“ไข่ในไข่?”
หนิงเทียนมีท่าทีตกตะลึง เขาถูกไข่หินดึงดูดอย่างลึกซึ้ง
สีของเปลือกไข่ด้านในเข้มกว่าเปลือกไข่ก่อนหน้าเล็กน้อย ลวดลายทางจิติญญาบนพื้นผิวก็หนาแน่นขึ้นเช่นกัน
ด้วยการใช้ทักษะดวงเนตร หนิงเทียนจึงพบว่าภายในไข่หินมีแสงอยู่อีกแปดชั้น ซึ่งบรรจุแสงแห่งความโกลาหลและปิดกั้นดวงตาของผู้มีญาณทิพย์เช่นเขา
เปลือกไข่แตกออกด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แสงอีกประเภทหนึ่งปล่อยออกมาจากด้านใน ในไม่ช้าไข่อีกชั้นก็เผยออกมา
เปลือกไข่ที่แตกออกเ่าั้ปล่อยพลังงานอันทรงพลัง ซึ่งทั้งหมดถูกดูดซึมเข้าสู่เปลือกไข่ที่เพิ่งเผยออกมาใหม่และก่อให้เกิดการถ่ายเทพลังงาน
ไข่ชั้นที่สามสูงประมาณสี่จั้ง นอกจากลวดลายทางจิติญญาแล้วเปลือกไข่ยังมีสีอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งทำให้ดูสว่างขึ้นเล็กน้อย
เปลือกไข่ชั้นที่หนึ่งและสองกำลังสึกกร่อน ขณะที่เปลือกไข่ฟองที่สามกำลังแตกร้าว
“ห่อเป็ชั้นๆ เ้าไม่คิดว่ามันลำบากไปหรือ?” หนิงเทียนเดาได้หนึ่งหรือสองอย่างแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของไข่ฟองใหญ่ที่ห่อไข่ฟองเล็กเอาไว้เช่นนี้
อะไรคือประเด็นสำคัญกันแน่นะ?
หลังจากเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป เปลือกไข่ชั้นเจ็ดก็แตกกระจายอยู่บนพื้น ไข่หินที่อยู่ตรงหน้าที่เริ่มต้นด้วยความสูงห้าจั้งเหลือความสูงเพียงหนึ่งจั้งครั้งแล้วในยามนี้
นี่เป็ไข่ชั้นที่แปดแล้วแต่การแตกยังคงดำเนินต่อไป หลังจากนั้นไม่นานไข่ชั้นที่เก้าก็ถูกเปิดเผย มันสูงประมาณหนึ่งจั้ง เปลือกไข่ถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายหลากสีสันกลายเป็ไข่ปริศนา
การเต้นของหัวใจที่เต้นแรงทำให้หนิงเทียนรู้สึกไม่สบายใจ ไข่ปริศนาซึ่งสูงประมาณหนึ่งจั้งทำให้เขารู้สึกถึงการกดขี่อย่างมาก
อสูรแบบใดซ่อนอยู่ในไข่นี้กันแน่?
มนุษย์หินจะปรากฏตัวหรือไม่?
ร่างกายของหนิงเทียนตึงเครียดขึ้น เขาใช้ยุทธศาสตร์ครอง์เพื่อขึ้นสู่์ในก้าวเดียว และเข้าสู่สภาวะพร้อมต่อสู้ในทันที
เปลือกไข่แตกเป็เสี่ยงๆ เช่นเคย แสงเก้าสีปล่อยออกมาจากภายในพร้อมด้วยหมอกแห่งความโกลาหล ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังสั่นไหว
เสียงแตกที่ชัดเจนทำให้เขาวิตกกังวล หนิงเทียนกำหมัดแน่นและจ้องมองอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเปลือกไข่ก็แตกออก และมีไข่อีกใบอยู่ข้างใน
“มันไม่ควรเป็เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไข่ควรมีเก้าชั้น ทำไมถึงเป็สิบได้เล่า?” หนิงเทียนทั้งใและประหลาดใจ ไข่หินตรงหน้าเขาสูงประมาณหกจั้ง เปลือกไข่โปร่งใสจนเห็นร่างมนุษย์ที่ขดตัวอยู่ข้างใน
บนเปลือกไข่มีเส้นแปลกๆ เก้าเส้นซึ่งดึงดูดความสนใจของหนิงเทียน เส้นเ่าั้กัน ณ จุดหนึ่ง และกระจายไปทั่วเปลือกไข่เหมือนสายน้ำ ดูไม่ต่างจากเส้นลมปราณของจื๋อซิวเลย
มนุษย์ภายในเปลือกไข่นั้นแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ผิวของเขาเหมือนหยก ขาวใสทว่าแข็งแกร่ง แม้จะเป็สภาวะเกิดใหม่ก็ตาม แต่เขามีส่วนสูงพอๆ กับคนปกติและเสียงหัวใจที่เต้นแรงบอกถึงความแข็งแกร่ง
เส้นทั้งเก้าบนเปลือกไข่ส่องแสงแปลกๆ ทะลุเข้าไปในร่างกายของชายคนนั้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ญาณทิพย์ของหนิงเทียนเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นเ่าั้กลายเป็เส้นลมปราณหลักเก้าเส้นในร่างของเขา และทุกสิ่งทุกอย่างเป็ไปตามธรรมชาติ
“นี่คือกายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดหรือ?” หนิงเทียนสะดุ้งกับความคิดที่เข้ามาอย่างฉับพลัน คนที่เกิดจากไข่นี้ช่างแปลกมาก เขาถูกห่อไว้ด้วยไข่เก้าชั้น ทว่ามีเปลือกไข่สิบชั้น มันเป็ไปไม่ได้เลย
คนผู้นั้นเริ่มเคลื่อนไหว หลังจากสร้างเส้นลมปราณทั้งเก้าเสร็จ พลันเหยียดแขนขาจนเปลือกไข่แตกออก เขากำลังจะออกมาแล้ว
หนิงเทียนค่อยๆ ถอยกลับและสังเกตอย่างใกล้ชิด รูปแบบทางจิติญญาบานสะพรั่งไปทั่วร่างกายของคนผู้นั้น และเขากำลังดูดกลืนแสงแห่งจิติญญาเก้าสีเข้าไป ดูดซับพลังทั้งหมดที่อยู่ในไข่ขาวและเปลือกไข่ทั้งหมด
คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นและเริ่มส่งเสียงก่อนจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริง เขามีส่วนสูงพอๆ กับหนิงเทียน มีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนราวกับสตรีแต่ไม่มีเส้นผม โครงสร้างร่างกายไม่แสดงออกว่าเป็ชายหรือหญิง ลักษณะของเขาเป็เหมือนรูปปั้นหินที่แกะสลักอย่างประณีต
เขามีดวงตาสีทองซึ่งเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เสียงคำรามแปลกๆ เริ่มดังออกมาจากปากของเขา
หนังศีรษะของหนิงเทียนรู้สึกชา เสียงคำรามแปลกๆ ของชายคนนี้ราวกับเสียงฟ้าคำรามที่สั่นะเืท้องฟ้า ทำให้เืลมไหลเวียนช้าลง
เมื่อคนผู้นั้นตระหนักถึงการมีอยู่ของหนิงเทียน ดวงตาสีทองของเขาเผยให้เห็นขอบอันแหลมคม เขาคำรามก้อง เส้นจิติญญาปรากฏบนผิวหิน ก่อนจะฟาดด้วยพลังที่ไม่ต่างจากสายฟ้า คลื่นพลังพุ่งออกมาจากหมัดของเขาทำให้ห้วงอากาศแตกกระจาย
“บ้าเอ๊ย!” หนิงเทียนสาปแช่ง ลวดลายสีทองเบ่งบานบนิัของเขา กายาสุวรรณะนิรันดร์ผสานกับทะลวงพันชั้น กำปั้นทองคำเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่แผดเผา
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรวดเร็ว หมัดของพวกเขาปะทะกันกลางอากาศ พลังอันรุนแรงประสานกัน คลื่นกระแทกที่แพร่กระจายทำให้เืของหนิงเทียนเดือดพล่าน และร่างของเขาที่กระเด็นถอยไป
คนผู้นั้นอยู่ในอารมณ์บ้าคลั่ง เส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างกายคำราม ปลดปล่อยพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ออกมา ทั้งร่างของเขาราวกับกลายเป็หิน เขาแข็งแกร่งเหมือนเพชรและมีพลังครอบงำทุกด้าน
การเคลื่อนไหวของเขาทั้งคล่องแคล่วและรุนแรง เรียบง่ายทว่าเฉียบคม ร่างกายคล้ายหยกสีขาวที่คงกระพันต่อน้ำและไฟ ไม่หวั่นต่อดาบหรือปืน ไร้จุดอ่อนเช่นเดียวกับนักรบพระโพธิสัตว์ที่ถือกระบองเหล็กผู้อยู่ยงคงกระพัน
ครั้งหนึ่งหนิงเทียนเคยต่อสู้กับสือเสียวเป่าในระดับเดียวกัน เขาเป็จิติญญาแห่งธรรมชาติที่คล้ายกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้ามาก
การต่อสู้ครั้งนั้นกลายเป็ความทรงจำมิอาจลืมเลือนสำหรับหนิงเทียน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างนองเื ในที่สุดหนิงเทียนก็ได้รับชัยชนะอย่างน่าสังเวชและสือเสียวเป่าก็ะเิตัวเอง
ยามนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์หินอีกครั้ง เขารู้สึกว่าคนที่ฟักออกมาจากไข่นั้นน่ากลัวกว่าสือเสียวเป่า อีกฝ่ายมีกายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดและสามารถเรียกได้ว่าเป็การดำรงอยู่ที่ไม่เหมือนใครในหมู่มนุษย์หิน
หมัดของเขาดุร้ายและทรงพลัง ร่างกายเป็ะราวกับเหล็กกล้า การโจมตีตรงไปตรงมาและเฉียบแหลม อีกทั้งจิติญญาการต่อสู้ก็มีความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
หนิงเทียนบ่นออกมาอย่างโกรธเคือง เขาโกรธจนแทบคลั่ง คนผู้นี้แสดงความโเี้ออกมาอย่างไม่เลือกปฏิบัติ แต่ความแข็งแกร่งของเขาช่างน่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้หนิงเทียนไม่มีที่ไหนให้หลบหนี
“เ้าผู้ะโออกมาจากไข่หิน เ้าคิดว่าข้ากลัวเ้าจริงหรือ? รอก่อนเถอะ!” จิติญญาแห่งการต่อสู้ของหนิงเทียนนั้นสูงมากจนแผนที่จิติญญาทั้งเก้าในร่างกายของเขาเชื่อมโยงถึงกัน พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดอกไม้ ต้นหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ที่อยู่นอกร่างกายถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน ร่างของเขาถูกล้อมรอบด้วยดิน ไฟ น้ำและลม เขาเริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดกับคนผู้นั้น
บนร่างมนุษย์หินั์ ร่างทั้งสองเคลื่อนไหวเร็วราวกับแสง มีลักษณะเป็คลื่นราวกับสายฟ้า หมัดของพวกมันต่างลุกโชนไปด้วยพลัง
ชายคนนี้บ้าคลั่งไคล้ หัวใจของเขาเต้นแรงและน่าสะพรึงกลัว ดูเหมือนเขาจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์อันไม่มีที่สิ้นสุด อีกฝ่ายทุบตีหนิงเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่สามารถต้านทานได้
ใบหน้าของหนิงเทียนมืดมน เขาใช้หนึ่งก้าวสู่์ พลังการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นสิบเท่า แม้สือเสียวเป่าจะเกิดใหม่และอยู่ในขอบเขคเดียวกัน เขาก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้จน้าคุกเข่าและร้องขอความเมตตาได้ แล้วเหตุใดเขาจะไม่สามารถเอาชนะคนตรงหน้าผู้นี้ได้เล่า?
ขอบเขตของเขาสูงกว่าข้าหรือ?
หนิงเทียนหมุนวนยุทธศาสตร์ครอง์ผสานกับเส้นทางเต๋าพฤกษาและเส้นทางแห่งจิติญญา ควบคุมแผนที่จิติญญาทั้งแปดด้วยแผนที่จิติญญาที่เก้า ความสามารถและทักษะที่หลากหลายสามารถเปลี่ยนใช้ได้ตาม้าและรวมกันได้อย่างอิสระ และเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ในการใช้กลยุทธ์มากมาย
วิธีการโจมตีของคนผู้นั้นค่อนข้างเรียบง่าย ร่างกายของเขาเป็ะ หมัดของเขาอยู่ยงคงกระพัน การโจมตีและการป้องกันผสานกัน ดังนั้น เขาจึงไม่มีอะไรต้องกลัว
ด้วยการเคลื่อนไหวที่หลากหลายนั้น หนิงเทียนมีข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่กับศัตรูที่มีกลยุทธ์หนึ่งกำลังชนะสิบ ทำให้หนิงเทียนไม่มั่นใจอย่างมาก
“กายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดไม่ใช่หรือ? มีอะไรที่ยอดเยี่ยมกัน?”
ข้ายังมีเส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าและไม่เคยพ่ายแพ้ทั้งที่อยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึก ข้าต้องกลัวเ้าหรือ?
หนิงเทียนมีอารมณ์ดื้อรั้นและปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แม้เขาจะถูกหมัดของชายคนนั้นปราบปราม แต่เขาเลือกสู้แบบเผชิญหน้าซึ่งเป็เื่โหดร้ายที่สุดในการตอบโต้
“วาโยพิโรธ!” ร่างของหนิงเทียนส่งเสียงคำราม เส้นสีทองบนิัถูกเผาไหม้ พลังแห่งดิน ไฟ น้ำ และลมในร่างก่อตัวเป็หอคอย และคุณสมบัติของพลังจะผันผวนระหว่างดิน ไฟ น้ำ และลม
ในเวลาเดียวกัน บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย และเถาวัลย์เขียวนอกตัวของหนิงเทียนก็รวมเข้าด้วยกัน และกลายเป็หอคอยที่บรรจุปราณกระบี่ที่อยู่ยงคงกระพัน กายาสุวรรณะนิรันดร์ เก้ากระบวนท่าของบงกชสีมรกต และแส้เถาวัลย์ัต่างเชื่อมโยงเข้ากับวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติ
คนผู้นั้นคำรามด้วยสายตาบ้าคลั่ง หมัดของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดเผาไหม้อย่างรุนแรง
“ทั้งทุ่มเทและแม่นยำ!”
ดวงตาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ เขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของคู่ต่อสู้ได้ด้วยทักษะญาณทิพย์ จึงสามารถเปรียบเทียบสถานการณ์ของตนเองและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
“กายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดยังคงเติบโตและะเิพลังออกมา มันเป็ร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์จริงๆ เช่นนั้นร่างเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์จงเผาผลาญเพื่อข้า!”
หนิงเทียนกรีดร้องอย่างดุเดือด จิติญญาการต่อสู้ของเขาอยู่ในระดับสูง เส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างกายเชื่อมโยงถึงกัน แผนที่จิติญญาทั้งเก้าผสานพลังเข้ากันได้ ความสามารถและทักษะต่างๆ ถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนจะกระตุ้นร่างเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์และพัฒนาศักยภาพขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประตูหินปรากฏขึ้นด้านหลังหนิงเทียน มันเป็ประตูสู่์ที่ปกครองโลกและทำให้ทุกทิศทุกทางตกตะลึง
คนผู้นั้นรู้สึกว่าตนถูกคุกคามจึงปล่อยเสียงคำรามออกมาอย่างรุนแรง เส้นสายลึกลับเริ่มปรากฏบนผิวหินที่ขาวดุจหยก
จิตใจของหนิงเทียนเป็อันหนึ่งอันเดียวกัน จิติญญาการต่อสู้ลุกโชน เขารวมวาโยพิโรธเข้ากับทะลวงพันชั้น พลังขององค์ประกอบหนึ่งเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เขาบังคับให้คู่ต่อสู้หยุดและทำให้ตำแหน่งของตนมั่นคงขึ้น
ก่อนหน้านี้หนิงเทียนเคยพ่ายแพ้ แต่ในที่สุดเขาก็ต่อต้านไว้ได้
หนิงเทียนะโอย่างดุเดือด ขณะที่คนผู้นั้นก็คำรามลั่น จิติญญาแห่งการต่อสู้ในดวงตาของกันและกันต่างสูงส่ง ความเชื่อที่อยู่ยงคงกระพันทำให้ทั้งคู่สู้กันอย่างไม่ยอมลดละ
พลังอันน่าสะพรึงกลัวของหมัดสั่นไปทุกทิศทาง หนิงเทียนและคนผู้นั้นมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มี และเป็การยากที่จะบอกว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน
ทั้งสองฝ่ายมีกองหลังที่แข็งแกร่งและใช้พลังงานจำนวนมหาศาล พลังจากภายในโลงศพไปสู่ภายนอกโลงศพ จากปฐีสู่ท้องนภา อย่างน้อยก็หมุนเวียนลองนับหมื่นครั้ง
ในระหว่างกระบวนการนี้ หนิงเทียนได้ให้ความสนใจกับกายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดในร่างของคู่ต่อสู้ มันเป็ร่างกายที่เหนือกว่าเส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้า ทั้งยังมีพลังอันยิ่งใหญ่และได้รับพรจาก์
ทั้งร่างกายและจิติญญาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ เส้นทางเต๋าพฤกษา เส้นทางแห่งจิติญญา และเส้นทางิญญาถูกรวมเข้าเป็หนึ่งเดียว เมื่อรวมกับวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติ เขาก็สามารถทัดเทียมกับคู่ต่อสู้ แต่เขาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
กายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดในร่างกายของคนผู้นั้นถูกเปิดใช้อย่างสมบูรณ์ กลิ่นอายที่ปล่อยออกมานั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาคิดว่าตนอยู่ยงคงกระพัน ทว่ากลับถูกหนิงเทียนสะกัดเอาไว้ได้
“จะ...เ้าเป็คะ...ใคร?” เสียงตะกุกตะกักดังสะท้อนอยู่ในความว่างเปล่า นี่คือการพูดครั้งแรกของคนผู้นั้น การออกเสียงจึงยังไม่ถูกต้องซึ่งทำให้หนิงเทียนใ
“ข้าเป็ใครเช่นนั้นหรือ? ข้าก็คือลุงของเ้าไง ถ้าข้าไม่บุกเข้ามาในปราสาทหินแห่งนี้ เ้าจะออกมาจากใจของมนุษย์หินนั้นได้หรือ? แล้วเ้าเล่า? ไม่รู้ดีชั่วทั้งยังแทนคุณด้วยความเกลียดชัง!” หนิงเทียนด่าทอก่อนจะพบว่าอารมณ์คลุ้มคลั่งในดวงตาของคนผู้นี้เริ่มลดลง
“ต้นกำเนิด?” ร่องรอยของความสับสนแวบขึ้นมาในดวงตา เขาไม่ได้กลัวการลอบโจมตีแต่อย่างใด
หนิงเทียนขมวดคิ้ว คำว่า “ต้นกำเนิด” ทำให้เขานึกถึงคำที่อยู่บนประตูต้นไม้ มันจะเกี่ยวข้องกับเื่นี้หรือไม่? “แล้วเ้าชื่ออะไร? มาโจมตีข้าทำไม?”
“ข้าคือสือซินเป็เทพโดยกำเนิด เ้ามีกลิ่นอายของเส้นทางแห่งจิติญญาในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยข้าเปิดใช้งานกายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณได้”
หนิงเทียนลอบสาปแช่ง เป็กายศักดิ์สิทธิ์เก้าเส้นลมปราณโดยกำเนิดจริงๆ “เ้าเป็มนุษย์หรืุ์หิน?”
“ข้าคือเทพโดยกำเนิด และเ้าคือจิติญญาของมนุษย์” สือซินมองหนิงเทียน จากนั้นการโจมตีก็หยุดลงทันทีพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าละเอียดอ่อน
“เทพบ้าอะไร? เ้ามันก็แค่มนุษย์หิน หยุดคุยโวเื่ตนเองได้แล้ว!” ในที่สุดหนิงเทียนก็ยืนยันได้ว่าคนผู้นี้คืุ์หิน
“การดูิ่เทพเป็บาปมหันต์!” สือซินโบกกำปั้นและเตือนหนิงเทียนสำหรับการหยาบคาย
“เ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับมนุษย์ั์ในโลงศพ?” หนิงเทียนไม่สนใจภัยคุกคามของสือซิน ในขณะนี้ทั้งสองยังคงสู้กันด้วยการเคลื่อนไหวนับหมื่นครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้
ประกายแปลกๆ แวบขึ้นมาในดวงตาของสือซิน เขาลอยขึ้นไปเหนือโลงศพ แล้วมองลงไปที่มนุษย์หินขนาดพันจั้ง
“เราสืบทอดมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน เขาเป็ชาติก่อนของข้า และข้าคือเขาในชีวิตนี้”
หนิงเทียนตกตะลึงก่อนจะถามอย่างสงสัย “เ้าคือชีวิตใหม่ที่เกิดหลังจากการตายของเขาหรือ?”
“เข้าใจแบบนั้นก็ได้”
หนิงเทียนถามต่อ “แล้วทำไมเร็วกว่านี้ไม่เกิด ช้ากว่านี้ไม่มา กลับถือกำเนิดทันทีที่ข้าเข้ามาเช่นนี้เล่า?”
