หนึ่งเดือนต่อมา เรือนยาพลังปราณ
อาการาเ็ของจางหู่หายดีนานแล้ว อีกทั้งเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพลังวัตรก็ก้าวหน้าขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกแล้ว
ลูกศิษย์สำนักกระบี่์เมื่อพลังวัตรก้าวขึ้นสู่ชั้นใหม่ ก็จะสามารถมารับรางวัลเป็ยาพลังปราณที่ใช้กับระดับของตนได้สิบเม็ด
ตอนนี้จางหู่ผู้มีศิษย์นอกกลุ่มใหญ่รายล้อมก็มาถึงเรือนยาพลังปราณ
ในบรรดาศิษย์นอกนับพันคน จางหู่นับว่าเป็คนยอดเยี่ยมคนหนึ่งแม้แต่ลูกศิษย์ที่อยู่ชั้นสูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดบางคนก็ยินยอมมาเป็ลูกไล่ให้เขาอยู่ไม่น้อย หวังจะใช้เขาเป็ช่องทางเข้าหาจางหลงเพื่อขอพึ่งพาบารมี
ส่วนศิษย์ธรรมดาที่มีขั้นต่ำกว่าชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดไม่อยู่ในสายตาของจางหลง คิดอยากเป็เหลือบไรเกาะติดจางหลง แต่จางหลงล้วนไม่้า
ถึงแม้จางหลงไม่้าก็ยังมีจางหู่ผู้เป็น้องชาย
ลูกศิษย์ที่อยากติดตามจางหลงแต่หาทางเข้าไปไม่ได้เ่าั้ แน่นอนว่าต้องวิ่งมาหาจางหู่
ในศิษย์ที่ตามหลังจางหู่สิบกว่าคนนั้น มีศิษย์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกจำนวนไม่น้อย
“ศิษย์พี่จางหู่เข้าสำนักมาสี่ปีครึ่งอายุสิบห้าปี พลังวัตรก็บรรลุเข้าชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกแล้ววันหน้าต้องเหมือนกับศิษย์พี่จางหลง ไม่ถึงอายุยี่สิบก็เข้าสู่ชั้นเบิกนภากลายเป็ศิษย์ในเป็แน่”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วศิษย์พี่จางหู่เกิดมาฉลาดเฉลียว สติปัญญาล้ำหน้าผู้คนวันหน้าต้องกลายเป็ศิษย์ในแน่นอน”
“ศิษย์พี่จางหู่ถ้าพวกท่านสองพี่น้องล้วนได้กลายเป็ศิษย์ในตระกูลของพวกท่านคงมีพวกท่านเป็ที่เชิดหน้าชูตาเป็แน่”
.....
.....
ได้ยินคำยกยอจากฝูงคนที่ตามหลังในใจจางหู่ก็เพลิดเพลินเป็ที่สุด หัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “ด้วยพร์ของข้าวันหน้าได้กลายเป็ศิษย์ในย่อมเป็เื่แน่นอนดั่งตะปูตอกตรึงไม้กระดานแต่ว่าก่อนกลายเป็ศิษย์ใน ข้าต้องจับเ้าขยะหวงเทียนนั่นมาขึ้นเวทีประลองแล้วอัดให้พิการเสียก่อน”
ศิษย์นอกชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกคนหนึ่งบอกว่า“ผู้าุโตรวจดูแล้ว หวงเทียนเหมือนจะประสบเื่พิสดารบางอย่างอาจซึมซับปราณธรรมชาติของยาวิเศษอะไรมาถึงได้พลังวัตรเพิ่มขึ้นสองระดับชั้นในเวลาไม่นาน คนที่พึ่งปัจจัยภายนอกเพิ่มพลังวัตรอย่างเขาเทียบกับศิษย์พี่จางหู่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว”
ศิษย์นอกอีกคนก็พูดว่า“ศิษย์พี่จางหู่ ตอนนี้ท่านบรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตามพลังวัตรของหวงเทียนทันแล้ว หวงเทียนพึ่งของนอกกายเพิ่มพลังวัตรต่อไปจะเพิ่มพลังวัตรอีกคงยากยิ่ง ศิษย์พี่จางหู่พร์เกินคนใช้เวลาไม่นานก็คงก้าวข้ามหวงเทียน บรรลุถึงพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดกลายเป็ศิษย์ชั้นสูง หวงเทียนไม่มีวันก้าวตามศิษย์พี่จางหู่ทันแน่”
ลูกไล่เ่าั้รู้ดีว่าในใจจางหู่มีความแค้นกับหวงเทียน จึงฉวยจังหวะนี้ยกยอปอปั้น ทำให้จางหู่พอใจ
“จากพร์ของศิษย์พี่จางหู่ผ่านไปอีกครึ่งปีก็คงบรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด กลายเป็ศิษย์ชั้นสูงถึงเวลาเกรงว่าหวงเทียนคงตามไม่ทันแน่”
“ศิษย์พี่จางหู่เองก็เป็อัจฉริยะที่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้หลังก้าวเข้าชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด เกรงว่าแม้แต่ศิษย์ชั้นสูงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก็คงไม่ใช่คู่มือของศิษย์พี่จางหู่นาทีเดียวก็เหยียบหวงเทียนให้หมอบได้แล้ว”
“ต่อไปความสำเร็จของศิษย์พี่จางหู่ย่อมต้องเป็จุดที่หวงเทียนชะเง้อมองก็มองไม่เห็นหวงเทียนเมื่อเปรียบกับศิษย์พี่จางหู่ก็เหมือนหิ่งห้อยแข่งกับพระจันทร์”
.....
....
กลุ่มคนรายล้อมรอบจางหู่เดินเข้ามาในเรือนยาพลังปราณ
ตอนนี้ในโถงใหญ่ของเรือนยาพลังปราณมีเด็กหนุ่มหล่อเหลาอายุสิบสามสิบสี่ปีคนหนึ่งยืนอยู่ เขาคือเสวียนเทียน
เสวียนเทียนยกสองมือกอดอกกระบี่ยาวสะพายอยู่ที่หลัง แม้ยังไม่ชักกระบี่ออกจากฝัก แต่กลับมีประกายคมกล้าดุจปราณกระบี่แผ่ออกมารอบทิศ
เทียบกับหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้แล้วบรรยากาศรอบตัวเสวียนเทียนเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน แข็งแกร่งขึ้นสิบเท่าทั้งตัวเขาเหมือนกับกระบี่เล่มหนึ่งที่ชักออกมาจากฝัก
เมื่อเข้ามาในเรือนยาพลังปราณ จางหู่กับลูกไล่สิบกว่าคนของเขาก็มองเข้ามา เห็นเสวียนเทียนทันที
คำพูดเยินยอจางหู่ ดูถูกเสวียนเทียนของเหล่าลูกไล่พลันเงียบหายไป
พวกเขาเห็นบรรยากาศอันตรายจากตัวของเสวียนเทียนคล้ายกับที่จางหลงมี จึงไม่กล้าล่วงเกิน
จางหลงเป็ถึงผู้ที่มีพลังวัตรอยู่ในชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบความสามารถูกจัดเป็สามอันดับแรกของบรรดาศิษย์นอกตัวเสวียนเทียนอยู่ดีๆ กลับมีบรรยากาศที่ไม่เป็รองจากจางหลงศิษย์นอกทุกคนที่กำลังก้าวเข้ามาในเรือนยาพลังปราณรวมทั้งจางหู่ล้วนแต่รู้สึกตกตะลึง
“หรือว่า...พลังวัตรเขาจะลุขั้นใหม่แล้ว”ในใจของทุกคนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
“ไม่เป็ไปไม่ได้! เมื่อเดือนก่อนเขาเพิ่งอยู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่เพราะเจอเื่มหัศจรรย์ พลังวัตรถึงเลื่อนชั้นต่อเนื่องสองขั้นขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก เร็วขนาดนี้จะเป็ไปได้อย่างไร ที่หนึ่งเดือนก็จะขึ้นสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้วน่ะ”
ทุกคนสลัดความคิดที่เกิดขึ้นมาในใจมาทิ้งไปทันที
เวลานี้เองศิษย์คนหนึ่งในเรือนยาพลังปราณก็ถือกล่องยาสองกล่องเดินมาตรงหน้าเสวียนเทียนแล้วบอกว่า“ศิษย์พี่หวงเทียน ในนี้มียาชะล้างกระดูกกับยาควบปราณอย่างละเจ็ดเม็ด เป็รางวัลที่ท่านเลื่อนสู่ระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดห้าเม็ดอีกสองเม็ดเป็ยาพลังปราณที่แจกจ่ายรอบของเดือนหน้า”
หลังขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดต้องใช้ยาพลังปราณสองชนิดได้แก่ยาชะล้างกระดูกและยาควบปราณในการฝึกฝนเมื่อพลังวัตรเลื่อนชั้น สำนักยังคงให้รางวัลเป็ยาชะล้างกระดูกกับยาควบปราณสิบเม็ดแต่แบ่งเป็สองชนิด แต่ละชนิดจึงมีเพียงห้าเม็ดส่วนยาพลังปราณที่แจกจ่ายมีสี่เม็ด มากกว่าศิษย์ธรรมดาชั้นต่ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดอยู่หนึ่งเม็ดแต่แบ่งเป็สองชนิดจึงมีชนิดละสองเม็ด
ยาชะล้างกระดูกกับยาควบปราณราคาแพงมากสำนักไม่อาจแจกจ่ายให้เยอะเกินไปได้ แบบนั้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายมากเกินควร ดังนั้น หลังศิษย์นอกก้าวขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้วจึงจะสามารถรับภารกิจของสำนักออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ข้างนอก ออกล่าสัตว์อสูรหาเงินหาทองและเก็บแต้มภารกิจของสำนักได้
เงินทองเอาไว้เป็ทุนซื้อยาพลังปราณแต้มภารกิจเอาไว้เป็กุญแจเข้าไปฝึกฝนคัมภีร์ชั้นนิล
“วิ้ง...”ในหัวจางหู่เหมือนได้ยินเสียงวิ้งดังขึ้น หน้าเหมือนโดนคนตบเข้าหนึ่งฝ่ามือ ปวดแสบปวดร้อนไปหทด
เมื่อครู่ยังมีคนเยินยอให้ท้ายบอกว่าไม่นานจางหู่ก็จะบรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดกลายเป็ศิษย์ชั้นสูงแล้วเหยียบเสวียนเทียนให้หมอบ
ผลปรากฏว่า คนที่ขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดกลับเป็เสวียนเทียน และคนที่โดนเหยียบย่ำคือจางหู่
บรรดาศิษย์ที่ยกยอเขาอยู่เมื่อครู่แต่ละคนหน้าซีด หายใจลำบากเหมือนกับมีใครกำลังบีบคอของพวกเขาอยู่
เมื่อครู่พวกเขายกจางหู่ขึ้นไปบนฟ้า แต่ในความเป็จริงกลับกลายเป็ว่าจางหู่ไม่เพียงไม่ได้อยู่บนฟ้า กลับถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าผู้อื่นนี่เรียกได้ว่าเป็การถูกเยาะเย้ยอย่างใหญ่หลวง แล้วคนที่โดนเยาะเย้ยก็คือจางหู่
เสวียนเทียนรับยาพลังปราณแล้วใช้สายตากวาดมองผ่านมาที่จางหู่กับพรรคพวก ตาเขายังเห็นหูยังได้ยิน คำพูดที่พวกเขาพูดกันเมื่อครู่ แน่นอนว่าเสวียนเทียนล้วนได้ยินทั้งสิ้น
ในสายตาของเสวียนเทียนมีแววดูถูกเขาเดินไปเบื้องหน้ากลุ่มคนเ่าั้กวาดสายตามองทีหนึ่งแล้วพูดว่า “พวกขยะ!”
ท้ายสุดสายตาของหวงเทียนหยุดอยู่ที่หน้าของจางหู่“เ้า...เป็ขยะในกองขยะ”
ความเป็จริงปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่อาจโต้กลับ
นาทีนี้ ลูกศิษย์คนอื่นในเรือนยาพลังปราณพลันะเิเสียงหัวเราะขึ้นมาเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยันลูกไล่ข้างกายจางหู่จะยกยอให้ท้ายลูกพี่ปรากฏว่าดันยอผิดเื่กลายมาเป็เื่น่าตลกไปเสีย
เสวียนเทียนไม่หยุดเดินผ่านจางหู่กับพรรคพวกไป เดินตรงออกมาจากเรือนยาพลังปราณ ที่เขาว่าพวกนั้นว่าเป็ขยะก็แค่พูดไปเท่านั้นอีกฝ่ายไม่มีค่าให้เขาหยุดก้าวเดิน
เมื่อออกจากเรือนยาพลังปราณมา เสวียนเทียนก็ตรงไปที่ตำหนักภารกิจเพื่อเลือกภารกิจของสำนัก
ภารกิจของสำนักประกอบไปด้วยการล่าสัตว์อสูรการตามหายาสมุนไพร สินแร่ การตามล่าโจรร้ายแห่งยุทธ์ภพ คุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินปกป้องความปลอดภัยให้ตระกูลเป็การชั่วคราว และอีกมากมาย
ภารกิจของสำนักที่ศิษย์นอกรับได้มีจำกัดอย่างยิ่งมีแค่ภารกิจล่าสัตว์อสูรกับการตามหายาสมุนไพรและสินแร่เท่านั้นร่างกายของสัตว์อสูรล้วนเป็ของมีค่า ผลึกอสูรเอามาใช้หลอมยา หลอมอาวุธ หนังกับขนเอามาทำเสื้อผ้าเืกับเนื้อเอามาเป็ของบำรุงชั้นดี กระดูกก็เอามาหลอมยาหลอมอาวุธได้
วัตถุดิบจะเอามาแลกเงินและแต้มภารกิจตามระดับชั้นของสัตว์อสูรที่ต่างกันออกไปมีต่ำมีสูง โดยทั่วไปแล้ว สัตว์อสูรขั้นหนึ่งแลกแต้มภารกิจได้หนึ่งถึงห้าแต้มสัตว์อสูรขั้นสองแลกแต้มภารกิจได้สิบถึงห้าสิบแต้มสัตว์อสูรขั้นสามแลกแต้มภารกิจได้หนึ่งร้อยถึงห้าร้อยแต้มหากแลกเป็เงินก็จะนับเป็สิบเท่าของแต้มคะแนนสัตว์อสูรขั้นหนึ่งขั้นสองความสามารถเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ส่วนสัตว์อสูรขั้นสามความสามารถเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเบิกนภาสำหรับยาสมุนไพรและสินแร่ จะดูตามคุณสมบัติในการหลอมยาและอาวุธแล้วประเมินค่าเช่นเดียวกันหากแลกเป็เงินก็คูณสิบเท่าของแต้มคะแนนจะเก็บเงินไว้ซื้อยาพลังปราณหรือจะเก็บแต้มคะแนนไว้เรียนวิทยายุทธ์ขั้นสูงล้วนแล้วแต่ตนจะตัดสินใจ
เสวียนเทียนรับภารกิจล่าสัตว์อสูรตามหาสมุนไพรสินแร่จากสำนัก เขาตรงไปที่ผู้าุโของตำหนักภารกิจ รับป้ายอนุญาตออกนอกสำนักแล้วจึงออกจากตำหนักภารกิจเตรียมตัวมุ่งหน้าไปที่เทือกเขาเร้นลม
เทือกเขาเร้นลมห่างจากสำนักกระบี่์พันกว่าลี้เป็เขตที่อยู่ของสัตว์อสูรที่ใกล้สำนักกระบี่์ที่สุดปกติแล้วลูกศิษย์ของสำนักกระบี่์ออกล่าสัตว์อสูรก็จะมาที่เทือกเขาเร้นลมนี้
เสวียนเทียนออกจากสำนักกระบี่์เพิ่งข้ามยอดเขามาได้สี่ห้าลูก เข้าใกล้เมืองที่ใกล้ที่สุดยังเหลืออีกหกเจ็ดลี้ร่างที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าก็พลันชะงักหยุดลง สองตาส่องประกายวาบมองไปข้างหน้าตรงพุ่มไม้ที่สูงพอๆ กับคนแถบหนึ่งที่ห่างออกไปยี่สิบก้าว ร้องถามขึ้น“เป็ผู้ใดกัน”
พุ่มไม้แหวกออกสองข้างเด็กหนุ่มอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดคนหนึ่งก้าวออกมา
คนผู้นี้สูงราวหนึ่งเมตรเจ็ดสิบสามบนร่างสวมชุดสีเขียว แขนยาวมาก ถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง กระบี่อยู่ในฝัก
เด็กหนุ่มผู้นี้เดินออกมาจากพุ่มไม้สายตาราวกับกระบี่ จ้องมาที่ใบหน้าของเสวียนเทียน
คนผู้นี้มีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดเสวียนเทียนเพิ่มระดับความระมัดระวัง
สายตาของเสวียนเทียนหยุดอยู่ที่หน้าอกซ้ายของเด็กหนุ่มคนนี้ตรงนั้นมีวงกลมวงหนึ่ง ในวงกลมมีกระบี่เล่มน้อยตั้งตรงนั่นเป็เครื่องหมายของลูกศิษย์สำนักกระบี่์
“ศิษย์พี่ท่านนี้ไม่เดินบนถนนกลับไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ ทำเหมือนจงใจรอข้าอยู่?”
สายตาของเสวียนเทียนส่อแววถามจากสายตาของคนผู้นั้นก็ได้รับคำตอบ เสวียนเทียนถามต่อ “มาหาข้ามีธุระอันใด”
เด็กหนุ่มกล่าวขึ้น“รับคำสั่งศิษย์พี่หยาง ตามศิษย์น้องให้ไปพบเขา ศิษย์พี่หยางอยากคุยกับเ้า”
“ข้าไม่สน!” เสวียนเทียนตอบเสียงเย็น
เด็กหนุ่มผู้นั้นกล่าวว่า“เ้าสนไม่สนไม่สำคัญ สำคัญที่ศิษย์พี่หยางสนใจ”
เสวียนเทียนตอบว่า“เขาสนไม่สนแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า เ้าอยากจะพาข้าไปพบเขากลัวแต่ว่าเ้าจะไม่มีความสามารถนั้น”
เด็กหนุ่มหัวเราะขึ้นพูดว่า “พอเ้าออกจากสำนักกระบี่์ก็มีคนไปรายงานศิษย์พี่หยางแล้วศิษย์พี่หยางไม่นานก็จะมาถึง ข้าได้ยินว่าเ้าต่อสู้กับศิษย์ต่างชั้นได้ข้าอาจจะเอาชนะเ้าได้ยาก แต่หากถ่วงเ้าไว้ เพียงพอถมเถ”
“แค่คนอย่างเ้ายังไม่พอหรอก”
ดวงตาทั้งคู่ของเสวียนเทียนยิ่งโชนแสงกระบี่บนหลังพลันเลื่อนตกมาอยู่ในมือกระบี่ออกจากฝัก แสงสว่างวาบเจิดจ้าสายหนึ่งสาดออกมาแสงกระบี่ดั่งดาวตกพุ่งตกจากฟ้า พริบตาก็พุ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มผู้นั้น