สีหน้าจ้าวซีเหอเปลี่ยนไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมามีสีหน้าดังเดิม เขายิ้มอ่อนพลางเอ่ยกับท่านอ๋อง “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องคิดมาก ลูกจะจัดการเื่นี้อย่างดีแน่นอน”
ใบหน้าท่านอ๋องเป็ทุกข์มหันต์ขณะมองหน้าจ้าวซีเหอ ท่านอ๋องถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง จากนั้นเดินไปที่ริมหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก นิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่
“สตรีที่เ้าพากลับมาจากหอจุ้ยหงตอนนี้พักอยู่ที่ใด”
จ้าวซีเหอจัดแขนเสื้อให้เรียบร้อย กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ลูกให้พักอยู่ในเรือนที่อยู่ไกลที่สุด ด้วยกลัวว่านางจะรบกวนความสงบของท่านขอรับ”
ท่านอ๋องพยักหน้า ฉับพลันนั้นหูได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกประตูจึงหันไปมอง
หนิงมู่ฉือแต่งตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นางสวมชุดสีเหลืองแก่ซึ่งเสริมให้นางดูสดใส ดวงตากลมโตสอดส่ายสายตาสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา
ในมือถือจานขนมเปี๊ยะร้อยบุปผาเข้ามาด้วย ทันทีที่เข้ามาในห้อง กลิ่นหอมของดอกไม้พลันอบอวลไปทั่วทั้งห้อง กระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนได้อย่างดี นางส่งยิ้มให้ท่านอ๋อง เมื่อสายตาเหลือบเห็นแขนเสื้อที่ยังขาดวิ่นของจ้าวซีเหอ ใบหน้านางพลันขึ้นสีแดงเรื่อ
จ้าวซีเหอมองอย่างเ้าชู้ พร้อมกับลอบส่งสายตามีเลศนัยไปให้ นั่นยิ่งทำให้หนิงมู่ฉือหน้าแดงก่ำขึ้นไปอีก นางถลึงตาใส่ ก่อนจะเดินไปยืนด้านข้างท่านอ๋อง
ท่านอ๋องได้กลิ่นขนมเปี๊ยะั้แ่หนิงมู่ฉือเดินเข้ามาในห้องแล้ว ส่งยิ้มบางๆ ให้นาง
ท่านอ๋องหยิบขนมเปี๊ยะในจานขึ้นมาลองชิมหนึ่งชิ้น พร้อมกับเอ่ยวิจารณ์ “ไส้มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ ส่วนรสชาติข้าเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แต่ว่ามันเป็รสชาติที่ข้าชื่นชอบยิ่งนัก!”
หนิงมู่ฉือได้ฟังคำชมของท่านอ๋องก็ยิ้มออกมา ดวงตาคู่สวยแวววาวใสกระจ่างดุจลำธารที่ไม่เคยถูกผู้ใดรุกล้ำมาก่อน
จ้าวซีเหอมองไปทางหนิงมู่ฉือขณะหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมาลองชิมชิ้นหนึ่ง ชิมแล้วถึงกับกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ “หนิงมู่ฉือ เ้ามีฝีมือทางด้านนี้จริงๆ”
หนิงมู่ฉือหน้าแดงลามไปถึงลำคอ ยิ้มบางๆ พลางตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มหวาน “ขอบคุณซื่อจื่อที่ชมเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอเห็นท่าทางเหินห่างของหนิงมู่ฉือ แววตาฉายแววลุ่มลึกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกลับมามีรอยยิ้มดังเดิม หยิบขนมเปี๊ยะอีกชิ้นเข้าปาก
ท่านอ๋องมองหนิงมู่ฉืออย่างเป็ห่วง ขณะถอนหายใจออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “นางหนูหนิง เ้ารู้เื่ที่วันที่สามสิบเดือนสิบที่เ้าต้องแข่งกับพ่อครัวหลวงแล้วใช่หรือไม่”
หนิงมู่ฉือเห็นท่านอ๋องมีสีหน้ากังวล นางจึงยิ้มปลอบ “ท่านอ๋องไม่ต้องห่วงฉือเอ๋อร์หรอกเ้าค่ะ ฉือเอ๋อร์รู้ดีว่าควรต้องทำอย่างไร”
ท่านอ๋องพยักหน้า หันไปมองจ้าวซีเหอผาดหนึ่งถึงค่อยหันกลับมาพูดต่อ “่นี้ข้าจะให้จ้าวซีเหออยู่เป็เพื่อนเ้า เขารู้จักคนในวังหลายคน จะได้ดูแลเ้าได้”
หนิงมู่ฉือขยับปากทำท่าจะพูดบางอย่างออกมา นางเบนสายตาไปทางจ้าวซีเหอครู่หนึ่ง ขณะกำลังจะเอ่ยออกมา จ้าวซีเหอเห็นท่าทางเช่นนั้นจึงชิงพูดออกมาเสียก่อน “ได้ขอรับท่านพ่อ ลูกจะดูแลนางหนูหนิงของท่านอย่างดี”
ท่านอ๋องพยักหน้าอย่างวางใจ แต่ไม่วายกำชับอีกรอบ “เ้าต้องระวังให้ดี ห้ามให้เกิดปัญหาขึ้นเด็ดขาด”
จ้าวซีเหอยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับคำ “ท่านพ่อ ลูกทราบแล้ว ลูกเคยทำให้ท่านเป็ห่วงด้วยหรือ”
หนิงมู่ฉือเอาแต่ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง ทำให้ไม่เห็นว่าตอนนี้นางมีสีหน้าเช่นไร
ท่านอ๋องมองสภาพของบุตรชายก็รู้สึกไม่พอใจยิ่ง “เ้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เสียไป แต่งตัวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน! วันมะรืนนี้นางหนูหนิงก็ต้องลงแข่งแล้ว”
หนิงมู่ฉือที่เอาแต่ยืนเงียบ อ้างเหตุผลก่อนจะขอตัวออกจากห้อง ตอนออกมาสีหน้าจ้าวซีเหอดูไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ไม่สนใจ รีบวิ่งกลับไปที่ห้องครัว
เสียงเปิดประตูห้องครัวของนางทำให้ผู้ดูแลห้องครัวที่อยู่ด้านในสะดุ้งใ
แววตาของผู้ดูแลห้องครัวเห็นได้ชัดว่าอยากนินทาเต็มแก่ ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลห้องครัวเข้ามาเห็นตอนนางกับจ้าวซีเหออยู่ด้วยกันพอดี ทั้งยังเป็ในสภาพที่ชวนคิดลึกแบบนั้น นางจึงอดหน้าแดงไม่ได้ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย
แม่บ้านที่เดิมทีนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กลุกขึ้นยืน ยิ้มกล่าวเจือแววเหน็บแนมอยู่หลายส่วน “ไอโยว เทพแม่ครัวมาแล้วหรือ ปรนนิบัติซื่อจื่อเสร็จแล้วหรอกหรือ”
นางได้ยินก็โมโห คนผู้นี้เห็นนางเป็ผู้หญิงอย่างไร “ท่านผู้ดูแลกล่าวชมเกินไปแล้ว”
มุมปากผู้ดูแลห้องครัวยกขึ้นเป็รอยยิ้มดูแคลน ขณะเดินผ่านจงใจเอาไหล่ชนนาง ทำให้นางยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
เมื่อเดินไปถึงประตู หันมามองนางด้วยหางตา “ข้าก็นึกว่าเ้าอาศัยความสามารถของเ้าจริงๆ ถึงขึ้นมายืนในจุดนี้ได้ เดิมข้าก็นับถือเ้าอยู่หรอก แต่ดูท่าตอนนี้ข้าคงจะคิดผิดไป ไม่รู้ว่าเ้าใช้สิ่งใดถึงได้รับฉายาเทพแม่ครัว”
นางได้ฟังก็หน้าแดง ตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความกรุ่นโกรธ “ท่านผู้ดูแล ข้าจะเห็นแก่ที่ท่านเป็คนเก่าคนแก่ของตำหนักอ๋อง เื่ที่ท่านเคยทำกับข้า ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยถือสาหาความ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้!”
“ว่ากระไรนะ เห็นแก่ที่ข้าเป็คนเก่าคนแก่ของตำหนักอ๋องหรือ เ้าคิดว่าตำหนักอ๋องเป็บ้านของเ้าหรืออย่างไร ทว่าสมกับเป็คุณหนูสกุลผู้ดีเสียจริง ข้าล่วงเกินไม่ได้จริงๆ!” แม่บ้านโต้กลับ เสื้อผ้าสีแดงยิ่งทำให้ผู้ดูแลห้องครัวดูเป็แค่คนธรรมดาสามัญมากยิ่งขึ้นไปอีก
นางหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ความอิจฉาเป็สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ นางไม่สนใจอีกฝ่ายอีก เดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวเล็ก แต่ไหนเลยจะรู้ว่ามันกลับเป็การยั่วโมโหอีกฝ่ายให้โกรธมากขึ้น
ผู้ดูแลห้องครัวยิ่งพูดจาไม่น่าฟังใส่ “ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าคุณหนูในสกุลผู้ดีจะมีฝีมือทำอาหารได้อย่างไร ที่แท้ก็ใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้ฉายามานี่เอง!”
นางไม่ตอบโต้ สองมือกำแน่น ก้มหน้า พยายามสะกดโทสะลงไป
ผู้ดูแลห้องครัวเห็นท่าทางเช่นนั้นของหนิงมู่ฉือก็ยิ่งได้ใจ ทว่าที่คาดไม่ถึงคือ หลินมู่มายืนอยู่ข้างหลังั้แ่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คว้าเก้าอี้ข้างตัวแล้วฟาดลงไปที่ศีรษะของผู้ดูแลห้องครัวอย่างแรง
ผู้ดูแลห้องครัวได้ยินแค่เสียงดัง ปึง ก่อนจะตาลาย มึนศีรษะ เืไหลหยดลงบนพื้น
ผู้ดูแลห้องครัวเอามือแตะเืที่ศีรษะอย่างใ จากนั้นวิ่งออกไปนอกห้องครัว วิ่งวนไปมาอยู่เช่นนั้นอย่างตระหนกสุดขีด