ผมชื่ออวี๋เคอ ผมไม่ได้เลี้ยงหงส์เพลิงแค่ตัวเดียวเท่านั้น แต่ยังเลี้ยงสัตว์ปีศาจไว้อีกฝูงหนึ่งซึ่งเป็จำพวกสัตว์เืเย็นที่หงส์เพลิงชอบกินเอาไว้อีกด้วย
ดังนั้นปัญหาจึงเกิดขึ้นแล้ว
ถ้าหากทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาผมควรจะอยู่ฝ่ายไหน ระหว่างเลือกช่วยสัตว์ปีศาจ หรือว่ายอมปล่อยให้หงส์เพลิงสุดที่รักกินเ้าสัตว์ปีศาจพวกนั้นให้มากขึ้นอีกสักหน่อย?
ตอนแรกที่ผมเพิ่งจะมาถึงบนโลกใบนี้ ได้เห็นถ้ำที่ใช้เลี้ยงสัตว์ปีศาจนั่นผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าสักวันจะต้องเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นวันนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากนัก อีกอย่างผมก็กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมซ่งฉียวนอยู่พอดี เมื่อนึกถึงแผนที่วางไว้รวมกับสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้แล้ว จะเกิดการลวงโลกครั้งใหญ่ต่อหน้ายอดฝีมือที่จะมารวมตัวกันทั่วทั้งทวีปหรือไม่นะ
ผมเดินไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่ถ้ำอย่างไม่รีบร้อน ไม่ได้สนใจสีหน้าท่าทางกระวนกระวายใจของข้ารับใช้ที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ผมเริ่มจินตนาการว่าอาจิ่วจะใช้วิธีการใดในการกินพวกสัตว์ปีศาจเหล่านี้ ซึ่งเป็สัตว์ที่มีรูปร่างหน้าตาดูไม่ค่อยจะน่ากินสักเท่าไรนัก?
ตอนนี้กู้จิ่นเฉิงออกไปส่งหวังตัวจวี๋รวมทั้งถ่ายทอดคำสั่งของผมแล้ว อย่างเร็วที่สุดพรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่เขาถึงจะกลับมา ดังนั้นใน่เวลานี้ผมจึงได้พักหายใจสักหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเวลาถูกเขาจ้องมอง
ในตอนกลางวันที่วังปีศาจดูจะคึกคักกว่าตอนกลางคืนมาก แต่คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่นั้นส่วนใหญ่จะมีสีหน้าที่แฝงไปด้วยความวิตกกังวล ตอนนั้นมีกลุ่มคนวิ่งมาทางผม แต่บังเอิญพบกับผู้นำทางที่อยู่ด้านหน้า พวกเขาจึงคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นอย่างพร้อมเพรียง เมื่อมองอย่างละเอียดแล้วจะพบได้ว่าแม้กระทั่งบนหน้าผากก็ยังมีเหงื่อไหลซึมออกมา พวกเขารีบคำนับแล้วเอ่ยขึ้น “เป็ข้าน้อยที่ไร้ความสามารถ ไม่สามารถตามหาผู้พิทักษ์และหยุดยั้งหงส์เพลิงผู้ยิ่งใหญ่ได้ นายท่านได้โปรดลงโทษด้วยเถอะขอรับ”
ในคำพูดของเขาที่พูดถึงผู้พิทักษ์แน่นอนว่าต้องเป็กู้จิ่นเฉิง เื่นี้แค่คิดก็เข้าใจได้แล้ว ในทุกๆ วันเื่จุกจิกทั้งหลายในวังปีศาจล้วนถูกอวี๋เคอโยนไปให้กู้จิ่นเฉิงเป็คนดูแลรับผิดชอบ ส่วนตัวเองอยู่ว่างๆ ทำตัวสบายๆ เป็ผู้ที่ชี้นิ้วออกคำสั่งอย่างเดียวโดยไม่ต้องจัดการเอง
ส่วนผู้ที่สามารถทำให้อาจิ่วเชื่อฟังได้นั้น เพียงแค่มือเดียวก็สามารถนับได้ทั้งหมดแล้ว อวี๋เคอนับเป็หนึ่งคน ส่วนกู้จิ่นเฉิงผู้ที่อยู่ข้างกายของคนผู้นี้มาโดยตลอดแน่นอนว่าก็อยู่ในตำแหน่งนี้ด้วย แต่ครั้งนี้คนผู้นั้นบังเอิญไม่อยู่พอดี จึงไม่สามารถหาคนที่จะมาจัดการกับเื่นี้ได้ จนทำให้ข้ารับใช้กลุ่มนี้ที่ปกติแล้วมักจะพึ่งพากู้จิ่นเฉิง สุดท้ายแล้วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องมารบกวนอวี๋เคอ
อวี๋เคอเป็ผู้ที่มีอำนาจและน่าเกรงขามมาเป็เวลานาน บวกกับสภาวะอารมณ์ของเขาที่ไม่ค่อยจะคงที่สักเท่าไรนัก ไม่แน่ว่าเมื่อพบเห็นคนที่รู้สึกขัดหูขัดตาแล้วก็อาจจะลงมือฆ่าเลยก็เป็ได้ นั่นเป็เหตุผลที่ทำให้พวกเขาแสดงความหวาดกลัวออกมาเช่นนี้
ผมปรับสีหน้าของตัวเองที่แสดงออกมาให้เรียบร้อย คิดไตร่ตรองคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง เผยยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น “พวกเ้ามีกันไม่กี่คนจะสามารถหยุดหงส์เพลิงได้อย่างไร? ช่างเถอะ ไปได้แล้ว ข้าผู้นี้จะไปจัดการเอง”
หลังจากที่เดินพ้นมาจากคนเ่าั้แล้ว ผมรีบเร่งฝีเท้าเล็กน้อย ภายในใจคิดว่าอย่างน้อยที่สุดก็ควรจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็อยู่ไม่ใช่หรือ?
เมื่อคืนบรรยากาศยังเงียบสงบเสียจนมีผู้คุ้มกันเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่เฝ้ายามอยู่บริเวณด้านหน้าถ้ำ ทว่าเวลานี้กลับมีผู้คนแวดล้อมอยู่เป็จำนวนมาก มีทั้งบุรุษและสตรีมากมายหลากหลายเต็มไปหมด
ไม่ต้องรอให้ผมเข้าไปใกล้ ก็มีสาวน้อยที่รูปร่างหน้าตาดูงดงามสะอาดบริสุทธิ์ เธอสวมชุดสีขาววิ่งตรงมาทางผม ขณะที่วิ่งมาจนใกล้จะถึงข้างกายของผมนั้น จู่ๆ ก็เกิดเสียหลัก ร่างกายซวนเซไปด้านหนึ่ง เธอจึงอ้าแขนออกแล้วก็โถมตัวเข้ามาหาผม ไหล่ขาวนวลผุดผ่องโผล่พ้นจากเสื้อคลุมยาวที่ดูหลวมโคร่งนั่นในขณะที่กำลังเสียการทรงตัวเข้าพอดี ความขาวนวลเนียนนั้นเปล่งประกายแวววาวส่องกระทบเข้ามาในดวงตาของผม...
นี่คือ... สิทธิพิเศษอย่างนั้นหรือ?
ผมแค่กลัวว่าเธอจะล้มลงจริงๆ จึงรีบยื่นมือออกไปโอบด้านหลังของเธอไว้ แต่เมื่อมือััลงบนเสื้อผ้าด้านหลังของเธอก็ได้ยินน้ำเสียงที่ไพเราะนุ่มนวลดังขึ้นเสียงหนึ่ง
หัวใจดวงน้อยๆ ที่แข็งแกร่งของผมก็กระตุกขึ้นมาในทันที
สาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของผมเงยหน้าที่งดงามนั่นขึ้น ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหยดน้ำตา “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งหมดเป็ความผิดของข้าเองเ้าค่ะ เป็ข้าที่ไม่สามารถเฝ้าดูหงส์เพลิงผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ให้ดี จึงทำให้เขาเข้าไปด้านในได้อีกแล้ว ฮือๆๆ ทั้งหมดเป็ความผิดของข้า...”
ผมกำลังตกตะลึง เมื่อเห็นสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่สวมชุดกระโปรงผ้าต่วนสีเหลืองสดใสที่ก็โถมตัวเข้ามาเช่นกัน เธอคว้าไหล่ของผมเอาไว้ พร้อมร้องไห้ยอมรับผิด คำแก้ตัวก็เหมือนกับซ้อมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยข้อความมีความหมายเหมือนกันทั้งหมด คือการรับความผิดของเื่นี้ให้กับตัวเอง ทั้งยังร้องไห้พลางโถมเข้ามาแนบชิดตัวผมไปพลาง พร้อมกับถูไถร่างกายไปมาอย่างช้าๆ
การกระทำของพวกเธอทำให้ผมตัวแข็งทื่อ รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว ผมเริ่มเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เดิมทีสตรีเหล่านี้ล้วนใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่หงส์เพลิงบุกเข้าไปกินสัตว์ปีศาจในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าผมผ่อนคลายเข้าหน่อยจึงคิดล่อลวงผม ลอบปีนขึ้นเตียงของผมอย่างนั้นหรือ?
หากพูดขึ้นมาก็อาจจะน่าอายสักเล็กน้อย เพราะผมที่เกิดมาจนใช้ชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปีแล้วแต่ก็ยังไม่เคยมีคนรักมาก่อน สาเหตุคร่าวๆ น่าจะเป็เพราะเหตุการณ์ในชีวิตก่อนหน้า ในตอนนั้นผมหลงใหลในนิยายแฟนตาซี พอมา่มัธยมปลายก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมาก เพราะต้องดิ้นรนเพื่อที่จะได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ปรารถนา เดิมทีวาดฝันไว้ว่าจะได้มีความรักอันงดงามในมหาวิทยาลัย แต่ผลสุดท้ายกลับ… ฮ่าๆๆ เป็ผมที่คิดเยอะเกินไปสินะ
ความเป็จริงคือผมซื้อคอมพิวเตอร์ ต่อสายอินเทอร์เน็ตเพื่อเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนร่วมห้อง ใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืนและทุกคืน ท้ายที่สุดแล้วไม่เพียงแต่กลายเป็คนี้เีที่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็การเร่งให้หัวใจของผมอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลอยู่ในมือ ผมได้แต่ครุ่นคิดและไม่พูดไม่จาอยู่นานหลายวัน จนสุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่นำชะตากรรมของผมที่อาจจะต้องตายในอีกไม่ช้าแบบนี้ไปทำร้ายสาวคนไหนแล้ว
แต่เวลานี้ผมได้ข้ามมิติเข้ามาอยู่ในร่างของอวี๋เคอ ไม่ว่าส่วนไหนของร่างกายก็ดูจะแข็งแรงไปเสียทุกส่วน แต่กลับพบว่าตัวเองไม่ค่อยจะเชี่ยวชาญในเื่การสื่อสารกับสาวๆ เท่าไรนัก
ยกตัวอย่างเช่นสาวๆ เหล่านี้ที่โถมตัวเข้ามาหาผม มือไม้ก็ไม่อยู่เฉย ลูบไล้ไปมาบนร่างกายของผม ระดับการรุกของพวกเธอนั้นล้วนเหนือชั้นกว่านักแสดงหญิงที่ผมเคยดูในหนังแนวสิบแปดบวกเสียอีก
ตอนนี้ภายในใจของผมรู้สึกประหม่า แต่แสร้งทำหน้าตาเคร่งขรึม ทว่าท้ายที่สุดแล้วมันกลับล้มเหลวเมื่อผมได้เห็นเ้าหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อที่ดูน่ารักเป็พิเศษทะยานตัวจะเข้ามาหาผม
“ออกไปให้พ้น! ” ผมแสร้งทำสีหน้าเ็า ผลักสตรีที่โถมตัวเข้ามาอยู่บนร่างกายออก แต่เนื่องจากพละกำลังที่มากล้น จึงทำให้สาวน้อยคนแรกที่งดงามสะอาดบริสุทธิ์ถูกผมสะบัดออกไปจนล้มลงไปอยู่กับพื้นตรงหน้า สีหน้าท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ผมมองข้ามความน่าสงสารนั่นไป มุมปากยกขึ้นสามสิบองศาอย่างเย้ยหยัน เพียงแค่นึกบนฝ่ามือก็ปรากฏเป็พัดไม้เล่มหนึ่งที่ยังหุบอยู่ ผมใช้มันปัดไปตรงจุดที่คนเหล่านี้ัั จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “รู้ว่าผิดก็เลิกขวางทางได้แล้ว หรือเกรงว่าข้าผู้นี้จะยังโมโหไม่มากพอ ถึงได้รีบเข้ามาเพื่อรนหาที่ตายกันอย่างนั้นหรือ? ”
เมื่อคำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากผม สิ่งแรกที่ปรากฏก็คือเ้าหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อที่กำลังวิ่งเข้ามาหาผมหยุดลงทันที เขาเม้มปาก มองผมครู่หนึ่งราวกับกำลังใช้ความคิด จากนั้นจึงหันหลังกลับไปอย่างเงียบๆ แล้วเดินกลับไปอยู่ตรงจุดเดิม
ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพียงแค่รับมือกับสตรีผมก็ยังประหม่าจนแทบจะทนไม่ไหว กับบุรุษยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ทว่ายังไม่ทันจะถอนหายใจเสร็จก็เห็นว่ากลุ่มคนที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างคุกเข่าลงบนพื้นทีละคนราวกับต้องคำสาปอย่างไรอย่างนั้น เมื่อคุกเข่าลงแล้วแหวกให้เป็ทางจากตรงกลางออกมา จนเผยให้เห็นถ้ำที่ถูกล้อมเอาไว้ก่อนหน้านี้
ผมไม่กล้ามองสตรีที่ถูกผมผลักจนล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้นมากเท่าไรนัก เกรงว่าถ้าได้เห็นสีหน้าท่าทางที่เ็ปไร้ซึ่งหนทางของเธอแล้วจะรู้สึกอึดอัดใจ ส่วนสตรีที่สวมชุดกระโปรงสีเหลืองสดใสคงจะรู้สึกเห็นใจสตรีผู้นั้นอยู่บ้าง จึงย่อตัวลงแล้วประคองเธอขึ้นมา จากนั้นก็คุกเข่าลงอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงอันใดอีก
มีเพียงแค่ความสิ้นหวังอย่างมากที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอที่ทำให้ผมไม่เข้าใจเล็กน้อย ผมแค่พูดบางอย่างเพียงเพื่อให้พวกเขาใก็เท่านั้น แล้วเหตุใดพวกเขาจะต้องเสียใจมากมายถึงเพียงนี้?
ผมรู้ตัวว่าถึงจะคิดมากไปก็ไม่มีทางเข้าใจอยู่ดี และผมก็ไม่อยากจะต้องเปลืองสมองกับเื่นี้มากเกินไปนัก จึงจับที่แขนเสื้อตัวเองแล้วเดินผ่านบุรุษสตรีกลุ่มหนึ่งที่คุกเข่าอยู่บนพื้น มุ่งตรงเข้าไปในถ้ำโดยไม่กล่าวคำใดออกมาสักคำ
เมื่อสักครู่นี้จู่ๆ ผมก็เข้าใจกฎเกณฑ์ได้อย่างหนึ่ง กฏเกณฑ์ที่ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีความเท่าเทียมกัน คนเหล่านี้จะรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเพียงเพราะคำพูดจากผู้ที่มีพลังและอำนาจที่แข็งแกร่งมากที่สุดอย่างอวี๋เคอ แต่ก็มีความเป็ไปได้ว่าในอนาคตคนกลุ่มนี้อาจจะแอบหัวเราะเยาะเมื่อเห็นผมประสบกับความทุกข์ทรมานเช่นกัน
โดยพื้นฐานแล้วที่ผมอยู่บนโลกใบนี้ก็นับว่าเป็ิญญาที่โดดเดี่ยว ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อน แล้วก็ไม่มีสิ่งที่ผมต้องเป็ห่วง สิ่งเดียวที่มีก็แค่ตัวตนของอวี๋เคอผู้นี้ และสิ่งที่ต้องจัดการก็มีเพียงแค่เื่ราวที่เกี่ยวข้องกับตัวตนนี้เท่านั้น สามารถพูดได้เลยว่าผมก็แค่สวมบทบาทเป็สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ [1] ของอวี๋เคอก็เท่านั้น
ดังนั้นการแสร้งทำเป็กำจัดสิ่งที่ยุ่งยากออกไปในเวลาที่เหมาะสมคงจะไม่ถือว่าเกินไปสินะ?
......
เชิงอรรถ
[1] สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ เป็สำนวนจีน อุปมาถึงการพึ่งพาอาศัยอำนาจของผู้อื่นแล้วนำมาใช้ข่มเหงผู้คน