บทที่ 10:กำหนดเกมขึ้นมาเอง
ทันทีที่กลับมาถึงเรือนหลันซินอันเป็เขตแดนปลอดภัยของตนเอง เกราะป้องกันแห่งความสงบนิ่งที่ซูเยว่สวมใส่ไว้ตลอดการเผชิญหน้าก็พลันสลายลง ร่างของนางทรุดลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสั่นเทาเล็กน้อย ชัยชนะในการปะทะคารมเมื่อครู่ไม่ได้มาโดยง่าย มันต้องแลกมาด้วยการใช้สมาธิและพลังใจอย่างมหาศาล
"คุณหนู!" ชุนเถาที่รออยู่ด้วยใจจดจ่อรีบปรี่เข้ามาหานางทันที เมื่อเห็นใบหน้าของคุณหนูที่ซีดเผือดลงเล็กน้อยก็อดเป็ห่วงไม่ได้ "คุณหนูเป็อะไรไปเ้าคะ... ฮูหยินรองทำอะไรคุณหนูหรือเ้าคะ"
ซูเยว่ส่ายหน้าช้าๆ พลางหลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ "ข้าไม่เป็ไร... แต่สิ่งที่ข้ากังวลเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก" นางลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาคมปลาบ "วันนี้เป็เพียงการหยั่งเชิง หลิวซือรู้แล้วว่าข้าไม่ใช่ซูเยว่คนเดิมที่นางจะควบคุมได้อีกต่อไป ตอนนี้นางมองข้าเป็ศัตรู เป็หนามยอกอกที่ต้องรีบกำจัดทิ้ง"
นางถอนหายใจยาว "การรอให้หลิวซือเป็ฝ่ายเดินหมากก่อนนั้นอันตรายเกินไป นางอยู่ในจวนนี้มานาน วางคนของตนเองไว้ทั่วทุกหนแห่ง หากข้ายังคงนิ่งเฉย ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องพลาดท่าให้นางแน่"
ซูเยว่ลุกขึ้นยืน การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้นางตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า การตั้งรับเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป นางต้องเป็ฝ่ายรุก ต้องสร้างอำนาจและพันธมิตรของนางขึ้นมา... ที่นี่... ภายในรั้วจวนแห่งนี้!
"ชุนเถา" นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "ไปเรียกบ่าวรับใช้ทุกคนในเรือนหลันซินมาที่นี่ ข้ามีเื่จะพูดกับพวกเขา"
คำสั่งที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้ชุนเถาประหลาดใจ แต่ก็รีบรับคำแล้ววิ่งออกไปจัดการทันที
ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ทั้งชายและหญิงราวสิบกว่าคนที่สังกัดอยู่กับเรือนของซูเยว่ก็มารวมตัวกันที่ลานหน้าเรือน ทุกคนมีสีหน้างุนงงและหวาดหวั่นเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณหนูใหญ่ผู้เก็บตัวเงียบจึงเรียกพวกตนมาพบพร้อมกันเช่นนี้
ซูเยว่กวาดสายตามองทุกคนช้าๆ นางจำได้ว่าในชาติก่อน นางแทบไม่เคยใส่ใจคนเหล่านี้เลย มองพวกเขาเป็เพียงอากาศธาตุ นั่นคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่ทำให้นางถูกโดดเดี่ยวและไม่มีใครคอยเป็หูเป็ตาให้
"ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้" ซูเยว่เริ่มต้นกล่าว "เพราะข้ามีเื่อยากจะบอกพวกเ้าทุกคน"
นางหยุดเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนตั้งใจฟัง "ข้ารู้ดีว่าที่ผ่านมา ข้าอาจจะเป็นายที่ไม่ดีนัก ข้าเอาแต่เก็บตัวและไม่เคยใส่ใจความเป็อยู่ของพวกเ้าเลย นั่นคือความผิดของข้าเอง แต่หลังจากที่ข้าล้มป่วยไปครั้งนั้น มันทำให้ข้าได้คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง และทำให้ข้าตระหนักว่า ชีวิตของข้าจะดำเนินต่อไปไม่ได้เลยหากปราศจากแรงกายแรงใจของพวกเ้าที่คอยดูแลเรือนแห่งนี้"
คำพูดที่อ่อนน้อมและยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมาทำให้เหล่าบ่าวรับใช้เบิกตากว้างด้วยความใ พวกเขาไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้จากนางมาก่อน
"เพื่อเป็การขอบคุณและขอขมาในความผิดพลาดที่ผ่านมาของข้า" ซูเยว่หันไปพยักหน้าให้ชุนเถา ซึ่งนางได้เตรียมถุงเงินไว้ล่วงหน้าแล้ว "ข้าจะมอบเงินรางวัลพิเศษให้พวกเ้าทุกคนในวันนี้!"
ชุนเถาเดินแจกจ่ายถุงเงินเล็กๆ ให้กับบ่าวแต่ละคน แม้จำนวนเงินในถุงจะไม่มากมาย แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันคือสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เสียงฮือฮาด้วยความดีใจดังขึ้นเบาๆ
ซูเยว่ยกมือขึ้นเพื่อเรียกความสนใจกลับมาอีกครั้ง "นี่เป็เพียงสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ข้ายังได้สั่งให้ชุนเถาไปตรวจสอบดูความเป็อยู่ของพวกเ้าทุกคนแล้ว ข้าได้ยินมาว่าผ้าห่มสำหรับฤดูหนาวของพวกเ้าเก่าและบางเกินไป พรุ่งนี้ข้าจะไปเรียนท่านพ่อ ขอเบิกผ้าห่มชุดใหม่มาให้พวกเ้าทุกคน ส่วนเื่อาหารการกินในโรงครัวเล็กของเรา หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ให้พวกเ้ารายงานกับชุนเถาได้โดยตรง แล้วข้าจะจัดการให้"
นางจ้องมองเข้าไปในดวงตาของทุกคนแล้วกล่าวสรุป "ข้าขอให้พวกเ้าจำไว้เพียงอย่างเดียว... ความเป็อยู่ที่ดีของพวกเ้า ก็คือความเป็อยู่ที่ดีของข้า หากเรือนหลันซินแห่งนี้เจริญรุ่งเรือง คนที่อยู่ในเรือนนี้ทุกคนก็จะเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน"
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเกินกว่าที่คาดไว้ บ่าวรับใช้ทุกคนต่างคุกเข่าลงกับพื้นทันที "ขอบคุณคุณหนู! ขอบคุณในความเมตตาของคุณหนู!"
ความรู้สึกขอบคุณที่แสดงออกมานั้นจริงใจและท่วมท้น ความภักดีที่เคยมีให้เพียงตามหน้าที่ บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็ความภักดีที่มาจากใจจริงแล้ว พวกเขาได้เห็นแล้วว่าคุณหนูใหญ่วันนี้แตกต่างจากคนเดิมที่เคย หลังจากล้มป่วยเมื่อหลายวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนยิ่งฮูหยินรองผู้มีรอยยิ้มเคลือบยาพิษนั้นไม่ต้องพูดถึง เหล่าบ่าวทั้งหลายต่างรู้จักนิสัยของนางเป็อย่างดี
หลังจากจัดการเื่ภายในเรือนของตนเองแล้ว ซูเยว่ก็ครุ่นคิดถึงก้าวต่อไป... บ่าวรับใช้คือหูคือตา แต่ยังไม่เพียงพอ นาง้าพันธมิตรที่เป็คนในครอบครัว เป็สายเืเดียวกันที่จะยืนอยู่ข้างนางได้
ความคิดของนางพลันหยุดอยู่ที่เด็กชายคนหนึ่ง... ซูจื่ออัน น้องชายแท้ๆ ของนาง
ในชาติก่อน ซูจื่ออันเป็เพียงเด็กชายอายุสิบสามปีที่เงียบขรึมและขี้อาย เขาชอบเก็บตัวอ่านหนังสืออยู่แต่ในห้อง หลังจากที่ท่านแม่เสียไป และท่านพ่อเริ่มเหินห่าง
เขาก็ยิ่งทำตัวเหมือนไม่มีตัวตนในจวนแห่งนี้ แม่รองก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเพิกเฉย ปล่อยปละละเลยเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีวันเติบโตขึ้นมาเป็หอกข้างแคร่ของบุตรชายตนเองได้ในอนาคต และสุดท้าย... เขาก็ต้องตายจากไปด้วย "อาการป่วยไข้" ขณะไปศึกษาเล่าเรียนที่สำนักศึกษานอกเมือง ซึ่งบัดนี้ซูเยว่เชื่อมั่นว่าการตายของเขามันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน
วันนี้นางตัดสินใจไปเยี่ยมเขาที่เรือนเล็กๆ ของเขาทันที
เรือนของซูจื่ออันค่อนข้างเล็กและตั้งอยู่ห่างจากเรือนหลัก แสดงให้เห็นถึงสถานะที่ไม่สู้ดีนักของเขาในจวนแห่งนี้ เมื่อนางไปถึงก็พบว่าเขากำลังนั่งคัดอักษรอยู่ตามลำพังด้วยสมาธิที่แน่วแน่
"จื่ออัน"
เสียงเรียกของนางทำให้เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจและระแวดระวัง พี่น้องคู่นี้ไม่เคยสนิทสนมกันมาก่อน
ซูเยว่ไม่ได้เดินเข้าไปด้วยท่าทีของผู้เป็พี่สาวที่สูงกว่า แต่นางเดินเข้าไปด้วยความเคารพและให้เกียรติ "ลายมือของเ้าก้าวหน้าไปมาก" นางเอ่ยชมเมื่อมองดูตัวอักษรบนกระดาษ "โดยเฉพาะการตวัดพู่กันในอักษรตัวนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังที่แฝงอยู่ภายใน ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ"
คำชมที่เจาะจงและจริงใจทำให้ซูจื่ออันหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย "พี่หญิงใหญ่ชมเกินไปแล้วขอรับ"
"ข้าไม่ได้ชมเกินจริงเลย" ซูเยว่กล่าว "ข้ามาวันนี้ เพราะเพิ่งจะจัดเก็บของของท่านแม่ แล้วเจอของสิ่งหนึ่งที่ข้าคิดว่าท่านแม่คงอยากจะให้เ้าเก็บไว้"
นางยื่นกล่องไม้เล็กๆ กล่องหนึ่งให้เขา เมื่อซูจื่ออันเปิดออกก็พบว่ามันคือแท่นฝนหมึก "ต้วนซื่อ" ชั้นเลิศชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็ที่ปรารถนาของเหล่าบัณฑิตทุกคน
"พี่หญิงใหญ่... นี่มันล้ำค่าเกินไป"
"ไม่มีสิ่งใดล้ำค่าเกินไปสำหรับน้องชายของข้า" ซูเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เ้าตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อสืบทอดปณิธานของท่านแม่ นั่นคือการให้เกียรติท่านแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านแม่บน์ก็คงอยากจะให้เ้ามีเครื่องเขียนที่ดีที่สุดไว้ใช้งาน"
การอ้างถึงท่านแม่ผู้ล่วงลับได้ทลายกำแพงในใจของเด็กชายลงอย่างง่ายดาย มันคือสายใยเดียวที่เชื่อมเขากับพี่สาวคนนี้ไว้ท่ามกลางความเ็าของแม่เลี้ยงและคนอื่นๆ ในจวน
ดวงตาของซูจื่ออันร้อนผ่าวขึ้นมา นี่อาจจะเป็ครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีคนในครอบครัวแสดงความรักและใส่ใจเขาอย่างแท้จริง เมล็ดพันธุ์แห่งความภักดีของสายเืได้ถูกหว่านลงในใจของเขาแล้วในวันนี้
เมื่อซูเยว่กลับมาถึงเรือนของตนเองในตอนที่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ วันนี้เป็วันที่ยาวนานและเหนื่อยล้า แต่ก็เป็วันที่เปี่ยมไปด้วยความสำเร็จ
นางไม่ได้เพียงแค่เอาชนะาน้ำลายบนโต๊ะอาหาร แต่นางได้เริ่มวางรากฐานอำนาจของตนเองภายในกำแพงจวนแห่งนี้ นางได้ซื้อใจบ่าวรับใช้ และได้จุดประกายความสัมพันธ์กับน้องชายที่ถูกลืมเลือนขึ้นมาใหม่
สายตาของนางมองไปยังกระดานหมากล้อมที่ซ่อนเงินทุนก้อนแรกของนางไว้ นางหยิบเม็ดหมากสีดำขึ้นมาเม็ดหนึ่ง และเม็ดหมากสีขาวอีกเม็ดหนึ่ง
เกมในจวนสกุลซูแห่งนี้... ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินหมากบนกระดานหมากล้อม หลิวซือไม่ได้วางหมากของนางในกระดานมาเป็เวลาหลายปีแล้ว นางเป็เพียงแค่เบี้ย ที่คนอื่นกำหนดให้ไปตาย
แต่วันนี้... นาง ซูเยว่ เพิ่งจะได้วางหมากเม็ดแรกของนางลงไปในกระดาน และมันกำลังจะเปลี่ยนไป... อนาคตจะไม่ถูกกำหนดไว้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว นางกำลังจะเป็ผู้เล่นที่จะกำหนดหมากเกมนี้ด้วยตัวนางเอง!