เมื่อเห็นว่ากรงเล็บกำลังพุ่งเข้ามา สีหน้าของมู่ฝานก็ดูหวาดกลัวในทันที เวลานี้ความตายกำลังเข้ามาหาเขาแล้ว
แกร๊ง!
แต่ทันใดนั้น ลำแสงสีม่วงก็พุ่งแหวกอากาศปะทะเข้ากับกรงเล็บนั้นอย่างแรง ทำให้เด็กหนุ่มหลุดรอดจากกรงเล็บมาได้อย่างหวุดหวิด
สำแสงสีม่วงเมื่อครู่คือพลังสายฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากหอกจื่อเหลย มู่เฟิงรีบวิ่งเข้ามาหามู่ฝานอย่างรวดเร็ว มู่เฟิงไม่รอช้าอีกต่อไป เขารีบลงมือโจมตีัเกราะหนามด้วยหมัดอันทรงพลังต่อในทันที
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
เปลวเพลิงสีแดงลุกโชนขึ้นบนกำปั้น ก่อนที่มันจะพุ่งออกไปโจมตีัเกราะหนามอย่างรุนแรง และความทรงพลังของหมัดนี้ก็บีบให้ัเกราะหนามต้องถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง กระทั่งกระดองที่ปกคลุมแผ่นหลังของมันยังปรากฏรอยร้าวขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่าหมัดเมื่อครู่จะทรงพลังอย่างมาก ทว่ามันกลับสร้างผลกระทบให้กับัเกราะหนามได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าการป้องกันของมันแข็งแกร่งมากเพียงใด
“นายน้อย”
เมื่อเห็นร่างของมู่เฟิงยืนอยู่ตรงหน้า มู่ฝานก็พรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นมู่ขวงก็รีบเข้ามาแบกมู่ฝานขึ้นหลังและหลบไปยังที่ปลอดภัยในทันที
“จื่อเยว่ เ้ารีบนำแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ไปวางกับดักเอาไว้ ข้าจะดึงดูดเ้าัเกราะหนามตัวนี้ไปที่นั่นเอง”
มู่เฟิงโยนแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์จำนวนหนึ่งไปทางไป๋จื่อเยว่ เด็กหนุ่มรีบรับมันเอาไว้พลางพยักหน้าในทันที
มู่เฟิงหันกลับไปเผชิญหน้ากับัเกราะหนามอีกครั้ง ส่วนไป๋จื่อเยว่ก็รีบหลบออกไปทันที เพื่อนำแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ไปวางกับดักเอาไว้ในระยะไกล
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
มู่เฟิงเหวี่ยงดาบในมือเพื่อสกัดกั้นศรพลังสีทองที่ัเกราะหนามปล่อยออกมาโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง โดยในเวลาเดียวกันเด็กหนุ่มก็ต้องคอยขยับกายไปมาเพื่อหลบหลีกไปด้วย
“อัสนีบาตย่ำแปดทิศ!”
ทันใดนั้นมู่เฟิงก็แผดเสียงออกมาอย่างดุดัน พลังสายฟ้าภายในร่างของเขาพลันปะทุขึ้น และเมื่อเขาก้าวขาออกไปสามก้าว พลังปราณในร่างของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นเป็สามเท่าในชั่วพริบตา จากนั้นเด็กหนุ่มก็กวาดดาบออกมา ปลดปล่อยลำแสงสีแดงเพลิงออกไปเบื้องหน้าในทันที
เปรี้ยง!
ในที่สุดปราณดาบในครั้งนี้ก็สามารถทะลวงผ่านกระดองของัเกราะหนาม และทิ้งาแเอาไว้บนตัวมันได้
ัเกราะหนามแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความเ็ป แน่นอนว่าสิ่งนี้ยิ่งเป็การกระตุ้นความดุร้ายของมัน มันพุ่งตัวเข้าหามู่เฟิงด้วยความเกรี้ยวกราดทันที
มู่เฟิงรีบหันหลังกลับและวิ่งหนีมันอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มวิ่งไปยังทิศทางที่ไป๋จื่อเยว่วางกับดักเอาไว้ตามแผน โดยเ้าัเกราะหนามก็วิ่งไล่ตามมู่เฟิงมาติดๆ แม้การเคลื่อนไหวของมันจะไม่ค่อยคล่องตัวนัก แต่แน่นอนว่าความเร็วในการวิ่งของมันไม่ถือว่าเชื่องช้า
มู่เฟิงหันหน้ากลับไปมอง ก่อนที่มุมปากของเด็กหนุ่มจะโค้งขึ้นในทันที ทันใดนั้นแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
เมื่อัเกราะหนามวิ่งมาถึงบริเวณกับดักที่วางเอาไว้ มู่เฟิงก็ทะยานร่างะโขึ้นสูงกว่าสิบเมตร พร้อมกับขว้างแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ไปทางัเกราะหนาม เพื่อทำให้กับดักที่วางไว้ให้เกิดการะเิ
เมื่อแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ที่โยนไปทางัเกราะหนามะเิออก กับดักทั้งหมดที่วางเอาไว้ก็พลันะเิขึ้นมาพร้อมกันในทันที เหตุการณ์นี้ทำให้เ้าัเกราะหนามตกอยู่ท่ามกลางทะเละเิ เดิมทีการะเิของแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ในครั้งแรกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกับมันมากนัก แต่เมื่อกับดักที่ถูกวางเอาไว้โดยรอบเกิดการะเิขึ้นมาพร้อมกัน แน่นอนว่าทะเลเพลิงที่เกิดขึ้นจากการะเิและปกคลุมในรัศมีหลายสิบเมตรย่อมส่งผลกระทบต่อมันเป็อย่างมาก
“โฮก…!”
ัเกราะหนามแผดเสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมาน ตรงบริเวณท้องน้อยของมันกลายเป็แผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ กระทั่งร่างกายของมันก็ยังถูกแรงะเิผลักกระเด็นจนลอยขึ้นฟ้าและตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ร่างของมันมีเืไหลอาบไปทั่วทั้งร่าง
หน้าท้องของมันก็มีาแขนาดใหญ่ กระทั่งอวัยวะภายในยังถูกพลังะเิทำลายไปด้วย
ขาทั้งสี่ของัเกราะหนามชี้ขึ้นไปบนฟ้า มันยังคงพยายามดิ้นรนที่จะเอาตัวรอด เพียงแต่เืของมันกำลังไหลนองไปทั่วพื้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และเพียงไม่นานสัญญาณชีพของมันก็ขาดหายไป
“นายน้อย ท่านช่างเก่งกาจนัก!”
เหล่าศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็โห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปดูร่างของัเกราะหนาม จากนั้นก็ลงมีดกรีดร่างของมันเพื่อหาผลึกอสูรทันที
มู่เฟิเผยยิ้มออกมา เมื่อได้รับผลึกอสูรระดับหนิงกัง ย่อมต้องสามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่เพียงแค่สิบอันดับแรกเท่านั้น
“พลังป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก เกรงว่าข้าคงจะต้องฝึกเคล็ดกายาจนถึงขอบเขตจินกังจึงจะสามารถมีพลังป้องกันระดับนี้ได้”
มู่ขวงเอ่ยขึ้น
เคล็ดวิชาฝึกกายาในระดับขั้นที่สองคือขอบเขตจินกัง แต่เขาในตอนนี้เพิ่งจะอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตโล่พลังที่เป็ระดับขั้นแรกของการฝึกเท่านั้น
“พี่เฟิง วันนี้ก็เป็วันที่ห้าของการประเมินแล้ว ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะเป็อย่างไรบ้าง”
ยามพลบค่ำ พวกเขากำลังนั่งรอบกองไฟเพื่อฟื้นฟูร่างกายและพลังปราณเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา และในวันนี้พวกเขาก็ใช้เนื้อของัเกราะหนามมาย่างเป็อาหาร
เมื่อมู่เฟิงได้ยินดังนั้น แสงสีขาวก็ส่องสว่างออกมาจากฝ่ามือของเขา จากนั้นถุงหนังสัตว์ก็พลันปรากฏขึ้นในมือ เมื่อเขาเปิดถุงก็พบว่าด้านในมีผลึกอสูรบรรจุอยู่มากกว่าสิบชิ้นแล้ว
ผลึกอสูรเหล่านี้เป็สิ่งที่พวกเขาเก็บเกี่ยวมาได้ใน่เวลาห้าวันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็ผลึกอสูรระดับจื่อฝู่ ส่วนผลึกอสูรระดับหนิงกังมีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ซึ่งพวกเขาได้รับมาหลังจากสังหารัเกราะหนามไปก่อนหน้านี้
“ด้วยผลึกอสูรเหล่านี้ หากเราสามารถรักษาระดับการล่าเช่นนี้ต่อไปได้ ข้าคาดว่ามันคงเพียงพอที่จะทำให้เข้าสู่สามอันดับแรกได้”
มู่ขวงกล่าวขึ้น
“นั่นก็ไม่แน่นักหรอก หากคนอื่นบังเอิญโชคดีได้พบสมุนไพรล้ำค่าขึ้นมาเล่า สถานการณ์ไม่มีอะไรที่แน่นอน”
มู่เฟิงส่ายหน้า
แต่ทันใดนั้น ดวงตาอันเฉียบคมของมู่เฟิงก็พลันเปลี่ยนเป็เ็า ก่อนจะะโออกมาว่า “ใครที่กำลังแอบอยู่ โผล่หัวออกมา!”
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของบรรดาศิษย์ตระกูลมู่ก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขารีบหยัดกายลุกขึ้น และกวาดตามองไปยังผืนป่ารอบๆ ตัวด้วยความระแวดระวังทันที
“เฮ้อ เ้าเด็กนี่ััการรับรู้ไม่เลว นึกไม่ถึงว่าจะค้นพบพวกเราได้”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในป่า ไม่นานกลุ่มคนราวๆ ยี่สิบคนก็เผยตัวออกมาจากในป่าอย่างใจเย็น
แน่นอนว่าคนเ่าั้ล้วนเป็บัณฑิตใหม่ของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น พิจารณาจากรูปลักษณ์ของพวกเขาแล้ว คาดว่าคงจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกมู่เฟิง
กลุ่มคนของพวกเขาได้ทำการล้อมกลุ่มของมู่เฟิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทว่ามู่เฟิงยังคงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “พวกเ้าแอบซ่อนตัวอยู่ในป่าเช่นนี้ คิดจะทำการอะไรกันแน่?”
พลังิญญาของมู่เฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปถึงเก้าเท่า ดังนั้นประสาทการรับรู้ของเขาจึงว่องไวกว่าคนทั่วไปเป็ธรรมดา
“เ้าหนุ่ม ทุกคนต่างก็เข้าร่วมการประเมินนี้เหมือนกัน เ้าย่อมรู้ดีว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร คุณชายที่อยู่ตรงหน้าเ้าท่านนี้คือคุณชายหลินเฉิน เป็บัณฑิตที่ทางสำนักศึกษารับเข้ามาเป็กรณีพิเศษจากเมืองหลินเย่ หากว่าเ้ายังรู้ความ ก็รีบส่งมอบผลึกอสูรของเ้าออกมาจะดีกว่า พวกเ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”
เด็กหนุ่มร่างผอมในชุดคลุมสีดำกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน โดยด้านข้างเขาคือเด็กหนุ่มรูปงามในชุดคลุมสีครามผู้มีเส้นผมยาวสลวย อีกฝ่ายกำลังเชิดหน้าขึ้นขณะเหลือบมองมู่เฟิงอย่างเย่อหยิ่ง
เขาคือบัณฑิตอัจฉริยะที่ทางสำนักศึกษาเทียนอวิ่นละเว้นค่าเล่าเรียนให้ แน่นอนว่าเขามีศักยภาพที่เหนือกว่าเพื่อนบัณฑิตในรุ่นเดียวกัน และมู่เฟิงเองก็เป็หนึ่งในบัณฑิตที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็กรณีพิเศษเหมือนกันกับเขา
“หลินเฉิน? โผล่มาจากที่ไหนกัน ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลย”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหลินเฉินที่สวมใส่ชุดคลุมสีครามก็พลันเปลี่ยนเป็เ็าขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นราวกับไม่แยแสว่า “ไม่สำคัญว่าเ้าจะเคยได้ยินชื่อของข้าหรือไม่ แต่ต่อไปพวกเ้าจะได้จดจำชื่อของข้าอย่างไม่มีวันลืมแน่นอน ส่งมอบผลึกอสูรออกมา ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้พวกเ้าต้องคลานออกจากเทือกเขาเทียนอวิ่นแห่งนี้”
หลังจากกล่าวจบ หลินเฉินก็ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับแผ่คลื่นพลังปราณออกมากดดันร่างของพวกมู่เฟิง
วรยุทธ์ของหลินเฉินนั้นถือว่าไม่ธรรมดา เขามีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด
“วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด นับว่าไม่เลว”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเฉยชา ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังปราณอันแข็งแกร่งออกไปกดทับฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน คลื่นพลังของเขากดทับลงบนร่างของหลินเฉินในทันที นอกจากนี้มันยังบีบให้หลินเฉินและคนของอีกฝ่ายต้องถอยห่างออกไปหลายก้าว อีกฝ่ายมองมู่เฟิงอย่างคาดไม่ถึง
ไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงต่างก็แสยะยิ้มออกมา
พรึ่บ!
ทันใดนั้นคลื่นพลังปราณระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ดและขั้นแปดก็พลันปะทุออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มทั้งสอง โดยคลื่นพลังนี้ได้พุ่งเข้าหาหลินเฉินและคนของเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคลื่นพลังอันแข็งแกร่งพร้อมกันถึงสามสาย พวกหลินเฉินก็ทำได้เพียงต้องถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง
“วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นแปดสองคนและขั้นเจ็ดอีกหนึ่งคน!”
หลินเฉินกล่าวด้วยความตื่นตะลึง ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
บรรดาศิษย์ตระกูลหลินที่เหลือต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงและคาดไม่ถึง
นี่พวกเขากำลังเจอกับของแข็งเข้าแล้วอย่างนั้นหรือ?
“เกรงว่าเวลานี้บทบาทระหว่างพวกเราคงต้องสลับกันแล้ว ส่งมอบผลึกอสูรออกมา ไม่อย่างนั้นวันนี้พวกเ้าจะได้คลานออกจากเทือกเขาเทียนอวิ่นแน่”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเ็า ในขณะที่ศิษย์ตระกูลมู่คนอื่นต่างก็เริ่มมีท่าทางคุกคามขึ้นมาเช่นกัน
สีหน้าของพวกหลินเฉินพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด พวกเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าตนจะมาพบกับตอไม้เข้า นอกจากจะเป็กลุ่มที่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นแปดถึงสองคนแล้ว ยังจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ดอีกคนหนึ่งอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้