หนิงมู่ฉือยิ้มจนเห็นลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้าง “เื่นี้เป็เื่ส่วนตัวของท่าน ไม่จำเป็ต้องรายงานฉือเอ๋อร์หรอกเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอได้ยินเช่นนั้นรู้ทันทีว่าสตรีตรงหน้ากำลังหึงหวงตนเองอยู่ ยิ้มจนปัญญาพลางเอ่ย “เ้ากำลังหึงข้าหรือ หรือเ้าจะชอบข้า?”
รอยยิ้มของหนิงมู่ฉือเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นว่าแป้งสาลีนวดจนได้ที่แล้ว นางยกยิ้มขณะหยิบน้ำตาลใส่ลงไปในกลีบดอกไม้ที่ตำจนละเอียด “เหตุใดซื่อจื่อต้องหยอกฉือเอ๋อร์หลายครั้งหลายคราเช่นนี้ด้วยเ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านมีนางในดวงใจอยู่แล้ว”
นางหยิบไหน้ำผึ้งที่วางอยู่ตรงหน้าต่างเทลงบนแป้งสาลีเล็กน้อย ก่อนจะนวดแล้วแบ่งเป็ก้อนกลมๆ เล็กๆ นางนำก้อนแป้งที่แบ่งแล้วเรียบร้อยมารีดเป็แผ่น ใส่กลีบดอกไม้ที่ตำจนละเอียดไว้ตรงกลาง แล้วใช้นิ้วจีบปิดรอยเปิดให้แป้งรวมเป็เนื้อเดียวกัน
นางทาน้ำมันลงบนก้อนแป้งเล็กน้อย จากนั้นนวดให้เป็ทรงกลม ทว่าขณะนั้นเอง นางก็ถูกจ้าวซีเหอกระชากตัวขึ้นไป มือที่เปื้อนไปด้วยน้ำมันของนางวางทาบอยู่บนแผงอกของจ้าวซีเหอพอดิบพอดี
จ้าวซีเหอขมวดคิ้ว หน้าตาฉายแววรังเกียจ “เฮ้อ จริงๆ เลย หนิงมู่ฉือ เหตุใดเ้าถึงไม่รู้จักระวังบ้างเลยนะ”
หนิงมู่ฉือถลึงตาใส่จ้าวซีเหออย่างไม่พอใจ “เป็ท่านที่กระชากข้าขึ้นมาแท้ๆ ทีนี้กลับมาโทษข้า ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉืออย่างจนปัญญา พร้อมกับกระชับตัวนางให้เข้ามาแนบชิดกับแผงอกของเขามากยิ่งขึ้น
หนิงมู่ฉือไม่คิดว่าจ้าวซีเหอจะทำเช่นนี้กับนาง นางไม่กล้าเอามือที่เปื้อนน้ำมันไปโดนตัวเขาอีก ทั้งพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา
จ้าวซีเหอโน้มศีรษะลงไปกระซิบข้างหูหนิงมู่ฉือ “หนิงมู่ฉือ เ้าในตอนนี้เหมือนหนอนไม้ไผ่ไม่มีผิด”
เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวนาง ไม่ใช่กลิ่นเดียวกับแป้งของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ แต่เป็กลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
หนิงมู่ฉือเอ่ยเสียงดังอย่างไม่พอใจ “ซื่อจื่อ ปล่อยข้าประเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ! โปรดสำรวมกิริยาด้วย!”
เขาได้ฟังก็ยิ่งยิ้มกว้างอย่างดีใจ กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มนางทีหนึ่ง เขามองใบหน้าและใบหูที่แดงก่ำของนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ข้าต้องพูดกับเ้าให้รู้เื่ให้ได้”
เขาบังคับพานางเดินไปตรงกองฟืน ก่อนทำท่าจะปล่อยนาง หนิงมู่ฉือรีบคว้าแขนเสื้อของจ้าวซีเหอเอาไว้ด้วยความใกลัว นางออกแรงคว้าจึงทำให้แขนเสื้อขาด จ้าวซีเหอยิ้มเจื่อนขณะมองแขนเสื้อที่ขาดจนเผยให้เห็นแผงอกของตัวเอง
หนิงมู่ฉือมองรอยเปื้อนคราบน้ำมันรูปฝ่ามือทั้งห้าที่อยู่บนแผงอกจ้าวซีเหอ นางส่งยิ้มแหยให้เขา “ซื่อจื่อ ท่านเชื่อข้านะเ้าคะว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ”
แววตาจ้าวซีเหอเปลี่ยนเป็เ้าชู้ ดวงตาดอกท้อเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายขณะเอ่ย “หรือเ้ามีความคิดที่ไม่สมควรกับข้า แต่เ้าทำเช่นนี้จะให้ข้าออกไปเจอหน้าผู้คนได้อย่างไร เช่นนี้สู้เ้าทำตามที่ข้าบอก เป็สาวใช้ข้างห้องของข้าเป็อย่างไร”
หนิงมู่ฉือทำหน้าไม่ถูก ลงไปนั่งกับพื้นด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง เวลานี้เองที่ผู้ดูแลห้องครัวเปิดประตูห้องครัวเข้ามา
ผู้ดูแลห้องครัวจะเข้ามาเร่งหนิงมู่ฉือ หากคาดไม่ถึงว่าพอเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับภาพที่จ้าวซีเหอแขนเสื้อขาดวิ่น หนิงมู่ฉือผมเผ้ายุ่งไม่เป็ทรง ทำให้นางนึกว่าเข้ามาทำลายเื่ดีของทั้งคู่เข้า นางรีบเอ่ยขอโทษโดยพลัน ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องครัวไป พร้อมกันนั้นยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอีกด้วย
หนิงมู่ฉือร้องเรียกอย่างตระหนก “ท่านผู้ดูแล เื่มันไม่ได้เป็แบบที่ท่านคิดนะเ้าคะ!” ทว่าอีกฝ่ายได้ออกจากห้องครัวไปแล้ว
จ้าวซีเหอเห็นผู้ดูแลห้องครัวรีบร้อนออกไปก็หัวเราะออกมา ทำให้หนิงมู่ฉือหันมามองอย่างไม่พอใจ ชักเท้าถีบเขาหนึ่งที
เขารู้สึกเจ็บตรงที่ถูกถีบขณะมองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ต่อมาเมื่อเห็นใบหน้านางเปลี่ยนเป็เขินอายระคนกรุ่นโกรธ เขารู้สึกว่านางช่างน่าสนใจเหลือเกิน จึงเอ่ยกระเซ้าออกมา “เป็อันใดไป จากเขินอายเปลี่ยนเป็โมโหแล้วหรือ”
หนิงมู่ฉือลุกขึ้นยืน เช็ดมือที่เปื้อนน้ำมัน ก่อนจะจัดผมเผ้าและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นนางเดินไปล้างมืออีกรอบ แล้วถึงค่อยมาเริ่มทำขนมเปี๊ยะร้อยบุปผาต่อ ไม่สนใจจ้าวซีเหออีก
จ้าวซีเหอเห็นหนิงมู่ฉือโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้ว ก็เดินไปหยุดอยู่ข้างกาย “หลายวันมานี้เหมือนพวกเราจะมีเื่เข้าใจผิดกัน”
“ไม่มีเ้าค่ะ ระหว่างท่านกับข้าจะมีเื่ใดเข้าใจผิดกันได้ ท่านพูดเช่นนี้เกรงใจเกินไปแล้ว” สีหน้าของหนิงมู่ฉือเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
จ้าวซีเหอได้ฟังพลันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าดูไม่พอใจนัก “ข้าหมายถึงเื่คนในดวงใจ!”
“คนในดวงใจของซื่อจื่อมิใช่ว่าพักอยู่ที่เรือนสวนไผ่ในตอนนี้หรือเ้าคะ เพื่อให้คนในดวงใจของท่านได้อยู่ในตำหนัก ท่านถึงกับทำให้ท่านอ๋องไม่สบาย” หนิงมู่ฉือกล่าวเหน็บ
ั้แ่จ้าวซีเหอพาฉู่เมิ่งเอ๋อร์กลับมายังตำหนักอ๋องก็ไม่กล้าไปเจอบิดาอีกเลย ครั้นได้ยินว่าบิดาไม่สบาย ในใจร้อนรนยิ่งนัก น้ำเสียงที่กล่าวออกมาดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด “ว่ากระไรนะ ท่านพ่อไม่สบายหรือ!”
จ้าวซีเหอไม่มีกะจิตกะใจจะพูดเื่คนในดวงใจกับหนิงมู่ฉืออีกต่อไป รีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ วิ่งออกจากห้องครัวไปยังห้องของบิดาอย่างรวดเร็ว
ท่านอ๋องในเวลานี้กำลังนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงเล่นหมากรุกอยู่กับพ่อบ้าน ครั้นเห็นบุตรชายมาหา สภาพของบุตรชายทำให้ท่านอ๋องถึงกับกลั้นไม่อยู่ พ่นชาที่เพิ่งดื่มเข้าไปใส่หน้าบุตรชาย
สภาพจ้าวซีเหอในตอนนี้ราวกับหัวหน้ากลุ่มขอทานก็ไม่ปาน เสื้อผ้าขาดวิ่น ใบหน้าเลอะน้ำมัน ท่านอ๋องเห็นบุตรชายก็โมโหยิ่งนัก เค้นเสียงฮึออกมาขณะมองบุตรชายที่ยิ้มแก้เก้อ ใช้มือเช็ดคราบน้ำชาออกจากใบหน้า
น้ำเสียงของท่านอ๋องยังคงกรุ่นโกรธ ลุกขึ้นยืนชี้หน้าจ้าวซีเหอ “เ้าดูสภาพของเ้าตอนนี้สิ! เป็ถึงซื่อจื่อ แต่ภาพลักษณ์ของตัวเองกลับไม่สนใจ!”
จ้าวซีเหอเพิ่งรู้ตัวว่าเขาลืมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงส่งยิ้มขออภัยให้แก่บิดา ก่อนจะเดินเข้าไปหาบิดาอย่างประจบประแจง “ท่านพ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกได้ยินว่าท่านไม่สบาย ในใจจะร้อนใจถึงเพียงนี้หรือ ก่อนหน้านี้เป็เพราะลูกไปหาหนิงมู่ฉือมา ลูกถึงได้มีสภาพเช่นนี้”
ท่านอ๋องแค่นเสียงฮึ เอ่ยกับจ้าวซีเหอด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแสดงถึงความไม่พอใจ “พ่อไม่เชื่อหรอกว่านางหนูหนิงจะให้ท่าเ้า ทำไม ในใจเ้ายังมีพ่อคนนี้อยู่อีกหรือ ไม่ไปอยู่ดูแลอนุของเ้าเสียเล่า”
“ท่านพ่อ ที่ข้าพาฉู่เมิ่งเอ๋อร์กลับมาที่ตำหนักไม่ใช่เพราะว่าลูกชอบนาง แต่เป็เพราะ…” จ้าวซีเหอชะงักไป ด้วยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา
ท่านอ๋องมองหน้าจ้าวซีเหอพร้อมกับเอ่ย “ตามใจเ้า แต่จำเอาไว้ ห้ามทำร้ายหัวใจของนางหนูหนิงเด็ดขาด เ้าห้ามทำผิดแบบเดียวกับที่พ่อเคยทำผิด” ตอนเอ่ยประโยคสุดท้าย จ้าวซีเหอฟังออกถึงน้ำเสียงสั่นเครือของท่านอ๋อง