ั้แ่ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้ามาอยู่ในตำหนักอ๋อง นางทำตามที่จ้าวซีเหอสั่งมาตลอด อยู่ในเรือนสวนไผ่อย่างเงียบๆ ทว่าในใจนางเป็ทุกข์เหลือเกิน นางมองท้องฟ้าสดใสและอากาศแจ่มใสด้านนอก ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ทำท่าจะเดินออกจากเรือน
สาวใช้ประจำตัวนางรั้งแขนนางเอาไว้ พลางเอ่ยห้ามอย่างร้อนใจ “อนุฉู่ ซื่อจื่อมีคำสั่งไม่ให้ท่านออกไปข้างนอกเ้าค่ะ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ถลึงตามองสาวใช้ด้วยแววตาน่ากลัว ะโเสียงดังว่า “อย่างไรวันนี้ข้าก็ต้องออกไปให้ได้! เ้าจะห้ามข้าหรือ!”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์สะบัดแขนจนหลุดออกจากการเกาะกุมของสาวใช้ สาวใช้ด้านหลังไม่วางใจ จึงเดินตามไปอย่างเงียบๆ ใบหน้าฉู่เมิ่งเอ๋อร์ในตอนนี้เต็มไปด้วยความโอหังขณะเอ่ยถามสาวใช้ “เ้าว่าซื่อจื่อชอบข้าจริงๆ หรือไม่”
เพื่อไถ่ตัวฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้าตำหนัก จ้าวซีเหอถึงกับทะเลาะกับท่านอ๋อง ได้ยินคำถามนี้สาวใช้รีบตอบสอพลอทันที “ซื่อจื่อรักท่านแน่นอนเ้าค่ะ ซื่อจื่อมีท่านเป็อนุแค่คนเดียว เพื่อรับท่านเข้าตำหนัก ซื่อจื่อทุ่มเทความคิดไปมากมาย”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ได้ยินเช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว เ้าดูตรงนั้นสิ ดอกไม้งามเหลือเกิน ตามข้าไปดูตรงนั้นเร็ว”
สาวใช้มองสวนดอกไม้ที่ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ชี้นิ้วไป ทันใดนั้นนางรู้สึกใยิ่งนัก นั่นคือสวนที่ท่านอ๋องชอบไปนั่งเล่นบ่อยๆ หากท่านอ๋องเจอฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้า จะต้องโมโหมากเป็แน่
สาวใช้จับแขนเสื้อฉู่เมิ่งเอ๋อร์เอาไว้ ฉู่เมิ่งเอ๋อร์จึงหันไปมองสาวใช้อย่างสงสัย เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงุนงง “เป็อันใดไป หรือสวนดอกไม้นั่นมีความลับใด”
สาวใช้มีสีหน้าลำบากใจ ส่ายหน้าก่อนจะกระซิบใกล้หูฉู่เมิ่งเอ๋อร์ “อนุฉู่ อย่าไปตรงนั้นเลยเ้าค่ะ ท่านอ๋องมักจะเป็นั่งเล่นตรงนั้นบ่อยๆ ท่านอ๋องไม่ชอบให้ผู้ใดไปรบกวนหรือทำลายความสงบของท่าน”
แต่ใครไหนเลยจะรู้ว่าฉู่เมิ่งเอ๋อร์กลับไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ นางเอ่ยว่า “ไม่เป็ไรหรอก ในเมื่อข้าเป็อนุของซื่อจื่อ อีกทั้งข้าก็ยังไม่เคยเข้าไปคารวะท่านอ๋องเลย”
สาวใช้ได้ยินรู้สึกเครียดหนักยิ่งกว่าเดิม รีบเร่งฝีเท้าตามไป
หนิงมู่ฉือกำลังเก็บดอกไม้อยู่ในสวนเพื่อนำไปทำขนมเปี๊ยะร้อยบุปผาให้ท่านอ๋องได้ลองชิม ขณะที่นางเดินออกจากสวน ได้พบสาวใช้ที่มีสีหน้าลำบากใจกับฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่กำลังทำหน้าตาลำพองใจ นางรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก รีบก้มหน้าลงโดยพลัน แต่ถูกฉู่เมิ่งเอ๋อร์เห็นเข้าจนได้
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์บังเอิญเห็นหนิงมู่ฉือเดินออกมาจากสวนพอดี ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็ไม่พอใจ ะโเรียกให้หยุด “นี่ เ้ามานี่สิ”
หนิงมู่ฉือหยุดฝีเท้า หันไปหาฉู่เมิ่งเอ๋อร์พร้อมกับรอยยิ้มอ่อน ทำให้เห็นลักยิ้มข้างแก้มที่ไม่ค่อยจะชัดเจนนัก นางเอ่ยถามอย่างนบนอบ “อนุฉู่เรียกข้าหรือเ้าคะ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์มองเสื้อผ้าที่หนิงมู่ฉือสวมอยู่ ถึงกับเป็เสื้อผ้าที่มีราคาแพงกว่าเสื้อผ้าของนาง นางโมโหขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ มือเท้าสะเอวตรงเข้าไปหาอย่างเอาเื่ นางมองดอกไม้ในตะกร้าด้วยแววตาดูถูก “ดอกไม้เน่าๆ พวกนี้คือดอกอะไร เ้าจะเก็บพวกมันไปเพื่อเหตุใด”
หนิงมู่ฉือเห็นสายตาไม่เป็มิตรของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ สมองหมุนคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยตอบ “ท่านคิดว่าดอกไม้พวกนี้มันเน่าแล้วหรือเ้าคะ แต่ท่านอ๋องสั่งให้ข้าเก็บมันไปทำขนมเปี๊ยะร้อยบุปผา ท่านพูดเช่นนี้คือกำลังต่อว่าท่านอ๋องอยู่หรือเ้าคะ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์หน้าซีด แค่นเสียงฮึ หนิงมู่ฉือไม่ใช่คนที่นางจะหาเื่ด้วยได้จริงๆ นางจึงไม่เอ่ยคำใดอีก เดินตรงไปที่สวนดอกไม้
หนิงมู่ฉือมองตามฉู่เมิ่งเอ๋อร์อย่างสนใจ ขณะนั้นเองสายตานางเหลือบเห็นจ้าวซีเหอในชุดอาภรณ์สีขาวพระจันทร์กำลังเดินตรงมาทางสวนดอกไม้ นางรีบก้มหน้า หมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว
จ้าวซีเหอเห็นแผ่นหลังหนิงมู่ฉือที่เดินออกจากสวนดอกไม้แต่ไกล ในใจเขารู้สึกปวดหนึบ แต่พอเห็นฉู่เมิ่งเอ๋อร์เดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ เขาโมโหยิ่ง เดินตรงเข้าไปหาอย่างไม่พอใจ จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้เ้าออกมา เหตุใดถึงไม่ยอมฟัง”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอจ้าวซีเหอ รีบปรี่เข้าไปหาด้วยสีหน้าน้อยใจ ใช้น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยออดอ้อน “ซื่อจื่อ ข้าไม่ได้เจอท่านนานแล้ว คิดถึงท่านจะแย่ เหตุใดท่านถึงทำกับเมิ่งเอ๋อร์เช่นนี้เ้าคะ”
จ้าวซีเหอขมวดคิ้ว เอามือจับมือฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่จับแขนตัวเองออก ก่อนจะหันไปว่าสาวใช้แทน “ข้าสั่งเ้าแล้วไม่ใช่หรือว่า ห้ามไม่ให้เ้านายของเ้าออกจากสวนไผ่”
สาวใช้มองท่าทางโกรธเคืองของจ้าวซีเหอ แต่ไหนแต่ไรมาซื่อจื่อขึ้นชื่อเื่เป็เ้านายที่มีนิสัยดี ทว่าตอนนี้ราวกับเปลี่ยนเป็คนละคน นางตัวสั่นด้วยความขลาดกลัว คุกเข่าขออภัยไม่หยุด
จ้าวซีเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ข้าพูดเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของข้า เ้าอยู่แต่ในเรือนสวนไผ่ทำตัวดีๆ หากออกมาด้านนอกแล้วเกิดปัญหาขึ้น ข้าคงช่วยอันใดเ้าไม่ได้”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา นางปวดร้าวไปทั้งหัวใจจนต้องเอามือกุมหน้าอก จากนั้นเดินกลับเรือนสวนไผ่ไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
จ้าวซีเหอถอนหายใจออกมา สาวเท้าก้าวเดินไปทางห้องครัวอย่างสองจิตสองใจ แววตาเหม่อลอย
เขาเปิดประตูห้องครัวเข้าไป หนิงมู่ฉือไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ง่วนอยู่กับการตำกลีบดอกไม้และนวดแป้งสาลี
เขามองท่าทางตั้งใจของนางอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง จนกระทั่งนางหันมายิ้มให้ เขาถึงได้สติกลับมา “ซื่อจื่อมาที่นี่อยากทานอาหารใดหรือเ้าคะ”
เขาส่ายหน้า เอ่ยอย่างอึกอัก “เื่วันนั้น ข้าขอโทษด้วย แผลที่หลังของเ้า…ดีขึ้นแล้วหรือยัง”
ในใจของหนิงมู่ฉือรับรู้ได้ถึงรสขมฝาด ทว่ายังคงยิ้มกว้างส่งไปให้ “ซื่อจื่อไม่ต้องเป็ห่วงข้าหรอกเ้าคะ แค่แผลภายนอกเท่านั้น”
ความจริง ที่ได้รับาเ็คือหัวใจของนางต่างหาก
จ้าวซีเหอล้วงเอาขวดกระเบื้องสีขาวขวดเล็กออกมาจากแขนเสื้อวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “นี่คือยาสมานแผล ไว้ให้เ้าทาก่อนนอน มีสรรพคุณช่วยรักษาาแภายนอกได้ดีนัก”
หนิงมู่ฉือมองขวดยาก่อนจะเก็บไว้ในอกเสื้อ ส่งยิ้มให้จ้าวซีเหอ “ซื่อจื่อใจกว้างถึงเพียงนี้ ข้าต้องใช้แน่นอนเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอมองรอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะเป็ธรรมชาตินักของหนิงมู่ฉือ เขาทำท่าจะพูดบางอย่างออกมา เป็เช่นนั้นอยู่นาน จนสุดท้ายเอ่ยออกมาว่า “ความจริง เหตุผลที่ข้ารับฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้าตำหนักคือ…”
ทว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค กลับถูกหนิงมู่ฉือตัดบทเสียก่อน