อวี๋เจียวเคยเรียนรู้วิธีสังเกตท้องฟ้ากับท่านปู่แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายเ้าสิ่งเลือนรางเช่นนี้กับอวี๋เฉียวซานอย่างไรเพราะต่อให้อธิบายไปก็เป็เื่ยุ่งยากแต่การไปล่าสัตว์บนูเาในวันฝนตกถือว่าอันตรายอย่างยิ่งดังนั้นนางจึงเตือนเขาอย่างหวังดีว่า "ท่านลุงใหญ่ ไม่สู้ขึ้นเขาวันมะรืนถึงแม้วันสองวันมานี้อากาศจะดี แต่เพราะสมบูรณ์ย่อมต้องมีข้อบกพร่องหากฝนตกขึ้นมาจริงๆ มันจะอันตรายมากนะเ้าค่ะ"
อวี๋เฉียวซานหัวเราะ "แม่หนูเมิ่งไม่เคยขึ้นเขามาก่อนกระมัง? ครั้งแรกที่ข้าขึ้นเขาก็รู้สึกกลัวมากเช่นกัน ไม่ต้องกังวลผู้ที่มาหาข้าเพื่อชวนให้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ด้วยกันคือเสียงจื่อเ้าควรจะเรียกเขาว่าท่านอาโจว เขาขึ้นเขาบ่อยครั้งมีประสบการณ์ด้านสภาพอากาศบนเขาอย่างมากในเมื่อเขามาหาข้ายามนี้ก็น่าจะเลือกวันเอาไว้ดีแล้ว วันพรุ่งนี้เ้าแค่ตามข้าไปก็พอ"
อวี๋เจียวรู้ว่าต่อให้พูดมากไปก็ไร้ความหมายเพราะถึงอย่างไรอวี๋เฉียวซานก็เป็ผู้ที่มีประสบการณ์ในการล่าสัตว์มีหรือจะเปลี่ยนความคิดเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของนาง จึงเอ่ยเพียงแค่ว่า“ถ้าเช่นนั้นท่านลุงใหญ่พักผ่อนเร็วสักหน่อยนะเ้าคะ”
รอกระทั่งอวี๋เจียวจากไปสตรีแซ่จางยกน้ำล้างเท้าเข้ามาให้อวี๋เฉียวซาน เอ่ยถามว่า “ท่านจะพาเมิ่งอวี๋เจียวไปเขาด้านหลังด้วยจริงๆหรือ? หากนางแอบหนีไปจะทำอย่างไร? เด็กคนนั้นมีความสามารถ หากนางตามไปแล้วหนีไปจริงๆท่านพ่อคงไม่ละเว้นท่านแน่!”
อวี๋เฉียวซานเอ่ยพลางแช่เท้า “คงไม่กระมัง? นางบอกว่าอยากจะไปหาสมุนไพรที่เขาด้านหลังข้าดูแล้วยามนี้ความคิดและจิตใจของนางสงบขึ้นมากคิดจะใช้ชีวิตกับครอบครัวรองอย่างมั่นคงไม่แน่ว่าภายหน้าอาจสามารถรักษาร่างกายของเ้าห้าได้ถึงตอนนั้นน้องชายและน้องสะใภ้ทั้งสองคงหมดทุกข์หมดโศกเสียที”
“ท่านช่างวาดฝันสวยงามจริงๆ ข้าดูแล้วตอนนี้นางทำอะไรอย่างแฝงเจตนายิ่งไม่เห็นกระทั่งนายท่านอยู่ในสายตา ไม่รู้ว่าวัดเล็กๆแห่งนี้ของพวกเราจะได้สักการะพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่หรือไม่”สตรีแซ่จางคอยจับตาดูอย่างเงียบเชียบมาหลายวัน พบว่าเมิ่งอวี๋เจียวผู้นั้นไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบ
อวี๋เฉียวซานเช็ดเท้าเสร็จหยัดกายถือถังน้ำล้างเท้า“เ้าห้านิสัยเงียบขรึม นางเผด็จการสักหน่อยภายหน้าครอบครัวรองจะได้ไม่เสียเปรียบมากนัก ข้าดูแล้วนางเป็คนรู้ดีชั่วเ้าอย่าได้เลียนแบบครอบครัวสาม ในยามปกติทำดีกับผู้อื่นสักหน่อยภายหน้าผู้อื่นจะได้นึกถึงความดีของเ้า”
กล่าวจบ อวี๋เฉียวซานยกถังน้ำออกไปเทในลานเรือนสตรีแซ่จางเอ่ยพึมพำกับตนเองว่า “ข้าจะให้นางนึกถึงความดีของข้าไปทำไมกันเพราะถึงอย่างไรภายหน้าข้าก็ไม่มีอะไรต้องไปขอร้องนาง”
อวี๋เฉียวซานกลับเข้าห้องหลังจากเทน้ำล้างเท้าเขาได้ยินคำกล่าวนี้เข้าพอดีจึงเอ่ยทั้งรอยยิ้มอย่างจนปัญญาว่า “เ้านี่นาทำดีต่อผู้อื่นย่อมเป็เื่ดี หมั่นสั่งสมความดีให้มากภายหน้าย่อมมีความดีตอบแทน”
ครั้นอวี๋เจียวกลับห้อง อวี๋ฝูหลิงได้เอนกายนอนลงบนเตียงแล้วเมื่อเห็นนางกลับมาจึงหยัดกายลุกขึ้น “ท่านลุงใหญ่ยอมพาเ้าไปเขาด้านหลังหรือ?”
อวี๋เจียวพยักหน้า เปลื้องอาภรณ์ออกแล้วขึ้นไปบนเตียงเช่นกัน
อวี๋ฝูหลิงคลานขึ้นจากเตียง ทันใดนั้นเริ่มเก็บข้าวของ“ข้าจะไปกับเ้าด้วย ไม่ได้เก็บสมุนไพรมาหลายวันแล้วหากยังไม่ไปก็จะเก็บเกี่ยวข้าวสาลีแล้ว”
“พี่ฝูหลิงก็จะไปด้วย?” อวี๋เจียวกำลังกังวลว่าฝนจะตก หากขึ้นเขาไปจริงๆ ควรจะทำอย่างไรนึกไม่ถึงว่าอวี๋ฝูหลิงก็จะไปร่วมสนุกด้วย
อวี๋ฝูหลิงยัดเสื้อตัวหนาลงไปในห่อผ้า ตามด้วยชำเลืองมองอวี๋เจียว“ลูกชายของท่านอาโจวก็จะไปด้วย ข้าจะต้องจับตาดูเ้าสักหน่อยเ้าจะได้ไม่ทำเื่อับอายขายหน้าอยู่ข้างนอก”
อวี๋เจียวทำหน้าเอือมระอา หันข้างหนีพลางคลุมผ้าห่มแล้วหลับตาลง
อวี๋ฝูหลิงเดินเข้าไปใกล้ตรงหัวเตียงของอวี๋เจียว“ยิ่งเ้าไม่อยากให้ข้าไป ข้ายิ่งต้องตามไปอย่าได้คิดทำเื่ไม่ดีลับหลังน้องชายของข้าเด็ดขาด!”
อวี๋เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอัดอั้น “ท่านอยากไปก็ไปข้าไม่ได้ห้ามสักหน่อย”
อวี๋ฝูหลิงวางห่อผ้าใบเล็กลงข้างหมอนก่อนจะขึ้นเตียงนางดึงผ้าห่มมาจากมืออวี๋เจียวเล็กน้อย จากนั้นดับตะเกียงบนหัวนอน