จากบทสนทนาสั้นๆ เมื่อครู่ เสวียนเทียนก็เข้าใจสาเหตุของการต่อยตีครั้งนี้
หัวหน้าสามของพรรคฝูเวยจะซื้อของบางสิ่งจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดคนนั้นแต่ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นเห็นว่าราคาต่ำเกินไปจึงไม่ขายให้ดังนั้น หัวหน้าสามจึงลงมือใช้กำลัง
ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นโดนอัดเสียยับ รู้ว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้จึงตกลงขายแต่หัวหน้าสามไม่พอใจจึงจะปล้นไปเสียเฉยๆ
หมู่บ้านเล็กๆ บริเวณนี้ล้วนเป็อาณาเขตอำนาจของพรรคฝูเวยแม้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยจะมีสายตาชาวบ้านจับจ้องแต่หัวหน้าสามหาได้สนใจไม่ผิดหูหนึ่งคำก็จะตีจะปล้น
เื่แบบนี้ด้วยนิสัยของเสวียนเทียนในชาติก่อนคงต้องเข้าไปขัดขวางเป็แน่เขาเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่์ เพียงแค่เขาเอ่ยปากพรรคเล็กพรรคน้อยอย่างพรรคฝูเวยไหนจะกล้าไม่ไว้หน้าเขา
แต่ชาตินี้เสวียนเทียนแม้จะอายุน้อยกว่าชาติก่อนแต่เป็ผู้ใหญ่กว่าโลกเดิมมากเขาไม่ได้ออกปากแต่อย่างใด
เขาไม่ได้ออกปากไป ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นเพียงแค่โดนพรรคฝูเวยทำร้ายครั้งหนึ่งกับโดนปล้นชิงสิ่งของเท่านั้น
หากเขาเอ่ยปาก ด้วยฐานะของลูกศิษย์พรรคกระบี่์ หัวหน้าสามย่อมยั้งมือหรือกระทั่งคืนสิ่งที่ปล้นชิงคืนให้เ้าของ แต่นั่นย่อมไม่ใช่เพราะหัวหน้าสามยินยอมพร้อมใจกลับกันจะทำให้ในใจเขาโกรธจัด เขาไม่กล้าทำอะไรศิษย์สำนักกระบี่์แต่เกรงว่ากับผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นคงเกิดใจอยากสังหารขึ้นมา
จะพูดอีกอย่างก็คือเสวียนเทียนออกปากห้ามหนึ่งประโยคอาจนำภัยร้ายถึงตายมาให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดผู้นั้น
หัวหน้าสามเห็นศิษย์สำนักกระบี่์ยืนอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเพ่งเล็งจากสำนักกระบี่์ เขาจึงโบกไม้โบกมือ ตวาดว่า “พอได้ ครั้งนี้นับว่าไอ้เวรนี่โชคดี พวกเราไป”
พรรคฝูเวยแม้จะเป็พรรคเล็ก แต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างเป็ระเบียบ พอหัวหน้าสามออกคำสั่งบรรดาลูกน้องในพรรคก็หยุดมือทันทีไม่นานนักก็ตามหลังหัวหน้าสามทะลุเข้าไปในตรอกซอยด้านข้าง หายไปจากสายตาของเสวียนเทียน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดผู้นั้นขดตัวงอ ปากพ่นเืออกมาเห็นได้ชัดว่าถูกทำร้ายาเ็ไม่เบา
ตอนที่เสวียนเทียนเดินผ่านเขาไปก็หยุดฝีเท้าลงชั่วครู่วางตั๋วเงินร้อยตำลึงกับยาเม็ดรักษาแผลเม็ดหนึ่งไว้ข้างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจากนั้นก็เดินหน้าต่อไป
“ขอบคุณ!” ด้านหลังมีเสียงซาบซึ้งบุญคุณลอยมา
---------
เสวียนเทียนค้างแรมในหมู่บ้านชิงสุ่ยหนึ่งคืน วันที่สองั้แ่เช้าเขาก็ออกเดินทางเข้าสู่เทือกเขาเร้นลม
หมู่บ้านชิงสุ่ยห่างจากเทือกเขาเร้นลมเพียงไม่ถึงสิบลี้ที่แห่งนี้ห่างจากสำนักกระบี่์ถึงสองพันกว่าลี้ศิษย์นอกของสำนักกระบี่์น้อยคนจะเดินทางมาไกลถึงที่นี่เพื่อฝึกประสบการณ์ที่นี่ไม่เพียงมีระยะทางไกลเท่านั้น ทั้งความสามารถของสัตว์อสูรก็แข็งแกร่งกว่ามาก
เทือกเขาเร้นลมที่ห่างจากสำนักกระบี่์หลายพันลี้ ด้านในส่วนใหญ่เป็สัตว์อสูรขั้นหนึ่งสัตว์อสูรขั้นสองมีน้อย มีโอกาสน้อยมากที่จะมีอสูรขั้นสามปรากฏขึ้นมา
แต่เทือกเขาเร้นลมแถวหมู่บ้านชิงสุ่ยนั้น สัตว์อสูรส่วนใหญ่เป็สัตว์อสูรขั้นสองและบางครั้งก็มีสัตว์อสูรขั้นสามปรากฏตัวขึ้นมาสัตว์อสูรขั้นสามนั้นมีความสามารถเทียบชั้นได้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาสำหรับศิษย์นอกแล้ว สัตว์อสูรขั้นสามเป็สิ่งที่แทบไม่อาจเอาชนะได้หากวิชาตัวเบาฝึกฝนได้ไม่ถึงขั้นแล้วพบสัตว์อสูรขั้นสาม กระทั่งหนียังหนีไม่รอดก็เหลือแต่ต้องตายเท่านั้น
เสวียนเทียนฝึกศาสตร์เงาพยัคฆ์ได้ถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่แล้วไม่กลัวเื่เจอสัตว์อสูรขั้นสามแล้วจะหนีไม่พ้นส่วนสัตว์อสูรขั้นสอง ขอเพียงไม่พบเข้ากับาาสัตว์อสูรของสัตว์อสูรขั้นสองที่ร้ายกาจไม่กี่ชนิดเสวียนเทียนล้วนรับมือได้ทั้งสิ้น
สัตว์อสูรขั้นสองมีค่ากว่าสัตว์อสูรขั้นหนึ่งเป็สิบเท่าใกล้หมู่บ้านชิงสุ่ยมีสัตว์อสูรขั้นสองอยู่มากทั้งเสวียนเทียนเองก็มีความสามารถพอที่จะหลบหนี เหมาะจะมาฝึกฝนประสบการณ์ที่นี่ทั้งได้ผลดี ทั้งยังไม่อันตรายจนเกินไปด้วย
ผ่านไปได้ไม่นาน เสวียนเทียนก็เข้ามาในส่วนลึกของเทือกเขาเร้นลมต้นไม้ด้านในสูงใหญ่กว่าต้นไม้บนเทือกเขาธรรมดาไม่น้อยมองไปทางไหนก็เห็นเพียงต้นไม้สูงเสียดฟ้าต้นใหญ่หลายคนโอบ ต้นไม้ทั้งหลายบดบังท้องฟ้าขนาดแสงอาทิตย์อันร้อนแรงก็ไม่อาจทะลุกิ่งใบที่หนาแน่นปิดทึบมาได้ด้านในจึงมืดเย็น
เทือกเขาเร้นลมกว้างขวางมาก เป็์ของสัตว์อสูรต่อให้ผู้ฝึกยุทธ์พันคนหมื่นคนเข้ามาก็เป็ดั่งหินก้อนหนึ่งที่จมลงในทะเลเท่านั้นไม่ทำให้เกิดคลื่นลมเลยแม้แต่น้อย ในเทือกเขาเร้นลม การรักษาความระมัดระวังให้มากเป็เื่ที่จำเป็อย่างยิ่ง
“โบร๋ว” เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นจากหุบเขาทางซ้าย
“หมาป่าเขี้ยวเหล็ก สัตว์อสูรขั้นสองแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดอยู่นิดหน่อย แต่ต่ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าอยู่เล็กน้อย”
เสวียนเทียนแยกแยะประเภทของสัตว์อสูรตัวนั้นจากเสียงที่ได้ยิน
การออกฝึกฝนเก็บประสบการณ์ ก่อนอื่นต้องฝึกจำแนกสัตว์อสูรให้เป็สัตว์อสูรขั้นหนึ่งและขั้นสองที่พบเห็นบ่อย เสวียนเทียนศึกษารูปลักษณ์เสียงและความสามารถของพวกมันมาั้แ่อยู่ในสำนักกระบี่์
เสวียนเทียนเร่งความเร็วมุ่งไปทางหุบเขาทางทิศตะวันตก
ผ่านไปสิบกว่านาที เสวียนเทียนก็เข้ามาในหุบเขาสถานที่ที่หมาป่าเห่าหอนเมื่อครู่
บนพื้นมีรอยเื รวมไปถึงร่องรอยการต่อสู้
“เมื่อครู่มีผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้กับหมาป่าเขี้ยวเหล็กหรือ” เสวียนเทียนมองไปบนพื้น มีรอยเท้าของคนอยู่
เืสดบนพื้น ลากยาวไปทางทิศตะวันตก แล้วยังมีรอยเท้าของหมาป่าเขี้ยวเหล็กเสวียนเทียนจึงตามรอยไป
เสวียนเทียนทะยานอย่างว่องไว ร่างเบาดุจพยัคฆ์ ไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย
เข้ามาตามแนวหุบเขาได้ห้านาที ที่ด้านหน้า หลังหินก้อนใหญ่ก็ได้ยินเสียงจั๊บๆ ดังขึ้นเป็พักๆเป็เสียงฟันในปากกำลังเคี้ยวกินบางสิ่งอยู่
เสวียนเทียนในใจพลันคิดสิ่งหนึ่งขึ้นมา เขาโกรธเป็ไฟเสียงกินนั่นชัดเจนว่าไม่ใช่เสียงคน แต่เป็เสียงหมาป่าเขี้ยวเหล็กในเมื่อเมื่อครู่มีร่องรอยหมาป่าเขี้ยวเหล็กสู้กับคน แต่กลับไม่มีศพคนถ้าอย่างนั้น...สิ่งที่หมาป่าเขี้ยวเหล็กกำลังกินอยู่ก็พอจะเดาได้
เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ถูกกินเป็อาหาร เสวียนเทียนจะไม่โกรธได้อย่างไร
เขาพลันทะยานข้ามหินใหญ่หมาป่าเขี้ยวเหล็กสูงหนึ่งเมตรยี่สิบถึงหนึ่งเมตรสามสิบกำลังหมอบอยู่ที่พื้นศพของผู้ฝึกยุทธ์วัยประมาณสามสิบคนหนึ่งนอนอยู่ตรงหน้าหมาป่าเขี้ยวเหล็ก แขนขาดด้วนในปากของหมาป่าเขี้ยวเหล็กกำลังกัดกินแขนข้างนั้นอยู่
ผลึกอสูร หนัง ขน เืกระดูกของสัตว์อสูรเป็ของดีกับผู้ฝึกยุทธ์อย่างไรนั้น ร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ สำหรับสัตว์อสูรก็เป็ของบำรุงชั้นดีอย่างนั้นกินแล้วช่วยเพิ่มพลังวัตรอย่างรวดเร็วผู้ฝึกยุทธ์กับสัตว์อสูรเป็ศัตรูคู่แค้นกันแต่กำเนิด
บางคนหอบหิ้วผลึกอสูร ขนและหนังของสัตว์อสูรมากมายเดินอย่างอารมณ์ดีออกไปจากเทือกเขาเร้นลมบางคนกลายเป็อาหารของสัตว์อสูร ซากศพก็ไม่เหลือนี่คือชะตาของผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวเข้ามาในเทือกเขาเร้นลม
หนทางของผู้ฝึกยุทธ์ เป็กับตายมีเพียงเส้นกั้นบางๆ หาก้าเป็ยอดฝีมือ เติบโตอย่างโดยเร็วประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่บนเส้นทางวิถียุทธ์ก็ต้องผ่านการฝึกฝนท่ามกลางความเป็ความตาย
เทือกเขาเร้นลมรอบนอก สัตว์อสูรเป็สัตว์อสูรขั้นหนึ่งเสียมาก ค่อนข้างปลอดภัยแต่สิ่งที่ได้รับก็ไม่มากมายอะไร
สิ่งที่ได้กับความเสี่ยงมักจะแปรผันตามกันอยากได้มากก็ต้องแบกรับความเสี่ยงระดับหนึ่ง
ผู้ฝึกยุทธ์ตรงหน้าโชคไม่ดีความสามารถที่จะแบกรับความเสี่ยงของเขามีไม่มากยังไม่ทันได้สิ่งตอบแทนก็ต้องเสียชีวิตในปากของสัตว์อสูร
“แฮ่....”
หมาป่าเขี้ยวเหล็กเห็นเสวียนเทียนเข้ามา มันโก่งตัวขึ้นเืกับน้ำลายไหลจากปาก คำรามเสียงดัง
นี่เป็เสียงขู่เตือน สัตว์อสูรไม่เหมือนมนุษย์ แม้ว่าจะดุร้ายแต่ไม่มีใจละโมบ หมาป่าเขี้ยวเหล็กมีอาหารกินต่อไปอีกหลายวันแล้วไม่คิดจะกางเขี้ยวเล็บสู้กับเสวียนเทียนอีก
ชิ้ง!
กระบี่ออกจากฝัก ปราณกระบี่แผ่พุ่ง คมกระบี่ประกายแสง
หมาป่าเขี้ยวเหล็กไม่อยากสู้ แต่เสวียนเทียนมีความอยากฆ่าล้นปรี่
“แฮ่!”
สัญชาตญาณความดุร้ายของหมาป่าเขี้ยวเหล็กถูกกระตุ้นขึ้นทันทีร่างกายของมันพุ่งมาข้างหน้า รวดเร็วดุจสายฟ้า แยกเขี้ยวคมอ้าปากกว้างที่เต็มไปด้วยเื กัดเข้ามาที่ลำคอของเสวียนเทียน
หมาป่าเขี้ยวเหล็กว่องไว โจมตีดุร้ายเขี้ยวเหล็กเพียงพอที่จะกัดอาวุธชั้นทองขั้นสูงให้หักได้ หากเอาแข็งเข้าสู้ ถึงจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าก็ยังหาจุดได้เปรียบยาก
“ก้าวย่างอสรพิษ!”
ความเร็วของเสวียนเทียน จุดที่โดดเด่นที่สุดคือความพลิกแพลงได้ฉับไวเหมาะจะรับมือกับหมาป่าเขี้ยวเหล็กที่มีความดุร้ายแข็งแกร่งเป็หลักเงาร่างของเสวียนเทียนหายไป หลบพ้นการโจมตีของหมาป่าเขี้ยวเหล็กจากนั้นกระบี่ก็พุ่งโจมตีออกไป
“ถลาลมหนึ่งกระบี่!”
เสวียนเทียนวาดกระบี่จากล่างขึ้นบน ปราณกระบี่ตัดผ่านอากาศ ฟันเข้าที่ผิวท้องของหมาป่าเขี้ยวเหล็กยาวไปจนถึงสองขา
เขี้ยวเหล็กของหมาป่าเขี้ยวเหล็กแข็งแกร่ง เล็บก็แข็งแกร่งขนบนหลังก็หนาเป็อย่างมาก แต่ขนอ่อนตรงผิวท้องเป็ส่วนที่มีการป้องกันน้อยที่สุด
พรวด!
เืสดทะลักออกมา อวัยวะภายในก็ร่วงตามลงมาด้วย กระจายเต็มพื้น
“ฮูวววว”
หมาป่าเขี้ยวเหล็กส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปออกมาร่างล้มลงกับพื้นสิบเมตรข้างหน้า กระตุกไม่หยุด
ท้องแหวกออก อวัยวะภายในกระจัดกระจายหมาป่าเขี้ยวเหล็กได้รับาเ็สาหัสถึงชีวิต ไม่กี่สิบลมหายใจหมาป่าเขี้ยวเหล็กก็หยุดขยับ ขาดใจตาย
พอหมาป่าเขี้ยวเหล็กตายลง เสวียนเทียนก็ลดการป้องกันลงกว่าครึ่งเสวียนเทียนวาดกระบี่ครั้งหนึ่งผ่ากะโหลกของหมาป่าเขี้ยวเหล็กควักเอาผลึกอสูรออกมา
ผลึกอสูรขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ สีดำวาววับผลึกอสูรของหมาป่าเขี้ยวเหล็กเหมือนกันกับเขี้ยวเหล็กของมัน เป็แร่โลหะ มีประโยชน์อย่างมากในการทำอาวุธทำให้กระบี่แข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งยังเพิ่มพลังโจมตีอีกด้วย
ผลึกอสูรเม็ดหนึ่งของหมาป่าเขี้ยวเหล็กแลกแต้มภารกิจได้สิบห้าแต้มหรือแลกเป็เงินได้ร้อยห้าสิบตำลึง
บนร่างของสัตว์อสูรผลึกอสูรมีค่ามากที่สุด นับเป็มูลค่าครึ่งหนึ่งของมันร่างกายส่วนที่เหลือรวมกันเท่ากับมูลค่าอีกครึ่งที่เหลือเขี้ยวเหล็กของหมาป่าเขี้ยวเหล็กแข็งแกร่งมากเป็วัตถุดิบสำหรับการหลอมอาวุธชั้นทองขั้นกลางมีค่าแปดแต้มภารกิจหรือแปดสิบตำลึงเงินหนังกับขนของหมาป่าเขี้ยวเหล็กเอาไปทำเกราะขนชั้นทองขั้นกลางได้ มีค่าห้าแต้มภารกิจหรือห้าสิบตำลึงเงิน
เืเนื้อและกระดูกของหมาป่าเขี้ยวเหล็กมีค่าประมาณสามแต้มภารกิจหรือสามสิบตำลึง
ดังนั้นทั้งตัวของหมาป่าเขี้ยวเหล็กมีค่าสามสิบเอ็ดแต้มภารกิจหรือสามร้อยสิบตำลึงเงินเป็สัตว์อสูรชนิดหนึ่งในบรรดาสัตว์อสูรขั้นสองที่ค่อนข้างให้เงินคุ้มสัตว์อสูรเช่นนี้สังหารเสียสิบตัวก็หาเงินได้พอซื้อยาชะล้างกระดูหรือยาควบปราณหนึ่งเม็ดได้แล้ว
เืเนื้อกับกระดูกใหญ่เกินไป ไม่สะดวกพกไปด้วยเสวียนเทียนเก็บแค่ผลึกอสูร เขี้ยวและหนังของหมาป่าเขี้ยวเหล็กในบรรดาของเหล่านี้ผลึกอสูรเล็กที่สุดแต่มูลค่าสูงสุดเป็ของบนร่างสัตว์อสูรที่ผู้ฝึกยุทธ์ชอบที่สุด สามารถนำติดตัวไปจำนวนมากได้
ส่วนขนกับหนังหลังผู้ฝึกยุทธ์รวบรวมได้หลายสิบผืนก็จะย้อนกลับไปขายที่เมืองหรือหมู่บ้านขายแลกเป็เงินมาหรือไม่ก็ขายให้ราคาถูกแก่ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในเทือกเขาเร้นลมเหมือนกัน
และก็มีผู้ฝึกยุทธ์บางคนที่เน้นประสิทธิภาพสังหารสัตว์อสูรเก็บแค่ผลึกอสูร อย่างอื่นไม่เอาสักอย่าง
เสวียนเทียนเก็บผลึกอสูรเขี้ยวและหนังของหมาป่าเขี้ยวเหล็ก และขุดหลุมฝังร่างของผู้ฝึกยุทธ์วัยประมาณสามสิบปีผู้นั้นซากศพไม่ครบชิ้นของเพื่อนร่วมพันธุ์เดียวกันมองเห็นอย่างไรก็ไม่สบายตา
จากนั้นเสวียนเทียนก็ะโขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่สูงสิบกว่าเมตร และซ่อนตัว