จิ่นเซวียนชำเลืองมองซ่งจื่อเฉิน นางเม้มปากยิ้มๆ “สามีมิต้องกังวล หน้าตาของท่านผ่านฉิวเฉียดเลยเ้าค่ะ”
“น้องห้า เ้ากลัวเซวียนเซวียนจะมิ้าเ้าหรือ?” เฉินซื่อหลุดหัวเราะ
“ใช่ขอรับ ภรรยาของข้าโดดเด่นและดีเลิศเช่นนี้ ข้ากังวลจริงๆ ว่านางจะมิ้าข้า” ซ่งจื่อเฉินมิได้ปฏิเสธที่เฉินซื่อถาม เฉินซื่อค่อนข้างดีใจที่เห็นพวกเขาสามีภรรยาเล่นมุกตลกใส่กัน
บรรยากาศอึมครึมในบ้านถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว
“ข้าเห็นแก่หน้าตาอันโดดเด่นของท่าน ข้าจะฝืนใจอยู่กับท่านก็ได้” จิ่นเซวียนปรับมุมมองที่นางมีต่อซ่งจื่อเฉินอีกหน นางยื่นมือไปลูบใบหน้าของซ่งจื่อเฉิน “ใบหน้าของท่านช่างเป็หายนะต่อโลกมนุษย์เสียจริง เฮ้อ คงจะดีกว่านี้ถ้าท่านหน้าตาน่าเกลียดกว่านี้อีกสักหน่อย”
“พี่สะใภ้เล็ก ท่านกับพี่จื่อเฉินหวานเลี่ยนเกินไปแล้วเ้าค่ะ พวกเราไร้คู่รับมิไหวหรอกเ้าค่ะ” โจวซู่อิงยิ้มล้อเลียนจิ่นเซวียน เมื่อจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินอยู่ด้วยกันนั้น ความสุขก็เปล่งประกายออกมาจนทิวทัศน์รอบข้างสดใสในทุกที่ที่พวกเขาไป
“อิงจื่อ เ้าอายุเท่าใดแล้ว ได้หมั้นหมายกับผู้ใดหรือยัง?” จิ่นเซวียนคลายยิ้มงดงาม และถามโจวซู่อิงด้วยท่าทีจริงจัง
โจวซู่อิงถอนหายใจเบาๆ “ข้าแก่เดือนกว่าท่านสองสามเดือน ยังมิคิดเื่แต่งงานหรอกเ้าค่ะ ข้าคิดเพียงเื่ที่จะพาน้องชายของข้าเข้าเรียนหนังสือในสำนักศึกษา”
“น้องชายของเ้าอายุเท่าใดแล้ว?” จิ่นเซวียนถามต่อ
“น้องชายของข้าอายุสิบขวบเต็มแล้ว เขาทำงานอยู่กับข้าตลอด มิเคยเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเลย ท่านพ่อของข้าก็เคยพูดเื่นี้ แต่ถูกท่านปู่ขัดเสียก่อน” เมื่อโจวซู่อิงคิดถึงน้องชายเพียงคนเดียวของนาง น้ำตาแห่งความคับข้องหมองใจก็เอ่อคลออยู่ในดวงตา ท่านลุงและพวกลูกพี่ลูกน้องของนางต่างก็ได้เรียนหนังสือ แต่พวกนางกลับต้องมาเป็คนงาน
“หากเ้ามิรังเกียจ ก็ให้น้องชายของเ้ามาที่บ้านข้า ข้าจะสอนให้เขาอ่านหนังสือเอง ในบ้านของข้ายังมีสี่สิ่งจำเป็ในห้องหนังสือ[1] อยู่ชุดหนึ่ง ให้เขาใช้ได้พอดี” จิ่นเซวียนมิคิดว่าโจวหลี่เจิ้งจะลำเอียงเช่นนี้ เป็ลูกชายกับหลานของตนเองเหมือนกัน เขาทำกับโจวเจียอิ้งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
“มิมีประโยชน์หรอก ปีหน้าก็ถึงการสอบคัดเลือก่วสันต์แล้ว ท่านปู่ยังกลุ้มใจเื่ค่าเดินทางของพวกท่านลุงอยู่เลย หากมิใช่ว่าเพราะห่วงหน้าตา เขาคงขายข้าเอาเงินมาเป็ค่าเดินทางให้ท่านลุงนานแล้ว” โจวซู่อิงยิ้มขื่น ครอบครัวของพวกนางมีชีวิตที่เหนื่อยยากยิ่งนัก ท่านลุงกับลูกๆ ทั้งสามคนของเขาได้เรียนหนังสือ แต่กลับมิเห็นได้ผลดีกลับมา ผ่านมาหลายปี ท่านลุงยังสอบถงเชิงมิติดเลย ลูกพี่ลูกน้องคนโตกับคนรองก็เช่นกัน
“คนไร้ประโยชน์คือคนที่เรียนหนังสืออย่างเดียว สอบมิผ่านมาหลายปีแล้ว ยังอยู่แต่ในสำนักศึกษา หลบหนีความเป็จริง ข้าเกลียดคนเช่นนี้ที่สุด อิงจื่อ หากเ้าอยากเปลี่ยนชะตาชีวิตของครอบครัว กุญแจก็อยู่ในมือเ้าแล้ว” จิ่นเซวียนมิคิดว่าชีวิตของโจวซู่อิงจะลำบากเช่นนี้ นางสงสัยว่าโจวเจียอิ้งมิน่าจะใช่ลูกชายของโจวหลี่เจิ้ง มิเช่นนั้นโจวหลี่เจิ้งจะใจดำเช่นนี้ได้อย่างไร
หลังทานอาหารเสร็จ โจวซู่อิงกับแม่ของนางหาข้ออ้างอยู่ช่วยล้างจานที่บ้านซ่งต่อ พวกนางไปที่เรือนโม่อวิ้นเซวียนเพื่อคุยกับจิ่นเซวียนตามลำพัง พวกนางอยากให้จิ่นเซวียนช่วยเสนอความคิด
“เซวียนเซวียนเอ๋ย ในด้านการต่อกรกับคนน่ารังเกียจเช่นพวกเขา เ้ามีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุด เ้าช่วยสอนพวกเราสักวิธีสองวิธีได้หรือไม่” หยวนซื่อคืออาแท้ๆ ของหยวนเฉิงหู่ นางเป็คนบ้านเดียวกับจิ่นเซวียน จิ่นเซวียนเห็นนางลำบากเช่นนี้ ก็อยากช่วยเหลือ ถือว่าตอบแทนน้ำใจของเจิงซื่อเมื่อคราก่อน
“ท่านอาซิ่งจวี๋ หากเวลานี้ท่านอยากเปลี่ยนสถานะ ข้าคิดว่าคงทำได้เพียงแยกบ้านเ้าค่ะ”
“แยกบ้านพูดน่ะง่าย สามีของข้ามิยินยอมแน่”
“หากสามีของท่านมิยินยอม ท่านก็ขอเจรจาหย่ากับเขาเถิดเ้าค่ะ ท่านแต่งงานกับเขามาหลายปี เป็คนงานให้คนทั้งบ้านของเขา มันมากพอแล้วเ้าค่ะ”
จิ่นเซวียนเกลียดคนกตัญญูแบบมิลืมหูลืมตาที่สุด เขามีชื่อเสียงในฐานะลูกกตัญญู แต่น่าเสียดายที่ทำให้ภรรยาต้องทนทุกข์ทรมาน
“ท่านพ่อมิกล้ายั่วโมโหท่านปู่ ท่านปู่ตะคอกเพียงไม่กี่คำ เขาก็ตัวหดแล้ว บางคราข้าก็เกลียดท่านพ่อยิ่งนัก เกลียดที่เขาอ่อนแอเกินไป หากมิใช่เพราะเขา ท่านแม่คงมิถูกป้าสะใภ้ข่มเหงอยู่ตลอด ข้ามิกลัวความลำบากและยินดีแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับครอบครัว แต่พวกเขามิคู่ควรที่จะเป็ครอบครัวของข้า”
โจวซู่อิงเอ่ยออกมาด้วยความแค้นเคืองต่อความมิเป็ธรรม “พวกท่านลุงเรียนหนังสือมาหลายปีเช่นนั้น มิเห็นพวกเขาจะสอบติดเลย พวกเราหาเงินมาอย่างยากลำบากยังต้องเอาไปเลี้ยงดูพวกเขาอีก มิยุติธรรมเลย”
ซ่งจื่อเฉินยกจานลูกพลับเจียงอันเข้ามาวางลงบนโต๊ะให้พวกจิ่นเซวียน
“สามี ท่านไปหยิบเค้กข้าวเหนียวกับเงินอั่งเปาก้นถุงของข้าออกมาส่วนหนึ่ง ให้อาสะใภ้นำกลับไปให้อาทง” อาทงที่จิ่นเซวียนพูดถึงคือลูกชายของหยวนซื่อ ซึ่งเป็น้องชายของโจวซู่อิง เด็กคนนั้นค่อนข้างขี้อาย ก่อนเวลาอาหารค่ำ เขายืนอยู่ในลานบ้านพักหนึ่ง เมื่อถึงเวลาทานอาหารเขาก็เดินออกไป
“อิงจื่อ ข้ามีวิธีดีๆ ในการช่วยพวกเ้าแล้ว มิรู้ว่าพวกเ้ายินดีจะลองหรือไม่” จิ่นเซวียนเสนอความคิดเห็นให้โจวซู่อิงฟังตอนที่ซ่งจื่อเฉินไปหยิบของ
“ขอแค่ดีกับอิงจื่อและอาทง ข้ายินดีทำทุกสิ่ง” หยวนซื่อค่อนข้างเสียใจที่แต่งงานกับโจวเจียอิ้ง คราแรกนางคิดว่าโจวเจียอิ้งคือลูกชายของโจวจิ้งหลี่ แต่งให้เขาคงมิแย่ ที่ไหนได้กลับลำบากถึงเพียงนี้
สามีของนางมิเป็ที่โปรดปรานก็แล้วไปเถิด แต่นี่เขายังโง่ นางอยากแยกบ้านหลายหนเขาก็มิยอม หนหนึ่งเขายังตบหน้านางเพื่อท่านพ่อของเขาด้วย
“ข้าสงสัยว่าท่านอาเจียอิ้งจะมิใช่ลูกชายของโจวหลี่เจิ้ง มิเช่นนั้นเขาจะทำกับท่านอาเจียอิ้งเช่นนี้หรือ จากการกระทำของโจวหลี่เจิ้ง เขามิสนใจผู้ที่มิมีประโยชน์ต่อเขา เขามิชอบอิงจื่อนั้นมิแปลก แต่เขามิชอบอาทงด้วยเช่นนี้ พวกท่านมิสงสัยหรือ?”
“เมื่อกงหยวน[2] ปีที่ 386 แผ่นดินผิงฉวนเกิดเหตุการณ์สำคัญ ใน่สามอาณาจักรเพิ่งก่อตั้งได้มินาน เกิดสงความอยู่บ่อยครั้ง ราษฎรต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด ผู้คนจึงอพยพไปทุกหนทุกแห่ง” หลังจากที่ซ่งจื่อเฉินนำเงินอั่งเปากับเค้กข้าวเหนียวออกมาแล้ว เขาก็เริ่มพูดถึงเื่ราวทางประวัติศาสตร์
จิ่นเซวียนสงสัยยิ่งนัก เื่ราวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องอย่างไรกับครอบครัวของโจวหลี่เจิ้ง?
“สามี ท่านอยากพูดสิ่งใดกันแน่?”
“่ที่ประชาชนอพยพครั้งใหญ่นั้น ครอบครัวของโจวหลี่เจิ้งเดินทางมาที่หมู่บ้านสกุลโจวพอดี ท่านอาเจียอิ้งเพิ่งเกิดเมื่อปีนั้น ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันว่าท่านอาเจียอิ้งจะมิใช่ลูกของโจวหลี่เจิ้ง และหากพวกเราคิดถูก โจวหลี่เจิ้งอาจจะต้องสงสัยว่าเขาฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์”
“ฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ ร้ายแรงเช่นนั้นเลยหรือ?” โจวซู่อิงมองซ่งจื่อเฉินอย่างมิเชื่อ
ท่านพ่อของนางเกิดกงหยวนปีที่ 386 จริงๆ หรือเื่นี้จะมีเงื่อนงำซ่อนอยู่?
“การอพยพครั้งนั้น ท่านคหบดีอิ่นเจิ้ง ผู้ที่มีชื่อเสียงจากอำเภอกุ้ยถงเดินทางผ่านอำเภอซิ่งหยาง พวกเขาถูกโจรูเาในอำเภอซิ่งหยางซุ่มโจมตี เพื่อปกป้องลูกชายที่เพิ่งเกิดและภรรยา เขาจึงสั่งให้พ่อบ้าน นามว่าโจวฟู่กุ้ยพาภรรยาของเขาหลบหนีจากที่เกิดเหตุและไปแจ้งเ้าหน้าที่ หลังจากที่พ่อบ้านจากไป เขาก็มิได้ไปแจ้งความ แต่มิกี่วันหลังจากนั้น คนของทางการก็พบภรรยาของคหบดีอิ่นเจิ้งตายอยู่ในป่า ส่วนครอบครัวของโจวฟู่กุ้ยทั้งสามคนรวมไปถึงทารกที่เพิ่งเกิดนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“ข้าเข้าใจที่ท่านจะสื่อแล้ว ท่านสงสัยว่าโจวหลี่เจิ้งคือพ่อบ้านโจวฟู่กุ้ยของคหบดีอิ่นเจิ้ง ส่วนท่านอาเจียอิ้งก็คือเด็กทารกที่เพิ่งเกิดผู้นั้น” เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ จิ่นเซวียนใยิ่งนัก เหตุใดสามีรูปงามของนางถึงได้รู้เื่ราวในอดีตของโจวหลี่เจิ้งได้เล่า
โจวซู่อิงหวังว่าเบาะแสนี้จะเป็ความจริง “พี่จื่อเฉิน หากเป็เช่นนั้นจริง ท่านปู่ของข้าก็น่ากลัวเกินไปแล้วเ้าค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] สี่สิ่งจำเป็ในห้องหนังสือ หมายถึง เครื่องเขียนอย่าง กระดาษ หมึก พู่กันและจานฝนหมึก เรียกอีกอย่างว่า สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ
[2] กงหยวน หมายถึง คริสต์ศักราช
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้