากเสียหน่อย
“ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทำไม รีบไปยกของสิ” กวนซูเยวียนถือกระเป๋าลงมาเห็นเฉินจื่อิยืนมองนั่นนี่จึงเอ่ยปากตำหนิเขา
“อืม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” เฉินจื่อิรับปากอย่างรวดเร็วตอนที่เดินไปตรงหน้านาง อดจะถามออกมาไม่ได้ “เื่นั้นน่ะแม่หนูถูกคุณชายห้าเข้ามาพัวพันอีกรอบหรืออย่างไร?”
กวนซูเยวียนกลอกตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ“ไม่ต้องเอาคุณชายห้าเข้ามาคิดอะไรทั้งนั้น ข้าว่านะ เป็แม่หนูที่แปลกไป”ปรายตามองเฉินเนี้ยนหรานที่ใกล้เดินมาถึงแล้ว นางจึงรีบปิดปากฉับ “สรุปคือให้เ้าไปยกของก็ไปยกสิ”
“ได้ขอรับ” สุดท้ายเฉินจื่อิก็ไม่ได้ถามต่อแต่ขมวดคิ้วเดินขึ้นไปขนของ้า
ขนของได้สองรอบ กวนซูเยวียนกับเฉินเนี้ยนหรานคอยจัดของอยู่ตรงนี้ส่วนเฉินจื่อิก็ไปคิดค่าที่พักกับทางโรงเตี๊ยม
ขณะคิดเงินก็มีคนเข้ามาทักจากด้านหลัง “บุรุษท่านนี้คือท่านเฉินจากเขตปาเจียวสินะขอรับคุณชายของข้ารออยู่ในรถเชิญทางนี้”
เฉินจื่อิหันกลับไปมองก็เห็นเด็กรับใช้แปลกหน้ายืนอยู่ตรงนั้น“ข้าไม่รู้จักคุณชายของเ้านะ?” คนคนนี้คือผู้ใด? เขาไปรู้จักคุณชายในอำเภอนี้ั้แ่เมื่อใด!
“เหอะๆ แต่คุณชายของพวกเรารู้จักท่านท่านเฉินวางใจแล้วตามข้าน้อยมาเถิดขอรับ คุณชายของพวกเรานั่งรออยู่ในรถตรงหน้า”เด็กรับใช้ผายมือไป เฉินจื่อิมองตามมือของเขาไปก็เห็นชายเสื้อคลุมที่ปรากฏออกมา
หากจำไม่ผิด เมื่อบ่ายวันนี้เขาเห็นคุณชายใส่เสื้อคลุมตัวนี้
“ได้ ข้าจะไปกับเ้า”
เมื่อมาถึงหน้ารถ ผ้าม่านก็เปิดออกมา เฉินจื่อิมองไป คนในรถเป็โจวอ้าวเสวียนจริงๆ
จึงรีบทำความเคารพ
แต่กลับถูกโจวอ้าวเสวียนยกมือห้ามไว้ “ท่านลุงข้ากับท่านไม่จำเป็ต้องมีพิธีรีตองเช่นนี้ ที่มาวันนี้…ก็มีเื่จะคุยกับท่านถือเป็การฝากฝังอะไรสักหน่อย…”
*****
ด้านข้างรถ หลังจากเฉินเนี้ยนหรานจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มองรถม้าที่แน่นขนัดในใจกลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลย หากเป็เมื่อสามเดือนก่อนนางมีเสื้อผ้าและของกินมากมายเช่นนี้จะต้องดีใจจนนอนไม่หลับ
แน่นอน ไม่ใช่แค่เวลาสามเดือน ตอนนี้เห็นของพวกนี้แล้วสิ่งที่แสดงออกมากลับนิ่งเฉย
“ตาแก่นั่นเหตุใดจึงคิดบัญชีนานถึงเพียงนี้? เหตุใดยังไม่มาอีกยังไม่รีบอีกนะ?”
กวนซูเยวียนร้อนใจจนเดินเป็วงกลม เดินวนได้ไม่กี่ก้าวก็ชะเง้อคอไปมอง
เฉินเนี้ยนหรานกลับนั่งนิ่งอยู่ในรถไม่ขยับไปที่ใดฟังกวนซูเยวียนเร่งไม่หยุด นางะโลงมาจากรถ “ข้าไปดูหน่อยนะเ้าคะ”
เดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นเฉินจื่อิที่มีสีหน้าเด็ดเดี่ยวเดินเข้ามา
ใบหน้าถมึงทึงมองนางแล้วขมวดคิ้วแน่น
ผู้ใดทำให้ท่านลุงโกรธมาหรือ? ปกติแล้วเฉินจื่อิเป็คนอารมณ์ดีนี่นา
กวนซูเยวียนที่ปกติจะบ่นโวยวาย เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินจื่อิไม่ค่อยดีเท่าใดนักนางก็ไปอยู่ด้านข้างแต่โดยดี พร้อมกับหาตำแหน่งสบายๆให้เฉินเนี้ยนหรานได้นั่งลงไปอย่างระมัดระวังตอนนี้เองที่นางให้เฉินจื่อิขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งหน้ารถ
ตลอดทางเฉินจื่อิไม่พูดอะไร ราวกับจมอยู่กับเื่ในใจ
เฉินเนี้ยนหรานเดินมาทั้งวัน ทั้งยังกำลังมีครรภ์ เมื่อได้นั่งในรถที่ขยับไปมาไม่หยุดนางจึงอ้าปากหาวแล้วหลับไป
เมื่อเห็นนางหลับไปแล้ว กวนซูเยวียนจึงค่อยๆ ยื่นหัวออกไปข้างนอก
ตรงตำแหน่งหน้ารถ ยังสามารถเบียดเข้าไปได้อีกคนหนึ่งกวนซูเยวียนจึงออกไปนั่งเบียดกับเฉินจื่อิ
“ออกมาทำไม? กลับเข้าไป กลับไป ด้านนอกมีลม อย่ามาตากลมเย็นๆตรงนี้” เฉินจื่อิเห็นนางมานั่งด้านข้าง ก็รีบไล่นางเข้าไปในรถ
แส้ม้าสะบัดออกไปด้วยแรงที่พอดีไม่มากหรือเบาไป
เพราะอยากอาศัย่ที่ฟ้ายังสว่างเดินทาง หลังจากออกจากอำเภอแส้ม้าของเขาก็คอยสะบัดอยู่ตลอดจนเกิดเสียง
หากไม่ได้กังวลถึงร่างกายของเฉินเนี้ยนหรานเกรงว่าแส้ม้านี้คงจะสะบัดอยู่ตลอด
“ข้าออกมารับลมน่ะ ในรถของเยอะ แม่หนูก็หลับไปแล้ว เฮ้อ ให้นางนอนมากหน่อยก็แล้วกันแม่หนูน่ะ ตอนนี้ไม่เหมือนคนธรรมดาอย่างพวกเรา แต่มีอีกชีวิตอยู่ในร่างกาย”
เื่การตั้งครรภ์ของเฉินเนี้ยนหราน กวนซูเยวียนได้บอกกับเขาไปด้วยอย่างไร เื่นี้ช้าเร็วก็ปิดเอาไว้ไม่มิด
เข้าอำเภอครั้งนี้ ทั้งสองคนก็ไม่ได้บอกกับโจวอ้าวเสวียน อย่างไรเื่เช่นนี้พวกเขาไม่กล้าบอกออกไปง่ายๆผู้ใดจะรู้ว่าคนสกุลโจวจะเอาเด็กไปหรือไม่ แม้โจวอ้าวเสวียนไม่ได้มีความคิดนี้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยง
“เฮ้อ เ้าคิดได้รอบคอบนัก เอาเสื้อมาคลุมไว้ เดี๋ยวป่วยเพราะตากลม ข้าไม่ดูแลเ้าหรอกนะ”
ถึงแม้จะถูกเขาบ่น แต่กวนซูเยวียนกลับหยิบเสื้อมาคลุมอย่างอารมณ์ดี“เด็กน้อยเอ๊ย ไม่ใช่ว่าเ้าเป็ห่วงข้าหรือ ถึงได้พูดจาไม่น่าฟังเช่นนี้หากข้าป่วยจริงๆ เ้าก็ต้องมาดูแลป้อนยาป้อนน้ำข้าอยู่ดี” พูดจบก็มองเขาอย่างตำหนิ
คนถูกมองทำเพียงมองตรงไปข้างหน้า ราวกับกำลังตั้งใจขับรถม้ามากแต่กวนซูเยวียนกลับเห็นใบหูของเขา…แดงเล็กน้อย
ตาแก่นี่ พูดจาน่าฟังสักหน่อยจะตายเชียวหรือ ชาตินี้ นางไม่เคยเห็นเขาเริ่มเข้าหามาก่อน….
กวนซูเยวียนเข้าไปนั่งเบียดข้างเขา อย่างไรตอนนี้พระอาทิตย์จวนจะตกดินแล้วรถม้าบนถนนก็น้อย นางจึงไม่กลัวว่าคนอื่นจะเห็น ยากมากที่จะได้ออกมานั่งรถม้าเที่ยวกับสามีตนเองจะต้องอาศัยจังหวะนี้กระชับความสัมพันธ์เสียหน่อย
“พวกเรากลับเรือนครั้งนี้ ต้าหลางก็จะออกเดินทางแล้ว เฮ้อรถม้าขนส่งที่เ้าหามาวางใจได้จริงใช่หรือไม่?” ลูกชายจะเดินทางไกลคนเป็มารดาล้วนเป็กังวล
มาอำเภอครั้งนี้ กวนซูเยวียนเลือกผ้าหลายชุดให้ต้าหลาง อยากจะอาศัย่เวลาก่อนที่เขาจะออกเดินทางทำเสื้อผ้าให้สักสองสามตัว
“วางใจเถิด เขาเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มาหลายปีแล้ว หลายปีก่อนข้ากับพี่น้องคนนั้นก็ออกไปขายสินค้าด้วยกันเขาเป็คนซื่อสัตย์ จริงสิ ข้าได้ยินสหายของข้าบอกว่า เขากำลังจะย้ายเรือนอีกสักพักพวกเราไปดูเรือนใหม่ของเขากัน จะได้พาพวกเ้าไปรู้จักด้วยลูกสาวของเขาข้าเห็นแล้วดูห้าวหาญ ผู้ใดเห็นก็รัก แม้อายุจะเพิ่งสิบสองแต่ว่าแม่หนูคนนั้นดึงดูดใจคนมาก ดูแล้วเหมาะกับต้าหลางของเรา”
กวนซูเยวียนเบิกตาโต เหมือนได้ยินข่าวที่น่าใอย่างไรอย่างนั้น “เ้าเ้า ตาแก่ เ้ามีความคิดจะให้ต้าหลางของพวกเราแต่งงานด้วยหรือ ลูกสาวของเขาเ้าไปเห็นได้อย่างไรกัน?”
เฉินจื่อิหัวเราะฮ่าๆ บนใบหน้าซื่อสัตย์นั้นมีความเ้าเล่ห์ปรากฏออกมา“ครั้งนี้ข้าไปหาเขาก็เพราะเื่ต้าหลางไม่ใช่หรือพอดีกับที่เขากำลังดื่มเหล้าอยู่ แม่ยายของเขาไม่อยู่ที่เรือนตอนนั้นเรือนธรรมดามาก ข้าได้ยินเขาเรียกลูกสาวคนที่สามมาจัดของ ทั้งยังให้เอาเหล้ามาให้รวมถึงทำอาหารมาหลายอย่าง”
“ตอนนั้นยังคิดว่าเป็ลูกสาวคนโต คิดไม่ถึงว่าตอนที่นางเดินผ่านตรงหน้ามากลับพบว่าเป็เด็กหญิงตัวเล็ก เด็กคนนั้นยังทำความเคารพทักทายข้าเสียดิบดีตัวเล็กแต่ห้าวหาญ ผู้ใดเห็นนางก็รักก็เอ็นดู แม่หนูอายุน้อย แต่เหมือนกับแม่หนูหรานของเราซื้อของเป็ชุดๆ ”
“ข้าเห็นสหายคนนั้นให้เงินลูกสาวไปหนึ่งก้วนวันนั้นก็จัดของกินกับเหล้ามาราวกับจะมีงานเลี้ยง”
เมื่อพูดถึงลูกสาวของเหล่าหยาง ใบหน้าแก่วัยของเฉินจื่อิก็เบิกบาน
ทำเอากวนซูเยวียนรู้สึกประหลาดใจมาก นางแสดงความสงสัยของตนออกมา“บนโลกใบนี้ยังมีคนที่สามารถเทียบกับแม่หนูของเราได้อีกหรือ? เหตุใดข้ารู้สึกว่า ทุกคนล้วนไม่เก่งกาจเหมือนกับแม่หนูของเราเลยเล่าแต่ว่านะ หากไม่เลวจริงๆ รอต้าหลางออกจากเรือนไปแล้วกลับมาอีกครั้งพวกเราค่อยถามพวกเขาจึงค่อยทำเื่แต่งงาน แต่ก่อนจะหมั้นหมาย ต้องดูว่าอีกฝ่ายว่าอย่างไรหากพวกเรายินดีไปขอแต่ทางนั้นไม่เห็นด้วย เช่นนั้นคงไม่ได้”
“ได้ เ้าเป็มารดาของเขา เอาตามที่เ้าพูด”
“ชิ ตาแก่นี่ เฮ้อ เหตุใดั้แ่ออกจากอำเภอเ้าถึงได้ทำหน้าทุกข์ใจตลอดเช่นนั้นพวกเราติดเงินเ้าหรือ? ทำให้เ้าไม่พอใจเช่นนี้?” กวนซูเยวียนเปลี่ยนหัวข้อ ถามเื่อื่นกับสามีตนเองพวกนางสองคนเป็สามีภรรยากันมาหลายปี พูดกันตามปกติแล้ว ขอแค่ไม่ใช่เื่ใหญ่โตเฉินจื่อิจะเป็คนนิสัยสบายๆ อย่างเช่นวันนี้ที่ทำหน้าตาบูดบึ้งเื่จะต้องแย่แน่นอน อีกทั้งจากลางสังหรณ์ของนางกวนซูเยวียนรู้สึกว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับหลานสาวของตน
เป็อย่างที่คิด พอถามออกไป เฉินจื่อิที่เดิมทีใบหน้ายังมีความอารมณ์ดีพลันหม่นหมองลงเขาหยิบยาสูบขึ้นมาสูบ ก่อนจะร้อง “เฮ้อ!” ออกมา แล้วเงียบไปไม่พูดจา
กวนซูเยวียนดึงแขนเขา “เฮ้ แม่หนูหลับอยู่นะ เ้าพูดมาว่าเกิดเื่อะไร?บอกข้ามาเบาๆ ”
เฉินจื่อิยังไม่พูดอะไร เมื่อถูกนางเร่งเช่นนี้ ถึงได้พ่นควันออกมาอย่างหงุดหงิด“ได้ ต่อไปเ้าไม่ต้องพูดถึงเื่ของคุณชายห้าอีก พวกเรากับเขาไม่เกี่ยวข้องกันแม่หนูของพวกเรา ก็ปกป้องเด็กคนนั้นแล้วกัน แต่หากไม่มีสิ่งใดติดขัด หากมีวาสนาต่อกันค่อยให้พวกเขามาคู่กัน”
เมื่อเห็นสีหน้านิ่งขรึมของเขา กวนซูเยวียนก็หรี่ตาลง ในใจแอบครุ่นคิด เมื่อนึกถึงโจวอ้าวเสวียนเฉินจื่อิมักจะทำหน้าชื่นชม แต่วันนี้คำพูดของเขาแสดงออกมาว่าไม่ถูกต้อง
ในเมื่อตาแก่ไม่อยากพูด นางเองก็ไม่เร่ง แม้จะอยากรู้ความจริงแต่นางยังฉลาดพอที่จะไม่ถามต่อ เขาเป็คนรู้เื่ เวลาที่ควรโวยวายก็จะโวยวายเื่นี้เป็เหตุผลที่กวนซูเยวียนไว้ใจเฉินจื่อิที่สุด
พวกนางเดินทางมาจนถึงเขตก็กลางดึกแล้ว
ต้าหลางถูกปลุกให้ตื่นลุกขึ้นมาช่วยหอบของเข้าเรือน เฉินเนี้ยนหรานแม้จะหลับมาแล้วครู่หนึ่งแต่อย่างไรก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ นั่งรถม้ากระแทกไปมาตลอดทางทำให้ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนร่างจะแหลกออกมา
