ได้ยินเขาบอกว่าศิษย์พี่หยางใกล้มาแล้วขนาดจางหลงยังแพ้ให้ศิษย์พี่หยางอยู่ขั้นหนึ่งเสวียนเทียนรู้ตัวดีว่าตอนนี้ยังไม่มีความสามารถพอจะรับมือกับศิษย์พี่หยางได้รู้ว่าอยู่ตรงนี้นานไม่ได้จึงชิงลงมือกับผู้อื่นก่อน
ในเมื่อคนผู้นี้ขวางทางเบื้องหน้าของเขาอยู่มีเพียงต้องรีบเอาชนะคนผู้นี้แล้วรีบจากไปจากที่นี่เท่านั้น
แสงสว่างสาดวาบปราณกระบี่ของเสวียนเทียนก็พลันพุ่งมาถึงตรงหน้า
เด็กหนุ่มผู้นั้นใมากความรวดเร็วของกระบี่ของเสวียนเทียนเหนือจากที่เขาคาดไว้
แสงสว่างบาดตาสายหนึ่งสว่างขึ้นกระบี่ของเด็กหนุ่มผู้นั้นก็ชักออกจากฝัก
สองขาเขายึดลงกับพื้นร่างกายถลาถอยหลัง กระบี่ยาวในมือส่องประกาย วาดกระบี่ย้อนกลับขึ้นฟ้า้าจะกันการโจมตีอันรวดเร็วสุดยอดของเสวียนเทียน
แต่ไม่มีเสียงโลหะปะทะกันที่คาดว่าจะได้ยินดังขึ้นกระบี่ยาวของเด็กหนุ่มวาดเปล่าผ่านอากาศ ตวัดไปสุดถึงระดับเหนือศีรษะ
เพียงเสี้ยววินาที กระบี่ของเสวียนเทียนกลับยั้งคืนปราณกระบี่สายหนึ่งวาดขวางกวาดข้ามมา กระบี่ของเสวียนเทียนกวาดฟันมาที่่เอวของเด็กหนุ่ม
บนหน้าของเด็กหนุ่มฉายความตกตะลึงความสามารถของเสวียนเทียนเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้
แม้เขาจะได้ยินมาเื่ที่เสวียนเทียนเคยท้าสู้ข้ามชั้นและมองเสวียนเทียนเป็คู่ต่อสู้ที่มีฝีมือ ไม่คิดดูถูกศัตรูแม้แต่น้อยแต่ตอนนี้ดูแล้ว เขายังประเมินเสวียนเทียนอยู่ต่ำไปอยู่ดี
“กระบี่เกลียวสว่าน”
เด็กหนุ่มคำรามดุดันขึ้น ร่างกายใช้ปลายเท้าเป็จุดยึด พลันหมุนรอบตัวรวดเร็วดุจพายุกระบี่ในมือวาดตามแรงหมุน เพียงเสี้ยวนาทีก็ฟาดฟันลงมา
กระบี่ขวางของเสวียนเทียนกระบี่นั้นเด็กหนุ่มไม่มีทางขวางทันแล้ว จึงมีแต่ต้องใช้ท่านี้ ให้เสวียนเทียนาเ็ไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายหากกระบี่นั้นของเสวียนเทียนฟันเข้าเอว ศีรษะก็ต้องถูกเขาผ่าเป็สองเสี่ยง
เพียงสองกระบี่ก็บีบให้เด็กหนุ่มต้องมาอยู่ในจุดที่ยอมตายไปพร้อมกัน
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นร่างของเสวียนเทียนเป็ดุจอสรพิษตัวหนึ่งพลิ้วหลบไปด้านข้างกระบี่ของเด็กหนุ่มฟาดฟันอากาศ เวลาเดียวกันที่เสวียนเทียนฉีกหลบกระบี่ขวางกระบี่นั้นก็พลันสลายไปเอง
เสวียนเทียนย่อมไม่้าาเ็ไปกับเด็กหนุ่มผู้นั้นเขาเห็นแล้ว จากทางทิศของสำนักกระบี่์ กำลังมีคนผู้หนึ่งวิ่งรี่ตรงมาหากยอมาเ็เพื่อกำจัดเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไรก็หนีไม่พ้นคนที่ตามมาข้างหลังอยู่ดี
แม้เสวียนเทียนกวาดตามองแค่ครั้งเดียว แต่คนผู้นั้นเขาเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นจึงจำได้คนที่กำลังวิ่งรี่ตรงมาทางนี้ก็คือคนที่เคยมาหาเสวียนเทียน อู๋เหลียวนั่นเอง
อู๋เหลียวมีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้ามีความสามารถมากกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาอยู่ไม่น้อยเสวียนเทียนออกนอกสำนักเก็บประสบการณ์ครั้งนี้เพื่อฝึกฝนเพื่อหาเงินให้เพียงพอซื้อยาพลังปราณ เลื่อนชั้นพลังวัตรให้เร็วที่สุดเพื่อที่ในการแข่งจัดอันดับศิษย์นอกจะได้เอาชนะจางหลง
บัญชีแค้นอันใดไว้หลังจากนี้ค่อยตามเก็บ ตอนนี้เป็่เวลาพัฒนาตนเองติดพันอยู่กับอีกฝ่ายเป็ตัวเลือกที่ไม่ฉลาด
“กระบี่ที่สามเสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ”
เสวียนเทียนแทงกระบี่ออกมากระบี่ยาวในมือนั้นปราณกระบี่สลายไปสิ้น ได้ยินเพียงเสียงลมซู่ซ่าดังขึ้นมาจากทั้งสี่ทิศ "เสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ” เป็ท่าไม้ตายท่าหนึ่งของเพลงกระบี่ถลาลมเสวียนเทียนฝึกฝนได้ถึงขอบขั้นสูงสุด ได้ยินเพียงเสียงลม ไม่เห็นเงากระบี่แม้ว่าจะเป็เพลงกระบี่ของชั้นทองขั้นกลางแต่พลังก็แกร่งกว่าเพลงกระบี่ของชั้นทองขั้นสูงไม่น้อย
หากไร้กระบี่แล้วจะป้องกันอย่างไร
ดวงตาของเด็กหนุ่มตะลึงงันลูกศิษย์สำนักกระบี่์มีคนที่ฝึกเพลงกระบี่ถลาลมอยู่ไม่น้อย
แต่ว่าเพลงกระบี่ถลาลมเป็เพลงกระบี่ของชั้นทองขั้นกลาง ยอดฝีมือที่ก้าวสู่ชั้นเบิกนภาบางทีอาจลุถึงขั้นทำให้เกิดเสียงลมขึ้นสี่ทิศได้ยินเพียงเสียงลมไม่เห็นเงากระบี่ได้ แต่พวกเขาล้วนฝึกฝนวิชากระบี่ของชั้นนิลกันแล้วเพลงกระบี่ถลาลมไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาอีก
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ยังไม่ลุถึงชั้นเบิกนภาแต่ฝึกเพลงกระบี่ถลาลมจนได้ยินเพียงเสียงลมไม่เห็นเงากระบี่แทบไม่มี
เด็กหนุ่มใช้ท่วงท่าหมุนตัวของ“กระบี่เกลียวสว่าน” ออกแรงให้หมุนเร็วขึ้น กระบี่ในมือส่องแสง ฟันออกไปสี่ทิศแสงกระบี่สาดออกไป เกิดเป็ม่านกระบี่ ล้อมรอบตัวของเขาเอาไว้
อย่างไรเล่าม่านกระบี่นั่นดูแล้วเหมือนรอบด้านแต่ที่จริงเป็เพียงภาพลวงตาต่อเนื่องชุดหนึ่งที่เกิดจากกระบี่ที่วาดออกมาอย่างรวดเร็ว
กระบี่ของเด็กหนุ่มเร็วกระบี่ของเสวียนเทียนเร็วกว่า
ท่ามกลางเสียงลมซู่ๆ พริบตาแสงกระบี่สายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องอย่างเ็ป เืสดสาดกระเซ็น ร่างกายของเด็กหนุ่มพลันปลิวถอยหลังต้นขาของเขาจนถึง่ท้องมีาแลึกจนเห็นถึงกระดูก
มีเพียงเสียงลมไม่เห็นเงากระบี่!
แสงกระบี่ปรากฏเืสดสาดกระเซ็น!
เด็กหนุ่มผู้นั้นล้มลงกับพื้นความเ็ปสาหัสทำให้เขาไม่มีแรงต่อต้าน เขามีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด เพียงสามกระบี่กลับถูกเสวียนเทียนทำร้ายาเ็สาหัส แค่ยืนยังยืนไม่ขึ้น
นาทีนี้ระยะห่างระหว่างอู๋เหลียวกับทั้งคู่ เหลือเพียงระยะร้อยกว่าก้าวเท่านั้นความโกรธแผดเผา เสียงคำรามดังขึ้น “หวงเทียน เ้ากล้าทำร้ายศิษย์พี่ร่วมสำนักตามข้ากลับไปรับโทษที่ตำหนักโทษทัณฑ์!”
เสวียนเทียนหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่งพลันร่างของเขาก็กลายเป็เงาเลือนรางสายหนึ่งก้าวข้ามเด็กหนุ่มที่ร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ผละออกไปไกลรวดเร็วกว่าอู๋เหลียวอยู่ไม่น้อย
ในดวงตาของอู๋เหลียวเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงเขาหยุดมองที่เด็กหนุ่มข้างๆ พึมพำว่า “ข้ามีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้ายังทำได้แค่ฝึกวิชาท่าร่างของชั้นทองขั้นสูงได้ถึงขั้นบรรลุบางส่วนเท่านั้นเ้านั่นเพิ่งจะขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดกลับฝึกศาสตร์เงาพยัคฆ์ได้ถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่แล้วหรือ?เป็ไปได้อย่างไร?”
_ _ _ _ __ _ _ _
เสวียนเทียนใช้วิชาศาสตร์เงาพยัคฆ์วิ่งกวดไปตามทาง ศาสตร์เงาพยัคฆ์ที่เข้าถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่แล้ว วิ่งทะยานขึ้นมาไม่เห็นร่างคน เห็นเพียงเงาจากภาพติดตา
ผ่านไปไม่นานเสวียนเทียนก็มาถึงเมืองที่อยู่ใกล้กับสำนักกระบี่์ที่สุดใช้เงินสองพันตำลึงซื้อม้ากิเลนดำมาตัวหนึ่ง จากนั้นจึงรีบมุ่งไปที่เทือกเขาเร้นลม
ม้ากิเลนดำเป็ม้าวิเศษที่มีสายเืของสัตว์อสูรฝีเท้ารวดเร็วเกินม้าธรรมดา หนึ่งวันเดินทางได้สองพันกว่าลี้ใกล้กับเทือกเขาเร้นลมมีเมืองอยู่เมื่อถึงที่นั่นก็จะขายได้หนึ่งพันเจ็ดร้อยตำลึง เสียเงินแค่สามร้อยตำลึงเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธ์ที่มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเร้นลมเพื่อล่าสัตว์อสูรไม่ได้มีเพียงลูกศิษย์ของสำนักกระบี่์คนมาคนไปมีไม่น้อย ทุกเมืองต่างมีร้านบริการม้าและบริการหาม้าให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ที่้าพาหนะเดินทาง หาเงินกับส่วนต่างราคา
เทือกเขาเร้นลมนั้นทอดยาวสุดลูกหูลูกตาจุดที่ใกล้สำนักกระบี่์ที่สุดยังห่างออกไปหนึ่งพันสองร้อยกว่าลี้ที่นั่นเป็ที่ที่ศิษย์นอกชั้นสูงชอบไปฝึกฝนกันมากที่สุด ใกล้สำนักและศิษย์ร่วมสำนักมากเปรียบเทียบแล้วค่อนข้างปลอดภัย
แต่ว่าเสวียนเทียนไปผิดใจกับศิษย์พี่หยางคนใหญ่คนโตของศิษย์นอกเพิ่งออกจากสำนักก็โดนศิษย์พี่หยางส่งคนมาขวางเสวียนเทียนแล้วถึงเทือกเขาเร้นลมเกรงว่าอาจมาสังหารเสวียนเทียนก็เป็ไปได้
ดังนั้นเสวียนเทียนจึงไม่ได้มุ่งไปยังจุดที่ศิษย์นอกชั้นสูงของสำนักกระบี่์มักจะไปกันแต่ขี่ม้ากิเลนดำวิ่งทะยานมาหนึ่งวัน วิ่งมาไกลถึงสองพันกว่าลี้จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด เสวียนเทียนเห็นข้างหน้ามีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งจึงควบม้าเข้าไป
ท้องฟ้ามืดแล้วพักที่หมู่บ้านเล็กๆ นี้ก่อนสักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้พอเช้าค่อยมุ่งไปเทือกเขาเร้นลม
หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยเสวียนเทียนเข้าไปในหมู่บ้านได้ก็ตรงไปที่ร้านบริการม้า ด้านหลังร้านบริการม้าคือสำนักใหญ่ต่างๆ ของอาณาจักรเสินเตา หนึ่งในนั้นมีสำนักกระบี่์ด้วยดังนั้นร้านบริการม้าจึงมีอยู่ทั่วทุกเมืองทุกอำเภอของอาณาจักรเสินเตา
“อ๊าก...”
เสวียนเทียนเพิ่งขายม้ากิเลนดำเสร็จเดินออกมาจากร้านบริการม้าก็ได้ยินเสียงดังกึกก้อง ผสานไปกับเสียงร้องด้วยความเ็ปบ้านหลังหนึ่งริมถนนสายข้างหน้า บนกำแพงมีรูขนาดเท่าตัวคนคนผู้หนึ่งปลิวกระเด็นออกมาจากข้างใน ตกลงกลางถนน ปากกระอักเืแดงฉานเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ก็เป็เขานั่นเองที่ร้องออกมา
เสียงฝีเท้าจำนวนหนึ่งดังขึ้นมีคนราวยี่สิบกว่าคนพุ่งเข้ามาหาผู้ที่กระอักเือยู่กลางถนนคนหนึ่งในนั้นเร็วที่สุด พริบตาเดียวก็มาถึงข้างกายของคนผู้นั้นคนผู้นั้นเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ครึ่งตัวก็ถูกคนที่รี่เข้ามาคนนั้นเหยียบเข้าที่ศีรษะเหยียบติดลงไปกับพื้น
คนที่เหยียบเป็ชายฉกรรจ์อายุราวสามสิบปีรูปร่างสูงใหญ่อย่างยิ่ง ร่างสูงถึงสองเมตรได้ ดวงตาทั้งคู่ของเข้าจ้องเขม็งท่าทางดุร้าย ใต้เท้าเหยียบศีรษะคนบนพื้นไว้แน่น คำรามเสียงดัง “เ้า คนอย่างเ้า กล้ามาหยาบคายกับพรรคฝูเวย เ้าอยากตายใช่ไหม”
“หัวหน้าสามผู้ยิ่งใหญ่!”
“หัวหน้าสามผู้เก่งกาจ!”
“หัวหน้าลงมือเล่นมันทีเดียว เหมือนเหยียบสุนัขอย่างไรอย่างนั้นเลย!”
........
........
ข้างหลังมีกลุ่มคนวิ่งเข้ามาส่งเสียงโห่ร้องเสียงดัง
โลกภายนอกไม่เหมือนในสำนักแม้ว่าในสำนักระหว่างลูกศิษย์จะมีการต่อสู้ มีความขัดแย้งแต่ยังเทียบความโหดร้ายของยุทธภพด้านนอกไม่ติด ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์เป็ตายมีเพียงเส้นบางๆ กั้นอยู่ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกเหยียบอยู่กับพื้น พลังวัตรอยู่ในชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด สูงกว่าเสวียนเทียนถึงหนึ่งขั้น
แต่หัวหน้าสามผู้สูงใหญ่ราวกับวัวกับม้าผู้นั้นกลับมีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าทั้งยังมีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง เกิดมามีกำลังวังชาผิดมนุษย์ในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าแน่นอนว่าเป็หนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดเล่นงานให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดพ่ายแพ้ได้ง่ายดายราวยกฝ่ามือ
“ข้าขาย...หยุดมือเถิดข้าขาย...” คนบนพื้นครางออกมาอย่างยากลำบาก
“อั้ก..”
หัวหน้าสามเหยียบลงไปหนักๆ อีกหนึ่งเท้าตะคอกว่า “ตอนนี้ข้าไม่อยากซื้อแล้ว เ้าคนบัดซบ สุราคารวะไม่ชอบชอบสุราลงทัณฑ์ตอนนี้ข้าจะปล้นเสีย”
จากนั้นหัวหน้าสามก็โบกมือสั่งว่า “ของบนตัวมัน ปล้นมาให้ข้าให้หมด”
กลุ่มคนรุมเข้าไปไม่นาน ของบนตัวของคนบนพื้นก็ถูกปล้นไปจนหมด แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็โดนถอดออกไปด้วยเหลือเพียงกางเกงตัวหนึ่ง
พรรคฝูเวยมีชื่อเสียงโด่งดังเื่ความโหดร้ายในแถบนี้หมู่บ้านชิงสุ่ยเป็เพียงหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มียอดฝีมือชั้นเบิกนภา แต่หัวหน้าใหญ่และหัวหน้ารองของพรรคฝูเวยล้วนเป็ยอดฝีมือระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบดังนั้นพรรคฝูเวยจึงวางอำนาจสร้างความมั่งคั่งในแถบนี้ แทบไม่มีใครจัดการได้
หมู่บ้านเล็กๆ อย่างหมู่บ้านชิงสุ่ยนี้ในอาณาจักรเสินเตามีไม่ถึงหมื่นก็มีถึงแปดพันแม้ว่าฉากหน้าจะเห็นว่าสำนักใหญ่ๆ หลายสำนักครองอำนาจในอาณาจักรเสินเตาแต่ในมุมมืด กลุ่มอำนาจเล็กๆ ก็มีมากมายดุจขนวัว พรรคเล็กพรรคน้อยอย่างพรรคฝูเวยนี้ไม่รู้มีอยู่มากมายเท่าไร จัดการอย่างไรก็จัดการไม่ได้
พรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้แทบไม่อาจเป็คู่ต่อกรของสำนักใหญ่ๆ ได้ด้วยพยายามเอาตัวรอดในภาวะบีบคั้น ที่หนึ่งล่มไม่ไปนานก็มีอีกแห่งโผล่ขึ้นมาดังนั้นแค่ไม่ไปขัดแย้งผลประโยชน์โดยตรงกับสำนักใหญ่เข้าสำนักใหญ่ก็ลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งให้พรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้
พอได้ยินชื่อพรรคฝูเวยสามคำคนมุงที่มาดูเหตุการณ์บนถนนก็ผวาแตกกระเจิง หลบไปอยู่มุมกำแพงที่ห่างไกลไม่ก็มองจากหน้าต่างไกลๆ มีเพียงเสวียนเทียนที่ยืนอยู่ในระยะสิบจั้งเขาจะไปที่โรงเตี๊ยมของหมู่บ้าน คนตรงหน้าขวางทางของเขาอยู่
หัวหน้าสามเห็นเสวียนเทียนดูเหมือนไม่หวาดกลัวพวกเขาคิ้วพลันขมวด กำลังคิดจะร้องด่าคำหยาบคายสักคำหนึ่งแต่สายตาไปหยุดอยู่ที่รูปกระบี่เล่มน้อยบนอกขวาของเสวียนเทียนเสียก่อนนั่นคือตราสัญลักษณ์ของลูกศิษย์สำนักกระบี่์
สำนักกระบี่์ในอาณาจักรเสินเตาเป็รองก็แต่เพียงสำนักใหญ่อย่างสำนักดาบเทวะเท่านั้นแค่ส่งศิษย์ในมาสักคนก็พอจะถอนรากถอนโคนพรรคฝูเวยได้แล้วไม่ใช่อะไรที่พรรคฝูเวยจะไปหาเื่ด้วยได้เลย
ไม่เป็ศัตรูกับสำนักใหญ่นี่เป็กฎพรรคข้อที่หนึ่งของพรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้อย่างน้อยฉากหน้าก็เป็เช่นนี้ เมื่อมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์พรรคเล็กพรรคน้อยก็จะถอยให้เพราะว่าผลของการไม่ถอยก็คือถูกกวาดล้างแต่ความขัดแย้งเื่ผลประโยชน์ที่เกิดในมุมมืด เป็ใครก็คงบอกไม่ได้