เช้าวันต่อมา หลังรุ่งอรุณยามเช้าอวี๋เฉียวซานตั้งใจมองสำรวจท้องฟ้า พบว่าท้องฟ้าเป็ปกติไม่มีเค้าลางว่าจะฝนตกแม้แต่นิดเขาจึงหลงลืมคำพูดในเมื่อวานของอวี๋เจียวไว้ข้างหลัง
สองพ่อลูกครอบครัวใหญ่จะขึ้นเขาไปล่าสัตว์คนในสกุลอวี๋ต่างรู้กันโดยทั่ว หลังจากสตรีแซ่ซ่งทำกับข้าวเสร็จนางยังคงปิ้งขนมเปี๊ยะให้ทุกคนเอาติดตัวไว้กินเช่นเมื่อก่อน
หลังจากทานอาหารเช้า พ่อลูกสกุลโจวมาเยือนหน้าประตูจวนและะโเรียกอวี๋เฉียวซานให้ขึ้นเขาด้วยกัน
อวี๋ฝูหลิงกลับห้องไปหยิบห่อผ้าที่เตรียมเอาไว้ั้แ่เมื่อคืนสตรีแซ่ซ่งเตรียมห่อผ้าเล็กใส่เสื้อตัวหนาไว้ให้อวี๋เจียวเช่นกัน“กลางดึกบนเขาจะอากาศหนาว เอาเสื้อผ้าไปให้มากชิ้นสักหน่อย”
อวี๋เจียวรับห่อผ้ามา “ขอบคุณท่านอาซ่งเ้าค่ะในจวนมีร่มหรือไม่เ้าคะ?”
สตรีแซ่ซ่งเหลือบมองข้างนอก “อากาศดีเช่นนี้ ไม่เหมือนว่าฝนจะตก”
อวี๋เจียวเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “เตรียมไว้ย่อมไร้กังวลเ้าค่ะ”นางไม่เอ่ยถึงเื่ที่วันนี้ฝนจะตก
สตรีแซ่ซ่งไปเอาร่มอวี๋เจียวเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อเดินออกมาจากในห้องจึงเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า“ข้าจะขึ้นเขาไปหายาสมุนไพรมาให้ท่าน”
อวี๋ฉี่เจ๋อมองรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเรียวเล็กขาวสะอาดของนางแล้วพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าเ็า
อวี๋เจียวแบะปากนางคาดเดาต้นสายปลายเหตุความเ็าตลอดหลายวันมานี้ของอวี๋ฉี่เจ๋อไม่ได้จริงๆ
สตรีแซ่ซ่งเอาร่มกระดาษน้ำมันใส่ลงไปในตะกร้าสมุนไพรของอวี๋เจียวนางกับอวี๋ฝูหลิงสะพายตะกร้าคนละหนึ่งใบเดินตามอวี๋เฉียวซานและสองพ่อลูกสกุลโจวออกจากหมู่บ้าน มุ่งหน้าไปยังทางเขาด้านหลัง
บังเอิญพบแม่บ้านในหมู่บ้านที่กำลังเก็บเห็ดอยู่ตรงตีนเขาจึงแย้มยิ้มทักทายกันอย่างเกรงอกเกรงใจจากนั้นพวกอวี๋เจียวค่อยเดินหน้าขึ้นเขาไป
ูเาด้านหลังหมู่บ้านชิงอวี่มีชื่อว่าเขาชิงเหยียนเพราะอยู่ด้านหลังหมู่บ้าน ผู้คนในหมู่บ้านจึงพากันเรียกว่าเขาด้านหลังตอนนี้คือฤดูใบไม้ผลิ เมื่อทอดมองออกไป บนเขาชิงเหยียนเขียวขจีพืชพรรณในป่าไม้อุดมสมบูรณ์
เพิ่งจะขึ้นมาบนเขาก็พบรอยเท้าคนจำนวนไม่น้อยครอบครัวเกษตรกรเลี้ยงแกะจะปล่อยแกะในทุ่งหญ้าตรงตีนเขา
เมื่อเข้าสู่ป่าลึก รอยเท้าผู้คนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆสองพ่อลูกสกุลโจว อวี๋เฉียวซานและบุตรชายเดินนำหน้าพูดคุยกันเสียงเบาพลางตรวจหาว่าบนพื้นมีรอยเท้าสัตว์หรือไม่
อวี๋ฝูหลิงกับอวี๋เจียวเดินตามอยู่ข้างหลังคนทั้งสองก้มหน้าก้มตามองหาสมุนไพรบนพื้นอย่างตั้งใจ
หลังจากเดินมาครึ่งค่อนวันกลับไม่พบสัตว์ป่าแต่อย่างใดทว่าอวี๋เจียวกับอวี๋ฝูหลิงขุดสมุนไพรได้จำนวนไม่น้อย เพียงแต่พวกมันคือกานเฉ่าและชางจู๋ที่พบได้ทั่วไปเท่านั้น
ถึงอย่างไรก็เป็ยุคโบราณที่ไม่เคยถูกบุกเบิกเป็ป่าเขาที่ไม่ถูกรุกล้ำด้วยอารยธรรมของมนุษย์มากเกินไปป่าเขาปกคลุมด้วยต้นไม้อุดมสมบูรณ์ พืชพรรณนานาชนิด เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆอวี๋เจียวกลับพบสมุนไพรหายากที่แม้แต่อวี๋ฝูหลิงก็ยังไม่รู้จัก
ในบรรดาครอบครัวทั้งสามของสกุลอวี๋มีเพียงอวี๋เมิ่งซานที่เรียนวิชาหมอกับอวี๋หรูไห่พอผิวเผินและเคยศึกษาเื่สมุนไพรดังนั้นพอจะมีความรู้อยู่ไม่น้อย หลังจากอวี๋ฝูหลิงเติบใหญ่อวี๋เมิ่งซานมักจะพานางมาเอาสมุนไพรที่ขุดได้ไปขาย อวี๋ฝูหลิงไม่ชอบเรียนหนังสือดังนั้นสมุนไพรที่นางรู้จักจึงมีเพียงสมุนไพรที่เคยพบเจอในจวน
เมื่อเห็นอวี๋เจียวขุดสมุนไพรที่นางไม่รู้จักต้นแล้วต้นเล่าแววตาของอวี๋ฝูหลิงฉายแววอยากรู้ออกมา แต่เพราะไม่้าก้มหัวให้อวี๋เจียวโดยการถามออกมาฉะนั้นนางจึงทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้
สองพ่อลูกสกุลโจวและพวกอวี๋เฉียวซานเคยขุดหลุมพรางไว้บนเขาคิดจะไปตรวจดูหลุมพรางสักหน่อย ดูว่ามีสัตว์อะไรตกลงไปหรือไม่
เพราะอวี๋เจียวกับอวี๋ฝูหลิงขุดสมุนไพรอยู่ด้านหลังอวี๋เฉียวซานจึงบอกให้อวี๋จือหางมาบอกพวกนางสักหน่อย
“พวกเราจะไปตรวจดูหลุมพรางทางฝั่งทิศเหนือสักหน่อยพวกเ้าอย่าเดินไปที่ใดซี้ซั้ว รอพวกเราอยู่แถวหลุมพรางนะ” อวี๋จือหางเอ่ย
อวี๋เจียวกับอวี๋ฝูหลิงพยักหน้าอวี๋จือหางชำเลืองมองในพุ่มไม้ทั้งสี่ทิศ กำชับอย่างไม่ว่างใจนักว่า“พวกเ้าอย่าไปไกล หากมีอะไรให้ร้องเรียกพวกเรา!”