“โอย!” ฉินหลางร้องเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยความโมโห “ไอ้สารเลว!”
“ฮ่าๆ! ไอ้นักเรียนปัญญาอ่อน! บิดาเคยเป็นักชกมวยใต้ดิน รู้มั้ยว่าอะไรคือมวยใต้ดิน? ทำได้ทุกอย่างเพื่อชัยชนะ! แกต่อสู้เก่งแล้วยังไงวะ บนมีดบิดามีพิษงูเห่า แกตายแน่! แกต้องตายแน่นอน ฮ่าๆ!”
เฉินกังหัวเราะอย่างสะใจ หัวเราะเสียงดังมาก จนนักโทษในห้องขังอื่นๆ ได้ยิน ขยับปากแต่ไม่มีเสียง แอบด่าเฉินกังพักใหญ่
แม้นักโทษที่ถูกคุมตัวในสถานกักกันส่วนใหญ่จะมาจากทะเลาะวิวาท แต่ทว่าพวกเขาต่างนับถือในฝีมือการต่อสู้ของฉินหลาง และคิดไม่ถึงด้วยว่า ‘พี่กัง’ ที่ชื่อก้องวงการ จะใช้ยาม้า ใช้มีด พิษงู ช่างบัดซบมากจริงๆ !
“วางใจได้ บิดาไม่ตายหรอก!”
ฉินหลางหัวเราะเสียงเย็นะเื ปล่อยกำปั้นใส่เฉินกังจนหมดสติไป จากนั้นะโไปข้างนอกดังๆ “ผู้คุม! แม่ม พวกแกให้เฉินกังเอามีดเข้ามา แถมยังปาดยาพิษไว้บนมีดด้วย! เชี่ย!”
สิ้นเสียงะโด้วยความโมโหของฉินหลาง นักโทษคนอื่นๆ ถูกกระตุ้นให้โมโหตาม เสียงด่า เสียงโวยวายดังสนั่นหวั่นไหว
ผู้คุมตื่นตระหนกแล้วจริงๆ ผู้คุมสองคนรีบพุ่งมาถึงห้องขังฉินหลาง เห็นมีดเล่มเล็กที่ปักอยู่บนขาฉินหลาง ใบหน้าถอดสีในทันที ด่าในใจ “แม่ม ซางคุน แกจะทำให้บิดาตกงานรึไงวะ ถึงได้แอบเอามีดเข้ามา แม่มยังปาดยาพิษอีก ถ้าไอ้เด็กนี่ตายในสถานกักกัน ต้องเดือดร้อนแน่!”
“รีบพาไปส่งโรงพยาบาล!” ผู้คุมอีกคนรีบโทรประสานงานกับเ้าหน้าที่พยาบาลของสถานกักกัน
เมื่อเ้าหน้าที่พยาบาลของสถานกักกันมาถึง ฉินหลางไหลไปตามน้ำ แกล้งหมดสติไปบนอกพยาบาลสาว
ฉินหลางที่นอน ‘หมดสติ’ ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในเมืองเซี่ยหยางเพื่อรับการรักษาอย่างรวดเร็ว
ด้วยความที่เขาเป็ผู้ต้องสงสัย ‘ในคดีสำคัญ’ และโดนพิษงูด้วย ดังนั้นฉินหลางจึงถูกจัดให้นอนห้องพิเศษคนเดียว นอกจากนี้ยังมีผู้คุมสองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู บอกตามตรง ที่นี้น่านอนกว่าข้างในห้องขังเยอะเลย โดยเฉพาะเตียงของห้องพิเศษนี้ นอนสบายกว่าเตียงที่หอพักโรงเรียนอีก
“แม่ม ยืนเฝ้าประตูให้ฉันดีๆ ล่ะ!” ฉินหลางมองไปยังผู้คุมที่ยืนอยู่หน้าประตู แอบด่าในใจสมน้ำหน้าที่ต้องมาเฝ้าประตู
บนมีดเล่มเล็กของเฉินกังได้ปาดพิษงูไว้แล้วจริงๆ แต่สำหรับฉินหลางแล้ว พิษงูเห่าเป็เพียงพิษพื้นฐานที่เขาได้ลองตอนเพิ่งเรียนใช้พิษเท่านั้น ที่เขาเรียนมาจากตาเฒ่าพิษคือวิชาพิษ ไม่ใช่วิชาการต่อสู้ สิ่งนี้ได้เป็ตัวกำหนดแล้วว่าเฉินกังใช้พิษกับเขานั้น เป็การกระทำที่ผิดซ้ำผิดซ้อนมาก
เพราะอย่างนี้ ฉินหลางมาเพียงแต่ได้มานอนสบายๆ ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลเท่านั้น เื่ที่เขาฟันกระดูกซี่โครงเฉินกังหัก ก็จะไม่ถูกผู้คุมยกมาเป็ปัญหาติดตัวเขาเพิ่มด้วย
ตอนที่ฉินหลางกำลังหลับ ก็เหมือนมีลมพัดผ้าม่านหน้าต่าง จู่ๆ ในห้องพักผู้ป่วยก็มีเงาคนโผล่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน
“ตาเฒ่าพิษ!”
ฉินหลางเรียกเบาๆ เห็นคนๆ นี้ ฉินหลางทั้งตื้นตันและตื่นตระหนก
“ฝีกซ้อมการต่อสู้ได้ไม่เลว ยังตระหนักถึงกระบวนยุทธ์ ที่แท้จริงได้อีกหนึ่งท่า—ตั๊กแตนล้มช้าง โหๆๆ ชื่อนี้ ตั้งได้ไม่เลว!” น้ำเสียงของตาเฒ่าพิษฟังดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร และปกติเขาจะเป็คนเข้มงวดมากฉินหลางถือว่าความไม่สบอารมณ์แบบนี้เป็คำชมของตาเฒ่าพิษ
แต่ว่า คำพูดของตาเฒ่าพิษต่อจากนี้ต้องไม่ใช่คำชมแน่นอน “แต่ว่า แกฝึกซ้อมการต่อสู้จนปัญญาอ่อนไปแล้วรึไง? แกรู้ไหมว่าทำไมตัวเองถึงได้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้?”
“อันนี้…ก็เพราะ่นี้ซวยไปหน่อย” ฉินหลางพูดด้วยความหดหู่ มันเป็อย่างนั้นจริงๆ ก่อนหน้านี้ทุกอย่างสงบราบลื่นไปหมด แต่หลังจากไปบิวตี้คลับมา ดวงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบ 180 องศา
“พูดพล่อยๆ! แกไม่ได้ดวงซวย แกเอ็นดูเขาเอ็นแกก็เลยขาดต่างหาก!” ตาเฒ่าพิษสบถ “หลอกใช้ฮานซานฉาง โจมตีกระทิงพวกนี้ แกล้วนทำได้ไม่เลว แต่ว่าแกกลับทำเพื่อผู้หญิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับแกเลย จนทำให้ตัวเองต้องเข้าสถานกักกัน ทำให้คู่ต่อสู้มีโอกาสลงมือกับแก! เรียกได้ว่าโง่จนถึงหัวกระไดบ้านเลยแหละ! อย่าไม่พอใจ บิดาถามหน่อย ถ้าแกไม่ไปยุ่งว่าโจวหลิงหลิงนั่นจะเป็หรือตาย แกจะตกอยู่ในสภาพนี้ไหม?”
“ไม่ครับ” ฉินหลางตอบด้วยท่าทีหดหู่
ตาเฒ่าพิษพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะฉินหลางไปช่วยโจวหลิงหลิง เขาก็คงไม่ต้องโดนคนอื่นเอาเข้าไปในสถานกักกันหรอก
“ตาเฒ่าพิษ นายมาเพื่อจะหัวเราะเยาะฉันเหรอ?” ฉินหลางถามขึ้นอย่างเหลืออด
“แกเป็ลูกศิษย์ฉัน หัวเราะเยาะแก ก็เท่ากับฉันหัวเราะเยาะตัวเองหน่ะสิ” ตาเฒ่าพิษสบถ “ดูท่าภารกิจของแกล้มเหลวแล้ว แกกำลังจะกลายเป็ผู้ร้ายฆ่าคนตาย บิดาว่าแกไปซ่อนตัวในป่ากับฉันดีกว่า—”
“เฮ้ย รอก่อน—ตาเฒ่าพิษ” ฉินหลางรีบพูดขึ้น “ภารกิจยังไม่ได้ล้มเหลวซะหน่อย และฉันก็ไม่ได้คิดจะไปซ่อนตัวอยู่ในป่ากับคุณด้วย”
“แกอยากอยู่ในห้องขังต่อเหรอ?” ตาเฒ่าพิษสบถ
“ฉันต้องไม่อยากอยู่แล้ว” ฉินหลางพูดขึ้น “แต่ฉันไม่อยากทำภารกิจแรกก็ล้มเหลวเลย ฉันคิดว่าฉันยังมีโอกาสอยู่!”
“ไหนล่ะโอกาส?”
“โจวหลิงหลิง!” ฉินหลางตอบอย่างนิ่งเรียบ “ถ้าหากยาไป่ตู๋ต้าหวนตันเป็ของจริง โจวหลิงหลิงน่าจะยังไม่ตาย!”
“พูดพล่อยๆ ยาไป่ตู๋ต้าหวนตันเป็ยาช่วยชีวิตขนานแท้เลยแหละ!” ตาเฒ่าพิษสบถ “แกนี่มันผลาญจริงๆ น่าเสียดายยาของบิดา ยังไม่ได้คิดบัญชีกับแกเลย!”
“งั้นทำไมผลการตรวจเืของโจวหลิงหลิงถึงบอกว่ามียาพิษเป็ส่วนประกอบล่ะ?” ฉินหลางถามขึ้น
“แกนี่มันโง่จริงๆ เลยนะ ไป่ตู๋ต้าหวนเป็ยาช่วยชีวิตที่ทำมาจากยาพิษ มียาพิษเป็ส่วนประกอบก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่ใช่ยาช่วยชีวิตสักหน่อย แกเรียนกับบิดามานานขนาดนี้ เื่ง่ายๆ แค่นี้แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
“ฉันก็ซวยเพราะคุณอยู่ดีไม่ใช่เหรอ หรือไม่เราเอายาช่วยชีวิตของคุณไปตรวจแยกสารอย่างละเอียด ฉันก็จะได้พ้นข้อกล่าวหาสักที”
“คิดเองเออเอง!” ตาเฒ่าพิษด่าฉินหลางอีกคำ “ถึงแม้จะตรวจแล้วไม่เจอพิษเลยสักนิด แกก็ยังต้องเป็แพะรับบาปอยู่ดีนั่นแหละ! แกก็รู้ ยาช่วยชีวิตไม่มีปัญหาแน่นอน แต่นังหนูนั่นก็ยังตายอยู่ดีไม่ใช่เหรอ แกรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“อันเต๋อเซิ่งให้คนไปฆ่าเธอที่โรงพยาบาล?” ฉินหลางเข้าใจแล้วว่าประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงไหน
“ดูไปแล้วแกยังไม่ได้โง่ถึงขั้นหมดทางเยียวยา!” ตาเฒ่าพิษสบถ “แกไม่ได้แพ้ให้กับอันเต๋อเซิ่งเพราะการต่อสู้แย่กว่า แต่แกโง่กว่า โง่กว่าที่มีใจเอ็นดู! ถ้าแกปล่อยให้นังหนูนั่นตาย วันนี้แกอาจจะชนะ คิดไม่ถึงจริงๆ ลูกศิษย์ของตาเฒ่าพิษอย่างฉัน จะยอมเสียยาช่วยชีวิตไปหนึ่งเม็ดเพื่อคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย มิหนำซ้ำยังเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องขังอีก!”
“ตาเฒ่าพิษ อย่าจี้ใจดำกันได้ไหม?” ฉินหลางหัวเราะหึๆๆ อย่างเ้าเล่ห์ “เลิกด่า แล้วชี้ทางสว่างให้ฉันหน่อย ฉันจะได้ทำให้อันเต๋อเซิ่งพินาศ จะได้เสร็จภารกิจ ดีมั้ย?”
“ช่างเถอะ ฉันจะให้โอกาสแกสักครั้ง!” ตาเฒ่าพิษสบถเย็นเยือก “โจวหลิงหลิงยังไม่ตาย”
“อะไรนะ!”
“เธอยังไม่ตาย”
“อาจารย์นี่ช่างเป็คนวิสัยทัศน์กว้างไกล! ฉลาดหลักแหลม กล้าหาญชาญชัย…” ฉินหลางหาคำสวยๆ มาชื่นชมตาเฒ่าพิษ เพราะเขารู้ว่าถ้าเธอยังไม่ตาย เกมนี้ก็มีโอกาสที่จะพลิกไปชนะอันเต๋อเซิ่งได้สูงมาก อีกอย่างตาเฒ่าพิษบอกว่าเธอยังไม่ตาย ฉินหลางเชื่อว่าเธอยังไม่ตายแน่นอน เพราะตาเฒ่าพิษเขามีความสามารถนี้!
“อย่าพูดไร้สาระ!” ตาเฒ่าพิษสบถ “ฉันแค่ไม่อยากให้นังหนูนั่นทำลายชื่อเสียงของบิดา ถ้าคนในยุทธภพรู้ว่ายาของบิดากินแล้วตาย ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ไอ้หนู แกทำภารกิจต่อ และครั้งนี้ต้องชนะเท่านั้น ห้ามแพ้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น—”
พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของตาเฒ่าพิษเปลี่ยนเป็เย็นะเื
“ไม่อย่างงั้นจะเป็ยังไง” ฉินหลางถามอย่างเหลืออด
“ฉันจะฆ่าครูสาวคนนั้นซะ!” คำพูดนี้ของตาเฒ่าพิษ ทำเอาฉินหลางใจสั่น
ฉินหลางไม่เคยพูดถึงเถารั่วเซียงต่อหน้าตาเฒ่าพิษเลย ยังคิดว่าตาเฒ่าพิษไม่รู้ว่ามีเธออยู่แบบไร้เดียงสา แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินหลางเข้าใจแล้วว่าตัวเองคิดผิด เื่อะไรที่ตาเฒ่าพิษอยากรู้ ไม่มีทางปิดเขาได้หรอก!
“ผมไม่ยอม!” ฉินหลางเกือบเผลอะโออกมา
“แกรู้ว่าฉันพูดได้ทำได้!” ตาเฒ่าพิษสบถ “แกมีเวลาแค่ครึ่งเดือน! แกจะให้ฉันช่วยพาแกออกไปไหม?”
“ไม่ต้องหรอก! ผมมีวิธี!” ฉินหลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก เขาไม่พอใจที่ตาเฒ่าพิษใช้เถารั่วเซียงมาขู่
ตาเฒ่าพิษหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นะเื ก่อนที่จะหายไปจากห้องพักผู้ป่วยอย่างกะทันหัน