เหนือจากความคาดหมายของโม่จ้าน บ้านของลาถีเท่อไม่เล็ก เป็บ้านขนาด ‘สี่ห้องนอนหนึ่งห้องโถง’ อย่างได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีลานเล็ก เพียงแต่เมื่อโม่จ้านเห็นแท่นบูชาเล็กๆ สองแท่นที่วางอยู่บนโต๊ะภายในห้องอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย ตนยังคงอดรู้สึกปวดใจมิได้
เด็กกำพร้าต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพียงใด โม่จ้านเข้าใจเพราะประสบด้วยตนเอง
ก่อนจะถูกตระกูลโม่รับเลี้ยง เด็กกำพร้าร่างกายอ่อนแออย่างโม่จ้านเป็เป้าหมายของการถูกกลั่นแกล้ง แม้บนตัวไม่มีอาการาเ็สาหัส แต่กระนั้นกลับมีอาการาเ็เล็กน้อยไม่เคยขาด กระทั่งวันหนึ่ง โม่จ้านะเิอารมณ์หลังถูกเด็กคนอื่นๆ แย่งอาหารไป ตนถือส้อมพุ่งเข้าไปจนเกือบจะเกิดคดีฆาตกรรม ภายหลังไม่รู้ว่าใครส่งกล้องวงจรปิดไปให้สถานีโทรทัศน์จนกลายเป็เื่ราวใหญ่โตอย่างมาก ทำให้ทั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเกือบต้องปิดตัวลง นับแต่นั้นมาโม่จ้านกลายเป็หมาป่าเดียวดายที่ดุร้าย ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กล้วนมิกล้าเข้าใกล้
่แรกหลังจากถูกตระกูลโม่รับตัวไป โม่จ้านน้อยเป็คนเก็บตัวอย่างมาก ไม่ยอมพูดคุยแม้แต่คำเดียว ท้ายที่สุดยังเป็เพราะความรักอันละเอียดอ่อนของคุณพ่อคุณแม่ครอบครัวโม่ ใช้เวลาหลายปีกล่อมเกลาโม่จ้านน้อยด้วยความเอาใจใส่ มิใช่เื่ง่ายกว่าโม่จ้านน้อยที่นิสัยค่อนข้างหัวแข็งจะยอมเปลี่ยนตัวเอง ร่างกายที่ทำให้โม่จ้านรู้สึกภาคภูมิใจคือสิ่งที่ตนกับคุณพ่อโม่ร่วมฝึกฝนมาด้วยกัน
ในฐานะเด็กกำพร้า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือความน้อยเนื้อต่ำใจและความอ่อนไหวต่อสายตาคนรอบข้างอย่างมาก โม่จ้านหวนนึกถึงลาถีเท่อที่แลกเปลี่ยนบทสนทนากับเก๋อจือระหว่างทางแล้วรู้สึกยินดีที่อีกฝ่ายมิได้มีนิสัยออกนอกลู่นอกทางเช่นตนเมื่อครั้งยังเด็ก และยามที่ตนโต้ตอบกับเขาก็มิได้รู้สึกสองจิตสองใจ สามารถแลกเปลี่ยนมาซึ่งความไว้วางใจของอีกฝ่าย
เพียงแต่ยามนี้ลาถีเท่อกำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าห้องหนึ่ง ท่าทางคล้ายกับประสบปัญหามิน้อย
“เป็อันใดไป?” เก๋อจือกับโม่จ้านเอ่ยถามเป็เสียงเดียวกัน
“เพราะปกติมีเพียงเก๋อจือมาพักที่บ้านข้าเพียงผู้เดียว ดังนั้นจึงมีเพียงสองห้องที่ทำความสะอาดทุกวัน”
ลาถีเท่อชี้ไปยังห้องดำมืดตรงหน้า เพียงดูจากแม่กุญแจที่ฝุ่นเกาะหนาเตอะก็พอจะนึกภาพสถานการณ์ภายในได้
“หากสละห้องเก็บของยามนี้คงต้องย้ายของด้านในออกมาทั้งหมด จำต้องให้พวกเ้าช่วยเหลือด้วย”
โม่จ้านกับเก๋อจือมองหน้ากัน พลันเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายภายในเสี้ยววินาที
“มิต้อง สามคนนอนสองห้องก็เพียงพอ”
หากจะย้ายของในห้องเก็บของออกมา เช่นนั้นจะต้องนำไปเก็บไว้ในห้องเซ่นไหว้ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของคนทั้งสองคือ การทำเช่นนั้นนับว่าเสียมารยาทต่อลาถีเท่อ มิอาจปล่อยให้สหายต้องลำบากเพราะตนเอง
โม่จ้านเม้มปากพลางเลิกคิ้วไปทางเก๋อจือ ที่แท้คุณชายน้อยช่างรู้จักเอาใจใส่ความรู้สึกของสหายมิน้อย
เก๋อจือถลึงตาจ้องกลับไป คุณชายน้อยอย่างข้ามิใช่คนโง่เสียหน่อย
“เช่นนั้นจะแบ่งอย่างไร?” ลาถีเท่อมองคนทั้งสองที่ยักคิ้วหลิ่วตาไปมา
“ตามแต่เ้าบ้านสะดวกเป็พอ มีธรรมเนียมที่ใดให้ไปเบียดเบียนเ้าบ้านกัน”
โม่จ้านยักไหล่แล้วชิงเอ่ยขึ้นก่อน “ข้ากับเก๋อจือนอนห้องเดียวกันได้”
“ให้คุณชายน้อยอย่างข้านอนกับคนป่าอย่างเ้างั้นรึ…”
เก๋อจือกลอกตาขาว ไม่ปกปิดความรังเกียจภายในดวงตาแม้แต่น้อย กระนั้นกลับมิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“อืม เช่นนั้นก็---”
สายตาของโม่จ้านปรายมองไปทางลาถีเท่อโดยมิตั้งใจ พลันจับสังเกตเห็นแววตาสลัวชั่วเสี้ยววินาทีของอีกฝ่ายได้อย่างว่องไว
“...อะแฮ่ม นิสัยการนอนของข้ามิค่อยดีนักทั้งยังกรนอีกด้วย เ้ามั่นใจว่าจะนอนกับข้า?”
“อันใดนะ? กรน?!” สีหน้าของเก๋อจือเปลี่ยนจากรังเกียจเป็สะอิดสะเอียนเสียแล้ว
“ได้โปรดให้ข้าปฏิเสธ คุณชายน้อยเช่นข้า้าสภาพแวดล้อมการนอนที่เงียบสงบเพื่อพักผ่อน”
โม่จ้านยังคงขยับเข้าใกล้เก๋อจือพลางเอ่ยวาจายียวนต่อไป “ถึงอย่างไรภายหน้าก็ต้องนอนด้วยกันอยู่ดี ฝึกซ้อมล่วงหน้าสักหน่อยมิดีงั้นหรือ?”
“นอน นอนด้วยกัน!?” ลาถีเท่อใจนนิ่งงันเสียแล้ว เขาอ้าปากหวออยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังมิอาจหุบลง
“ลาถีเท่ออย่าเข้าใจผิด เขาคือสหายร่วมกลุ่มทำภารกิจจบการศึกษาของข้า ภายหน้าจะต้องออกค่ายตั้งกระโจม แน่นอนว่าต้องได้นอนด้วยกัน”
เก๋อจือหมดคำจะพูดถึงขั้นสุด ล้วงหยิบเอาคทาสั้นออกมาดันอกของโม่จ้านเอาไว้ ขัดขวางมิให้บุรุษที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟันขยับเข้าใกล้ตน
“เพียงแต่ดูจากยามนี้ ข้าอาจต้องเตรียมที่อุดหูสักคู่...”
โม่จ้านสังเกตเห็นว่าลาถีเท่อถอนหายใจโล่งอก รวมไปถึงน้ำเสียงมิสู้ดีนักของเก๋อจืออย่างชัดเจน ความสงสัยภายในใจยิ่งทวีขึ้น
“เอาเช่นนี้เป็อย่างไร มิสู้เ้าเข้าร่วมด้วย? มากคนย่อมต้องจัดการได้ดีกว่าคนน้อย”
โม่จ้านคลี่ยิ้มเอ่ย การทำภารกิจตีบอสในเกมจะต้องสร้างกลุ่ม เพิ่มมาอีกสักคนก็ทุ่นแรงได้มิน้อย
“เก๋อจือคือจอมเวทระดับกลาง เขาเลือกเ้าแสดงว่าเ้าต้องมีฝีมือยอดเยี่ยมเป็แน่”
ภายในแววตาของลาถีเท่อฉายแววมีความหวังหลายส่วน ทว่ายังคงก้มหน้าลงอย่างรู้สึกต่ำต้อย
“ข้าทำอันใดมิเป็สักอย่าง ไปด้วยก็มีแต่จะเป็ตัวถ่วง...”
“วางใจเถิด มีข้าอยู่จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้”
โม่จ้านส่ายหน้า ออกแรงตบบ่าลาถีเท่อ จากนั้นสาวเท้าไปทางห้องปีกข้าง
“คุณชายน้อยเก๋อจือรังเกียจข้า อีกทั้งยังมิอาจให้เ้าบ้านทนฟังเสียงกรน ข้าคงได้แต่นอนผู้เดียวเสียแล้ว...”
...พวกเ้าไม่คิดจะถามความเห็นเ้าของภารกิจอย่างข้าเลยหรืออย่างไร!
เก๋อจือเบิกตากว้าง มองแผ่นหลังของโม่จ้านที่เดินบิดมิต่างกับนายแบบ
ลาถีเท่อคลี่ยิ้มตาหยีพลางเอียงคอ จากนั้นจิ้มเด็กหนุ่มผมแดงที่กลายเป็หินไปแล้ว “เก๋อจือ จะช่วยข้าเก็บสัมภาระได้หรือไม่?”
“...เชอะ ทำเป็พูดจายิ่งใหญ่เสียขนาดนั้นยังมิใช่ว่าตนเองได้นอนเตียงใหญ่ผู้เดียวหรืออย่างไร”
เก๋อจือพยักหน้า ตามด้วยกลอกตาขาวอย่างไม่ยอมแพ้ใส่ประตูห้องของโม่จ้าน
“นี่มันเื่อันใดกัน...”
ภายในห้อง โม่จ้านทิ้งก้นนั่งลงบนเตียงก่อนบิดเอวไล่ความเกียจคร้านครั้งใหญ่ สีหน้าฉายแววซับซ้อนอย่างมาก
อย่างน้อยตนก็เคยคลุกคลีอยู่ในวงการการค้ามาหลายปี โม่จ้านยังคงรู้วิธีการดูสีหน้าและวาจามิน้อย ั้แ่แรกพบ สายตาที่ลาถีเท่อใช้มองตนคงความเป็มิตรและระแวดระวังอยู่ตลอด สำหรับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกัน แท้จริงแล้วมินับว่าเป็ปัญหาใด เพียงแต่ระหว่างทางกลับบ้าน สายตาที่ลาถีเท่อใช้มองเก๋อจือที่เดินอยู่ด้านหน้าแฝงความอบอุ่นเสียจนแทบจะมีน้ำมันหยดออกมา[1] ยามที่โม่จ้านพูดจาหยอกล้อสองแง่สองง่าม สีหน้าของลาถีเท่อก็แสดงออกอย่างชัดเจนมากเช่นกัน
ครั้นตนฉวยโอกาสเอ่ยถึงภารกิจจบการศึกษา ทันใดนั้นเก๋อจือพลันอารมณ์เสียอย่างน่าประหลาด สาเหตุเป็เพราะอันใดกัน?
เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือตนจะไม่เข้าใจ --- เก๋อจือจะต้องอยากทำภารกิจร่วมกับลาถีเท่อมานานแล้ว เพียงแต่หลังจากนั้นคงถูกลาถีเท่อปฏิเสธด้วยสาเหตุที่ว่ามีความสามารถไม่เพียงพอ ทว่าวันนี้น้ำกาไหนมิเดือดตนก็ดึงดันจะหยิบกานั้น[2] อีกทั้งเก๋อจือมิอาจเอ่ยออกมาตรงๆ แน่นอนว่าจะต้องไม่พอใจ
โม่จ้านเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ ก่อนจะถอนหายใจราวกับเป็เื่ใหญ่โต
ความรู้สึกที่ลาถีเท่อมีต่อเก๋อจือเกินกว่าคำว่าเพื่อนไปนานแล้ว
ในบ้านของลาถีเท่อเว้นตำแหน่งเตียงไว้เผื่อเก๋อจือโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังทำความสะอาดทุกวัน มิเท่ากับสื่อว่าลาถีเท่อยินดีให้เก๋อจือค้างแรมที่นี่อย่างยิ่งงั้นหรือ? เมื่อเห็นว่าตนมิเพียงแต่รับปากจะพาเขาไปด้วย ทั้งยังยอมแบกหม้อก้นดำว่านอนกรนได้ถูกเวลาและไล่เก๋อจือไปนอนกับเขา สายตาซาบซึ้งของลาถีเท่อมิต่างกับผู้ลี้ภัยมองเห็นกองทัพบรรเทาทุกข์มาส่งอาหาร เกือบจะเอ่ยคำว่า ‘ขอบคุณ’ สองคำนั้นออกมาเสียด้วยซ้ำ
เมื่อดูจากเื่นี้ เกรงว่าเก๋อจือที่ความคิดจิตใจมิค่อยละเอียดรอบคอบคงจะไม่รู้เื่นี้แม้แต่น้อย จิ๊ๆ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
โม่จ้านแบมือยักไหล่ใส่อากาศว่างเปล่า ตามด้วยถอดเกราะหนังที่รัดแน่นและสวมเสื้อคลุมตัวหลวมสบาย จากนั้นจึงเดินออกไปนอกห้องอีกครั้ง
เชิงอรรถ
[1] น้ำมันหยด 滴出油 ใช้เปรียบเปรยว่าหวานเลี่ยนหรือร้อนระอุมากเกินไป
[2] 哪壶不开,提哪壶 กาไหนไม่เดือดก็หยิบกานั้น สำนวนนี้หมายถึง ทำเื่ที่ไม่ควรทำ หรือพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด