เห็นเขาชี้ไปที่หลินหวั่นชิว บรรดาชาวบ้านพากันมีสีหน้าที่สื่อว่า ‘คิดไว้แล้วเชียว’
จังหวะที่ทุกคนกำลังจะพ่นคำด่าที่อัดแน่นในท้องมาเนิ่นนาน
โจวเอ้อร์เหนิงพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่นาง”
มารดามันเถิด โจวเอ้อร์เหนิง เ้าอยากโดนทุบหรือ!
มาพูดหักมุมในจังหวะตึงเครียดเช่นนี้… โจวเอ้อร์เหนิงคงไม่อยากมีชีวิตแล้ว
ชาวบ้านหลายคนอยากถอดรองเท้ามาปาใส่โจวเอ้อร์เหนิง ทว่าอากาศเย็นเกินไป กลัวหนาว พวกเขาจึงได้แค่คิดในใจ ไม่ได้ลงมือทำ
หากเป็หน้าร้อน… คอยดูได้เลยว่าพวกเขาจะปารองเท้าใส่โจวเอ้อร์เหนิงหรือไม่
จางซื่อผงะ คนบ้านหลินทำหน้าเหมือนเห็นผี
“สามีลูกใหญ่ เื่นี้เกี่ยวโยงกับชื่อเสียง เ้าต้องคิดให้ดีก่อนตอบนะ” จางซื่อเตือน น้ำเสียงมีความโมโห
หลินฟาไฉเอามือไขว้หลัง เตือนโจวเอ้อร์เหนิงเสียงทุ้มเช่นกัน “อย่าพูดจาซี้ซั้ว ตอนนั้นเกิดกระไรขึ้นกันแน่ อธิบายให้ชัดเจน”
หลินหวั่นชิวชิงพูดก่อนโจวเอ้อร์เหนิง “ท่านพ่อ… ท่านแม่รอง… พวกท่านทำสีหน้าราวกับมีคนในครอบครัวตาย ประหนึ่งไม่พอใจกับคำตอบของพี่เขยอย่างไรอย่างนั้น ผิดหวังมากหรือที่สตรีชู้มิใช่ข้า? ทั้งที่ข้าต่างหากที่เป็ลูกสาวของท่าน พี่เขยบอกว่าไม่ใช่ข้า แต่พวกท่านกลับทำเหมือน... เขาพูดโกหก”
หลินหวั่นชิวคอยสังเกตสีหน้าคนบ้านหลินั้แ่ตอนที่โจวเอ้อร์เหนิงพูดจบ
เมื่อนางพูดเช่นนี้ บรรดาชาวบ้านก็พากันมองตาม พบว่าคนบ้านหลินหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าก้นหม้อ
“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดพวกท่านจึงอยากให้ข้าตายครั้งแล้วครั้งเล่า หรือข้าจะมิใช่ลูกแท้ๆ ของพวกท่าน?”
จางซื่อได้ยินดังนี้ก็ประหม่าทันที มารดามันเถิด หลินหวั่นชิวเริ่มสงสัยแล้ว
นางรีบอธิบาย “เ้าคิดมากเกินไปแล้ว ไม่ใช่เช่นนั้น พวกข้าแค่อยากให้เขาคิดให้ดี อย่าพูดซี้ซั้ว เ้าต้องไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรใส่ร้ายผู้อื่น ถึงอย่างไรเสียวันนั้นเขาก็ดื่มหนัก…”
หลินฟาไฉเห็นจางซื่อส่งสายตามาก็รีบอธิบายตาม “แม่รองเ้าพูดถูกแล้ว เ้าเป็ลูกสาวแท้ๆ ของข้า จะหวังร้ายต่อเ้าได้เยี่ยงไร ที่พูดเพราะอยากเตือนสามีลูกใหญ่ให้ไตร่ตรองให้ดีก็เท่านั้น ตอนนั้นเขาเมา ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด”
“ถุย! ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดกับผีน่ะสิ พวกเ้ากำลังปกป้องหลินหวั่นชิว! วันนั้นข้าเห็นกับตา เป็คนดึงหลินหวั่นชิวลงจากร่างโจวเอ้อร์เหนิงด้วยตัวเอง!”
นางพูดความจริง แค่เปลี่ยนชื่อก็เท่านั้น
โจวเอ้อร์เหนิง “คนที่เ้าดึงลงจากร่างข้าคือจ้าวหงฮวา”
ขณะที่ทุกคนยังคงพูดกระซิบกระซาบถึงหลินหวั่นชิว นิ้วของโจวเอ้อร์เหนิงก็ชี้ไปที่จ้าวหงฮวา
“เ้าโกหก!” จ้าวหงฮวาหวีดร้องเสียงแหลม
ชาวบ้านชอบใจกว่าเดิม เื่ราวซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ สนุกยิ่งกว่าดูงิ้ว
“นายน้อยเจ็ด ท่านต้องเชื่อข้านะเ้าคะ โจวเอ้อร์เหนิงใส่ร้ายข้า เขาสาดกระถางมูลใส่ข้าเพื่อปกป้องหลินหวั่นชิว ท่านต้องเชื่อข้านะเ้าคะ…”
จ้าวหงฮวาที่หน้าซีดหันไปดึงแขนเสื้อนายน้อยเจ็ด อธิบายทั้งน้ำตา
นายน้อยเจ็ดตระกูลกู่อดทนต่อความสะอิดสะเอียนไม่ไหว เขาดึงแขนเสื้อออกจากมือจ้าวหงฮวา ถามโจวเอ้อร์เหนิงว่า “ต้าเกอท่านนี้ ท่านบอกว่าคนที่ได้เสียกับท่านคือจ้าวหงฮวา ไม่ทราบว่ามีหลักฐานหรือไม่?”
สตรีชาวบ้านจ้าวหงฮวานางนี้ช่างหยาบคายยิ่งนัก แค่ฟังคำที่นางพูดก็อยากจะอาเจียน โชคดีที่เขาไม่ได้ต้องแต่งงานกับนางจริงๆ มิเช่นนั้นเขาคงรู้สึกว่าชีวิตนี้ตัวเองคงไม่มีวันร่วมหลับนอนกับนางได้เป็แน่
แต่เื่ราววันนี้ผิดพลาดจากแผนที่วางไว้
ผิดกับที่จางซื่อบอกเขา
เขายอมใช้ตัวเองเป็เหยื่อล่อเพื่อประจบตระกูลเถียน จะปล่อยให้แผนการล้มเหลวไม่ได้
เพราะหากล้มเหลว เสน่ห์ของเขาคงเสียเปล่า ไม่รู้วันหน้าจะสะอิดสะเอียนอีกนานแค่ไหน
“พูดจากล่าวหาว่าที่ภรรยาข้าเช่นนี้ ข้าสามารถไปร้องเรียนที่หยาเหมินให้จับเ้าขังคุกตลอดชีวิตได้!” นายน้อยเจ็ดข่มขู่โจวเอ้อร์เหนิง
ทำเอาจ้าวหงฮวาตื้นตันใจ
น้ำตาไหลพราก
รู้สึกว่านายน้อยเจ็ดคือเทพที่จุติลงมาจาก์ ใต้หล้านี้มิมีบุรุษคนใดดีไปกว่าเขาอีก
“นายน้อยเจ็ด…” นางมองเขาด้วยสายตารักใคร่ นายน้อยเจ็ดต้องอดทนต่อความสะอิดสะเอียนเพื่อสบตานาง “หงฮวา เ้าวางใจเถิด ข้าเชื่อว่าเ้าบริสุทธิ์ เ้าถูกใส่ร้าย ตระกูลกู่พอจะมีเส้นสายในอำเภอเฉาอยู่บ้าง ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดกลับดำเป็ขาวแน่! ภัยเกิดจากปาก โจวเอ้อร์เหนิง ข้าหวังว่าเ้าจะไตร่ตรองให้ดีก่อนพูด”
เขาพูดเช่นนี้เพื่อข่มขู่โจวเอ้อร์เหนิงเช่นกัน
อยากให้โจวเอ้อร์เหนิงกลับคำ
เดิมทีโจวเอ้อร์เหนิงก็เป็คนขี้ขลาด เริ่มตัวสั่นเทิ้มเมื่อถูกข่มขู่เช่นนี้
จางซื่อสบโอกาสใช้คำพูดก่อนหน้านี้มาโน้มน้าวโจวเอ้อร์เหนิง “เ้าห้ามพูดจาไม่เหมาะไม่ควร เพราะแค่คำพูดก็ทำลายความบริสุทธิ์ของสตรีได้แล้ว วันนั้นเ้าดื่มมาก ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับผู้ใด”
“ภรรยารองบ้านหลิน เ้าเลิกบ่ายเบี่ยงได้แล้ว สะใภ้ใหญ่บ้านจ้าวบอกแล้วว่าโจวเอ้อร์เหนิงเป็ชู้กับหลินหวั่นชิว!”
“ใช่ ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน รีบไล่พวกเขาออกจากหมู่บ้านเลย”
นายน้อยเจ็ดแค่ก้าวออกมา คนที่เริ่มสงสัยจ้าวหงฮวาก็กลับลำอีกครั้ง รู้สึกว่าหลินหวั่นชิวไม่รักษาจริยาของสตรี
ตระกูลกู่เป็ตระกูลใหญ่ คนในหมู่บ้านไม่กล้าล่วงเกิน
ต่อให้พวกเขาจะกลัวเจียงหงหย่วนเพียงใดแต่เจียงหงหย่วนก็เป็แค่นายพราน อย่างมากก็แค่โดนอัด ไม่เหมือนตระกูลกู่ที่สามารถทำให้เ้าบ้านแตกสาแหรกขาดได้อย่างง่ายดาย
อีกอย่าง หลินหวั่นชิวเป็สตรีมั่วบุรุษ ผ่านครั้งนี้ไปแล้วเจียงหงหย่วนคงไล่นางออกจากบ้านหรือขายนางเช่นกัน
หรืออาจถึงขั้นทุบตีจนตาย
การเข้าร่วมของนายน้อยเจ็ดทำให้เื่ราวกลับสู่จุดเริ่มต้น
จางซื่อถอนหายใจโล่งอก
ทุกคนในบ้านหลินโล่งอกเช่นกัน
สิ่งต่างๆ กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมและดำเนินไปตามทิศทางที่วางแผนไว้ ใบหน้าสวีไคซานมีรอยยิ้ม ไม่ปิดบังความยินดีของตัวเองแม้แต่น้อย
“นายน้อยเจ็ดโปรดวางใจเถิด มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า หงฮวาเป็เด็กดี ไม่มีทางทำเื่เช่นนั้นเป็แน่ ทุกคนรู้กันหมดว่าหลินหวั่นชิวมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับโจวเอ้อร์เหนิงั้แ่สมัยที่ยังอยู่บ้านหลิน ตอนนี้โจวเอ้อร์เหนิงจงใจใส่ความหงฮวาเพื่อปกป้องนาง ข้าไม่เชื่อเป็แน่ คนในหมู่บ้านย่อมไม่เชื่อเช่นกัน!”
สวีไคซานมองหลินหวั่นชิวกับโจวเอ้อร์เหนิงเมื่อพูดจบ “พวกเ้ารีบไปจากหมู่บ้านเค่าซานเสียเถิด มิเช่นนั้นจะโดนจับถ่วงน้ำ”
ไม่ไสหัวไปจะโดนถ่วงน้ำ
ขู่ขนาดนี้ยังจะไม่กลัวอีกหรือไม่
สวีไคซานอดลูบเคราแพะของตัวเองไม่ได้ เขามองหลินหวั่นชิวอีกครั้ง คิดในใจว่าไม่แปลกเลยที่ลูกชายตัวเองจะถูกใจนาง ช่างเป็ผักกาดขาวที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล น่าเสียดายที่ถูกหมููเาอย่างเจียงหงหย่วนแทะไปเสียแล้ว
“ไปๆ รีบไสหัวออกจากหมู่บ้าน”
“นั่นน่ะสิ นายเ้าพรานเจียง เ้าอย่าเอาสตรีเช่นนี้อีกเลย”
“หมู่บ้านเรามีสตรีที่ไม่รักษาจริยาไม่ได้!”
“ไสหัวไป!”
“หน้าอกข้างขวาของจ้าวหงฮวามีรอยฟัน ข้าเป็คนกัดเอง ตอนนั้นกัดค่อนข้างแรง มีเืออก ตอนนี้น่าจะเป็รอยแผลเป็ บั้นท้ายใกล้ดอกเก๊กฮวยมีไฝดำสองเม็ด เม็ดหนึ่งใหญ่เท่านิ้วก้อยและมีขน… ซี่โครงด้านซ้ายมีไฝดำเม็ดโตมีขนเช่นกัน…”
จังหวะที่ทุกคนเอ่ยปากไล่โจวเอ้อร์เหนิงกับหลินหวั่นชิวออกจากหมู่ โจวเอ้อร์เหนิงกลับพูดขึ้นอย่างฉับพลัน
แม่เ้าโว้ย
เร้าใจขนาดนั้นเชียว
ไฝดำเม็ดโต ทั้งยังมีขน…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้