เช้าวันที่สอง
ฉินหลางตื่นแล้วเดินจะะโที่ประตู “ผู้คุมครับ ผมขอใช้โทรศัพท์หน่อย”
“ไม่ได้” ผู้คุมปฏิเสธคำขอของฉินหลาง
“ถ้าพวกคุณจะเอาอย่างนี้ให้ได้เลยละก็ มีโอกาสเมื่อไร ผมจะบอกครอบครัวและเพื่อน หรือนักข่าวว่าตอนอยู่ในสถานกักกัน ถูกทำร้ายด้วยมีดยังไง โดนพิษได้ยังไง ผมคิดว่าพวกคุณก็ไม่อยากให้เป็เื่หรอก ใช่มั๊ยครับ” ฉินหลางทำข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ กับผู้คุม
ผู้คุมทั้งสองปรึกษากันก่อน จากนั้นผู้คุมคนหนึ่งก็ยื่นโทรศัพท์ให้ฉินหลาง ทว่าเขามีข้อแม้ว่าฉินหลางต้องโทรต่อหน้าพวกเขาเท่านั้น พวกเขาจะได้รู้ว่าฉินหลางพูดอะไรที่อาจจะทำให้พวกเขาเดือดร้อนรึเปล่า
ฉินหลางเลือกประนีประนอม เพราะตอนนี้เขาแค่้าจะโทรหาจ้าวเหว่ยเท่านั้น
เบอร์โทรศัพท์จ้าวเหว่ยค่อนข้างจำง่าย เพราะมีเลขซ้ำติดกันสี่ตัว หลังจากที่จ้าวเหว่ยรับสาย ฉินหลางเพิ่งจะพูดแค่ชื่อของตัวเองเท่านั้น ก็ได้ยินจ้าวเหว่ยด่าขึ้น “แม่ม ฉินหลาง! แกทำให้โจวหลิงหลิงต้องตาย เชี่ย!…ฉันจะฆ่าแก…”
ฉินหลางรู้ว่าจ้าวเหว่ยแค่กำลังระบายความโมโหและความเ็ปในใจออกมาเท่านั้น แต่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะมาฟังจ้าวเหว่ยระบาย “ฉันไม่ได้ทำร้ายโจวหลิงหลิง นายน่าจะรู้ดี! ตอนนี้ฉันอยากให้นายช่วยฉันทำเื่เล็กๆ สักเื่ นายเข้าไปดูในประวัติการโทรของมือถือฉัน ข้าวในมีคนที่ชื่อ ‘ลูกน้องชายหัวล้าน’ นายช่วยติดต่อเขา ให้เขาพานายมาหาฉัน”
“เ้าหมอนี่เป็ใคร?” จ้าวเหว่ยมีเครื่องหมายคำถามเต็มหัวไปหมด “แล้วนายอยู่ที่ไหน?”
“จำชายหัวล้านที่ะโตึกพร้อมเราเมื่อสองวันก่อนได้ไหม?” ฉินหลางกล่าว “นายบอกเขาว่า เรารู้ว่าชายหัวล้านเป็ใคร เขาจะต้องพานายมาหาฉันแน่”
“ก็ได้” จ้าวเหว่ยตอบฉินหลาง ตามด้วยขอโทษ “ฉินหลาง ฉันขอโทษ! เมื่อกี้ฉัน—”
“เร็วหน่อย สำหรับฉันนายคือพี่น้อง” ฉินหลางกล่าว
“โอเค พี่น้อง!” จ้าวเหว่ยวางสาย รีบทำตามที่ฉินหลางบอกทันที
ต่อจากนี้ ฉินหลางได้รับการตรวจอย่างละเอียดจากโรงพยาบาล และยังได้กินอาหารเช้าอันโอชะ
ฉินหลางรู้สึกว่าการอยู่โรงพยาบาลนี่ดีจริงๆ เลย ทว่าเขาก็รู้ดี ซางคุนกับอันเต๋อเซิ่ง คนพวกนี้จะต้องไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ แน่
แล้วก็จริงอย่างที่คิดไว้ ไม่นานนัก ก็มีเ้าอ้วนพุงย้วยที่มีผู้คุมล้อมหน้าล้อมหลังเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยของฉินหลาง เขาเพียงเหลียวมองฉินหลางที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยแค่แวบเดียวเท่านั้นก็พูดขึ้น “ฉันดูแล้วเขาไม่ได้เป็อะไรแล้ว งั้นก็รีบเอาตัวกลับไปขังเถอะ”
“ครับ หัวหน้าโจว” ผู้คุมหนึ่งในนั้นรีบรับคำ
“นี่—ผลตรวจยังไม่ออกมาเลย” ฉินหลางสบถใส่อ้วนพุงย้วยที่แซ่โจว
โจวซือิมองฉินหลางด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม พูดขึ้นเสียงเย็นเยือก “ทำไม แกจะมาพูดเื่สิทธิมนุษยชนกับบิดาเหรอ? อยู่ในสถานกักกันของบิดา บิดาก็คือกฎหมาย! แกมีสิทธิมนุษยชนหรือไม่บิดาเป็คนกำหนด!”
ตอนพูดประโยคนี้ โจวซือิแสดงท่าทีเหิมเกริม บ้าอำนาจ เผด็จการ ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เราเป็แค่หัวหน้าสถานกักกันเล็กๆ ล่ะ มีแต่ในสถานกักกันเท่านั้นแหละที่เราจะใหญ่ที่สุด เราก็ต้องโอหังเป็ธรรมดา
ปังๆๆๆ!
ทว่าในเวลานี้เอง จู่ๆ หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา
จ้าวเหว่ยเป็คนปรบมือ ในที่สุดเ้าหมอนี่ก็มาแล้ว
ข้างๆ จ้าวเหว่ย ยังมีผู้ชายอายุประมาณ 28-29 ปีอยู่ในชุดสูทสุดเนี๊ยบ
“พวกเธอเป็ใคร? ตรงนี้เป็ห้องพักแยกของนักโทษ ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า!” โจวซือิขมวดคิ้วก่อนจะสบถเสียงเย็นๆ ผู้คุมข้างกายเขารีบขยับตัว เตรียมไล่ทั้งคู่ออกไป เพื่อประจบหัวหน้า
“โจวซือิ นายนี่ช่างเป็ข้าราชการที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เลยนะ!” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ จ้าวเหว่ยสบถ “ฉันชื่อเฉินจิ้นหย๋งจากสำนักเลขาธิการรัฐบาล”
พูดจบ ชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ยื่นบัตรพนักงานให้โจวซือิ
ในสถานกักกันของเขาโจวซือิเป็ผู้นำสูงสุด เ้าประจำถิ่น แต่ในบรรดาเหล่าข้าราชการทั้งเมืองเซี่ยหยางแล้ว ในขณะที่ชายดังกล่าวทำงานในตำแหน่งเลขาธิการรัฐมนตรีด้วยแล้ว โจวซือิรู้ว่ามันแปลว่าอะไร ต่อให้เป็แค่เลขาตัวเล็กๆ เขาก็ไม่กล้ามีปัญหาด้วย เพราะสำนักงานเลขาธิการรัฐบาลทำงาน และอำนวยความสะดวกให้กับหัวหน้ารัฐบาลของเมืองเซี่ยหยาง
“อ๋อ ที่แท้ก็หัวหน้าส่วนเฉินนี่เอง สวัสดีครับ สวัสดีครับ” หลังจากรับบัตรพนักงานของเฉินจิ้นหย๋งมาดูแล้ว ปฏิกิริยาและท่าทางของโจวซือิเปลี่ยนไปทันที ถึงแม้ชายตรงหน้าจะทำงานเอกสาร แต่ข้างหลังเขามีคนที่น่ากลัวอยู่
“หัวหน้าโจว ผมขอคุยกับคุณฉินหลางท่านนี้ครู่หนึ่งนะ” น้ำเสียงของเฉินจิ้นหย๋งเป็การออกคำสั่ง ไม่ใช่การขอร้อง
มุมปากโจวซือิกระตุกเบาๆ รู้สึกเหมือนศักดิ์ศรีของตัวเองถูกดูถูก จึงพูดขึ้นอย่างเหลืออดว่า “ขอโทษครับ หัวหน้าส่วนเฉิน คนคนนี้เป็ผู้ต้องสงสัยคดีสำคัญ ไม่ได้รับอนุญาตจากข้างบน—”
“อ๋อ” แม้ว่าเฉินจิ้นหย๋งจะอายุยังน้อย ทว่าเขามีประสบการณ์ที่มาก เขาไม่อยากคุยกับโจวซือิ จึงพูดตัดบท “นายหมายความว่า คำพูดของนายกเทศมนตรีหวูใช้กับนายไม่ได้ใช่ไหม?”
“นายกเทศมนตรีหวู? หวูเหวินเซี่ยงรองนายกเทศมนตรีเมืองเซี่ยหยาง? ที่มีข่าวว่ากำลังจะเป็นายกเทศมนตรีคนนั้น!”
โจวซือิอึ้ง ทว่าในใจกลับแอบด่า “แม่มเถอะเฉินจิ้นหย๋ง ในเมื่อเป็คำสั่งของรองนายกเทศมนตรีหวู ทำไมไม่บอกั้แ่แรกวะ จะต้องมาทำเป็แอบอ้างแบบนี้อีก”
แต่โจวซือิกลับพูดออกมา “ในเมื่อเป็คำสั่งของข้างบน ก็คงไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ”
เฉินจิ้นหย๋งยิ้มตามมารยาทพลางพูดขึ้น “งั้นรบกวนหัวหน้าโจวกับคนของคุณรออยู่ข้างนอกนะครับ ผมมีเื่ต้องพูดกับฉินหลาง”
“ฉินหลาง—นายนี่มันหาเื่เก่งจริงๆ เลยนะ!” จ้าวเหว่ยเดินขึ้นมาตบไหล่ฉินหลางเบาๆ “นายอยู่ในสถานกักกันลำบากรึเปล่า?”
“ต่อสู้กับคนเขาสองรอบ แต่คนที่เสียเปรียบไม่ใช่ฉัน” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามสารทุกข์สุกดิบกัน จึงหันไปพูดกับเฉินจิ้นหย๋ง “หัวหน้าเฉินใช่ไหมครับ ผมอยากคุยกับนายกเทศมนตรีหวูสักสองสามคำ”
“ตอนนี้นายกเทศมนตรีหวูยุ่งมาก ฉันคิดว่าตอนนี้ท่านน่าจะยังไม่มีเวลา แต่ถ้า้าอะไร เธอบอกกับฉันได้เลย เพราะท่านได้สั่งไว้เป็พิเศษแล้ว” เฉินจิ้นหย๋งพูดด้วยความนิ่งเรียบ
“จิ้งจอกเฒ่า” ฉินหลางสบถเงียบๆ ในใจ เขารู้ว่าหวูเหวินเซี่ยงจงใจจะหลบหน้า ก็เป็ห่วงว่าฉินหลางกับจ้าวเหว่ยจะเอาความลับวันนั้นไปขูดรีดเขา เพราะยังไงเสียหวูเหวินเซี่ยงไปที่บิวตี้คลับ มันเป็ชื่อเสียไม่ใช่ชื่อเสียง แต่น่าเสียดาย ฉินหลางเองก็ไม่ได้โง่ เขาพูดขึ้นด้วยความนิ่งเรียบ “ถ้างั้น รบกวนคุณช่วยบอกนายกเทศมนตรีหวูสองเื่นะครับ เื่แรก ถ้าผมเดาไม่ผิด ที่เขาได้รับาเ็โรงพยาบาลรักษาไม่ได้ เื่นี้ผมสามารถช่วยเขาได้ เื่ที่สอง เมื่อสองวันก่อน ตอนกลางคืนเขาอยู่ที่ไหน ในมือผมมีหลักฐานอยู่ คุณไปรายงานกับเขาเถอะครับ”
เฉินจิ้นหย๋งหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหวูเหวินเซี่ยงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินไปยืนรายงานตรงหน้าต่าง
ผ่านไปสักพัก เฉินจิ้นหย๋งพูดขึ้นกับฉินหลาง “ไม่ทราบว่าคุณ้าอะไร?”
“บอกให้เขามาเอง ฉันไม่มีเวลาเล่นไทเก๊กกับพวกคุณ” ฉินหลางเริ่มจะหมดความอดทน
“ไม่ใช่ครับ ท่านนายกเทศมนตรีหวูงานยุ่งมากจริงๆ ครับ—”
“งั้นก็แล้วแต่เขาเถอะครับ” ฉินหลางสบถเสียงเย็นๆ “แต่รบกวนคุณช่วยบอกเขาด้วยนะครับ ถ้าถึงตอนเย็นวันนี้ น้องชายเขาจะรักษาไม่ได้อีกแล้วนะครับ!”
มีประโยคสุดท้ายของฉินหลางเป็ตัวเร่ง ผ่านไปเพียง 10 นาที หวูเหวินเซี่ยงก็มาอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของฉินหลางแล้ว
ความจริงแล้ว หวูเวินซางเองก็กำลังรักษาน้องชายอยู่ที่โรงพยาบาลนี้เหมือนกัน ไม่ได้ “งานยุ่งมาก” อยู่ในห้องทำงาน ั้แ่วันที่กระแทกโดนจนน้องชายเขาได้รับาเ็ เขาก็รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้มาโดยตลอด ทว่าผลการรักษาไม่ได้เป็อย่างที่คิด ถึงแม้อาการบวมเืจะหายไปแล้ว แต่คุณสมบัติบางอย่างกลับใช้การไม่ได้ ไม่มีแม้แต่วี่แววว่าจะหาย เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหลางแล้ว ทำให้หวูเหวินเซี่ยงกลัวขึ้นมาจริงๆ
แม้หวูเหวินเซี่ยงจะอายุ 45-46 แล้วก็ตาม แต่ความ้าทางเพศของเขายังสูงมาก ถ้าต้องกลายเป็ขันทีไปแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว ต่อให้จะได้เลื่อนตำแหน่งอีกสองขั้น ก็ยังทดแทนกันไม่ได้อยู่ดี
“ฉินน้อย ร่างกายเป็ยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง?” นอกจากหวูเหวินเซี่ยงจะดูสนิทสนม เป็กันเองแล้ว เขายังถือช่อดอกไม้มาให้ฉินหลางด้วยตัวเองอีกด้วย
เห็นหวูเหวินเซี่ยงมีปฏิกิริยานี้กับฉินหลาง โจวซือิที่ยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วย ตื่นตระหนกจนตัวสั่น “เชี่ย! เ้าเด็กนี่เป็ใคร? ลูกท่านหลานเธอรึเปล่า? ทำไมแม้แต่นายกเทศมนตรีหวูยังเกรงใจเขาขนาดนี้! แม่ม ครั้งนี้ซวยแน่เลย!”