อันที่จริงเถารั่วเซียงยืนรอฉินหลางอยู่ข้างนอกก็ได้ แต่ที่เธอเดินเข้ามาพูดประโยคนี้ข้างๆ ตัวเขา ดูเหมือนว่าเธอจงใจให้ฉินหลางกลายเป็เป้าวิจารณ์สาธารณะ
ฉินหลางไม่คาดคิดเลยว่าอาจารย์เถาจะเป็คนเ้าคิดเ้าแค้นมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังทำสำเร็จได้อย่างเรียบเนียน ช่างเป็ยอดฝีมือจริงๆ
ฉินหลางรู้สึกว่ารอบด้านมีแต่สายตาอาฆาต แต่เขาก็ไม่ได้แยแส เพราะสำหรับผู้ชายแล้ว ถ้าไม่้าให้ผู้คนอิจฉา คงได้แต่แต่งกับไดโนเสาร์เท่านั้นแหละ “สตรีที่งดงามย่อมนำมาซึ่งหายนะ” เมื่ออยากได้สาวงามมา ก็ต้องเตรียมใจยอมรับหายนะที่จะตามมา ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นบ้านเมืองวอดวายเลยทีเดียว
“ว่างมากครับ” ฉินหลางยืนขึ้นด้วยท่าทางนิ่งเรียบ ก่อนจะพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ยินดีรับฟังและพร้อมช่วยแก้ปัญหาส่วนตัวของอาจารย์เถาครับ”
เถารั่วเซียงรู้ถึงความหมายที่แอบแฝงของฉินหลาง เกิดเกลียดชังเขาขึ้นในใจ แต่ด้วยความที่เธอเป็คนฉลาด ทำให้คิดวิธีเอาคืนเขาได้ทันที จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ฉินหลาง แม่เธอเพิ่งโทรมา บอกให้ฉันที่เป็น้าช่วยดูแลเธอดีๆ ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว ในฐานะที่ฉันเป็ผู้าุโจะพาเธอไปกินอะไรอร่อยๆ จะได้ถือโอกาสบอกเธอเกี่ยวกับกฎของโรงเรียนชีจงด้วย
คำพูดของเถารั่วเซียง เสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งได้เป็ผู้าุโของฉินหลาง แล้วยังช่วยหลีกเลี่ยงการคาดเดาของคนอื่นได้อีกด้วย
ฉินหลางก็ทำไขสือเก่ง แม้ว่าอายุของเถารั่วเซียงมากสุดจะเป็ได้เพียงพี่สาวของเขาก็ตาม แต่เมื่อเธอยืนกรานที่จะเป็ผู้าุโ ฉินหลางจึงทำได้เพียงใช้แผนซ้อนแผน ไหลไปตามน้ำ “ดีครับ รบกวนด้วยนะครับ—น้าเถา”
ฉินหลางจงใจเน้นเสียงคำว่า “น้าเถา” ให้ชัดเจนขึ้น
เถารั่วเซียงตัดสินใจจะปล่อยฉินหลางไปก่อน เพราะถึงอย่างไร เธอก็ยังมีโอกาสเอาคืนเขาได้อีกมาก เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงยิ้มหวานแล้วเดินตามฉินหลางออกจากห้องไป
นักเรียนคนอื่นล้วนเข้าใจว่าฉินหลางกับเถารั่วเซียงเป็ญาติกันจริงๆ จึงไม่มีใครสงสัยอะไร
เมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากตึกคณิตศาสตร์แล้ว ฉินหลางจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “น้าเถาครับ ตอนนี้เรากำลังจะไปกันที่ไหนกันเหรอครับ”
“ไปหอพักของฉัน” เถารั่วเซียงตอบ
“หอพัก? นั่นมันไม่ใช่ห้องนอนของอาจารย์เถาเหรอครับ?” เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ ฉินหลางรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
เถารั่วเซียงมองดูท่าทีตื่นเต้นจนออกนอกหน้าของฉินหลาง ก็รู้ได้เลยทันทีว่าเขาต้องคิดเื่อกุศลอยู่แน่ๆ แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น เธอก็ยังถามฉินหลาง ด้วยความปรารถนาดี “ฉินหลาง วันนี้เธอเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนที่ชีจงวันแรก ก็มีเื่ผิดใจกับใครแล้วเหรอ?”
เถารั่วเซียงถามด้วยความหวังดี เพราะตอนที่ทั้งคู่เดินลงจากอาคารเรียน เธอสังเกตเห็น นักเรียนชายจำนวนหนึ่งมองฉินหลางด้วยสายตาที่เกลียดชัง
“อาจารย์เถาครับ ผมว่าคำถามนี้ครูไม่ควรจะถามผมหรอกครับ ครูควรจะถามตัวเองมากกว่า" พูดจบ ฉินหลางก็แกล้งถอนหายใจยาวๆ แล้วจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “นี่แหละนะ ที่โบราณว่า สตรีที่งดงามย่อมนำมาซึ่งหายนะ ผมทำตัวสนิทสนมกับสาวสวย จะไม่ให้ผิดใจกับใครเขาได้ยังไง”
"ฮึ" เถารั่วเซียงเบะปากด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เขาช่างไม่มีสัมมาคารวะเลยจริงๆ จากคำพูดนี้เห็นได้ชัดว่า ในสายตาเขาไม่ได้เห็นเธอเป็ผู้าุโ หรือแม้แต่อาจารย์ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังเตือนเขาอีกครั้ง “ระวังตัวหน่อยละกัน นักเรียนพวกนั้น เป็กลุ่มนักเรียนอันธพาลของโรงเรียน”
“ไม่ต้องเป็ห่วงครับ น้าเถาอาจจะยังไม่รู้ ั้แ่เริ่มเข้าอนุบาล ผมก็ได้ชื่อว่าเด็กอันธพาลแล้ว" ฉินหลางพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าฉินหลางไม่ได้พูดโอ้อวดเกินความเป็จริงเลย เพราะั้แ่เขาเริ่มเข้าเรียนอนุบาล ฉินหลางก็เคยเกือบโดนทางโรงเรียนไล่ออกแล้วหลายครั้ง "เพราะพยายามจะจูบเด็กนักเรียนหญิง”
เมื่อเห็นว่าฉินหลางไม่ได้สนใจที่จะฟังคำเตือนของเธอ เถารั่วเซียงก็ี้เีที่จะเซ้าซี้อะไรต่อ เพราะคนอวดดีอย่างฉินหลางก็สมควรแล้วที่จะต้องเจ็บตัว
ั้แ่ทั้งคู่เดินออกจากโรงเรียน ฉินหลางมักจะเดินตามหลังเถารั่วเซียงครึ่งก้าวเสมอ แม้เธอจะไม่ได้สังเกตั้แ่แรก แต่ไม่นานนัก ก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ ซึ่งสายตาของเขามักจะหยุดอยู่ที่่เอว บั้นท้าย และส่วนขาของเธออยู่เสมอ นี่เขากำลังลวนลามเธอด้วยสายตาอยู่นี่นา
"ฉินหลาง เธอมาเดินนำหน้าสิ" เถารั่วเซียงพูดขึ้น
"ผมไม่รู้ทางครับ" ฉินหลางรีบปฏิเสธอย่างเต็มปากเต็มคำ
"ถึงไม่รู้ทาง ก็ต้องเดินนำหน้า!" ดูเหมือนความไม่มีเหตุผล จะเป็คุณสมบัติพิเศษของผู้หญิงทุกคน
ฉินหลางไม่มีทางเลือก จึงเดินนำหน้าด้วยความจำยอม ในตอนนั้นเอง ที่เขาเจอทางแยกข้างหน้า “น้าเถาครับ ไปทางไหนครับ? ซ้ายหรือขวา?” เขากล่าวถาม
“ทางซ้าย!”
“...”
ห้องพักชั่วคราวของเถารั่วเซียง อยู่บนตึกหอพักครูสภาพเก่ามากของโรงเรียน ตัวอาคารสีซีด และเริ่มลอกออกเป็แผ่น สภาพภายนอกดูวังเวงมาก แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องพักของเธอแล้ว ฉินหลางกลับต้องตาลุกวาวขึ้นมาทันที เพราะรูปลักษณ์ภายในที่ดูใหม่ ราวกับห้องนี้ไม่ได้อยู่ในตึกเก่าๆ ที่เห็นเมื่อครู่นี้
สมแล้วที่เป็ "ห้องนอน" ของผู้หญิง ข้าวของภายในห้องถูกจัดเก็บอย่างเป็ระเบียบ ทั้งสะอาด และมีอากาศถ่ายเท ทำให้รู้สึกโล่งสบายขึ้นมาทันที
หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว ฉินหลางเดินเข้าไปนั่งอยู่บนโซฟาของเถารั่วเซียง ด้วยท่าทีสบายๆ และดูเป็ธรรมชาติ ไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่ามันเป็ห้องนอนของเขาเอง
ตอนนี้เห็นหน้าของเขาทีไร เถารั่วเซียงเป็ต้องโมโหขึ้นมาทุกที ทั้งที่เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร
ถ้าไม่ใช่เพราะ้ารักษาสิวที่บั้นท้ายเม็ดนั้น ไม่ว่ายังไง เถารั่วเซียงก็ไม่มีทางพาเขาขึ้นมาบนห้องนอนของเธอแน่นอน นี่มันไม่ต่างกับการชักศึกเข้าบ้านเลยสักนิด! หากแต่ประเด็นคือ เื่ในที่ลับแบบนี้ จะให้เธอคุยกับเขาในห้องพักครูหรือสถานที่อื่นได้อย่างไร? เพราะถ้ามีใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไง?
“ฉินหลาง เธอจะดื่มน้ำรึเปล่า?” เถารั่วเซียงถามตามมารยาท
“ช่างเถอะครับ รักษาโรคสำคัญกว่า” ั้แ่ฉินหลางเดินเข้ามาในห้อง เขายังไม่เห็นแก้วกระดาษเลยแม้แต่ใบเดียว ฉะนั้นจึงตอบปัด เพราะไม่้ารบกวน
เถารั่วเซียงก็เพียงแต่ถามไปตามมารยาท ซึ่งเธอไม่ได้อยากให้แก้วของเธอ ต้องแปดเปื้อนน้ำลายของเขาสักนิดเดียว และถ้าแก้วน้ำของเธอถูกเขาใช้แล้วล่ะก็ เธอจะต้องแอบเอามันไปทิ้งแน่นอน
“ฉินหลาง ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าครูถูกพิษ มันแปลว่าอะไรกันแน่?” เถารั่วเซียงเอ่ยถาม
“สิว มันเกิดขึ้นเพราะสารพิษเข้าแทรก ทำให้ธาตุไฟขาดความสมดุล สะสมอยู่ภายในิั หรือเกิดจากมลพิษในอากาศไปสะสมอยู่ที่อวัยวะภายใน จนมากถึงระดับหนึ่งที่ร่างกายรับไม่ไหว แล้วปล่อยออกมาทางิั…”
“พอแล้วๆ อย่าพูดเป็วิชาการขนาดนั้นได้ไหม?" เถารั่วเซียงพูดขัดขึ้น “พูดให้มันเข้าใจง่ายหน่อย!”
"มันเกิดจากการสะสมของมลพิษ" ครั้งนี้ฉินหลางตอบเพียงสั้นๆ
“แล้วต้องรักษายังไง?” นี่ต่างหากประเด็นที่เถารั่วเซียงสนใจ
“มี 3 วิธี” ฉินหลางตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ผมจะบอกสองวิธีแรกละกัน วิธีแรก ใช้ปลิงหรือทากมาวางบนจุดที่เป็สิว ให้มันดูดมลพิษและน้ำหนองออกจนหมด วิธีนี้จะทำให้หายดีได้ ภายในคืนเดียว—”
“ปลิง!” เถารั่วเซียงรู้สึกขยะแขยงเ้าตัวนี้มาก และยิ่งต้องเอามันมาวางบนบั้นท้ายของตัวเองด้วยแล้ว เธอรีบพูดตัดบท “แค่ฟังยังขยะแขยงแล้วเลย อีกอย่างเวลานี้จะให้ไปหาปลิงมาจากไหน”
“ผมพกมาด้วยหนึ่งตัวพอดี” ฉินหลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าคาดเอว หยิบทากสีขาวออกมาหนึ่งตัวราวกับแสดงมายากล “จะลองใช้เ้าตัวนี้บำบัดโดยวิธีนิเวศวิทยาไหมครับ?”
“ว้าย!” เถารั่วเซียงกรีดร้องด้วยความใ เธอแสดงท่าทีที่รังเกียจก่อนจะพูดต่อ “รีบเอาออกไปเลย! เธอพูดวิธีที่สองเลยดีกว่า”
“วิธีที่สอง ต้องใช้ ‘ยาจินชวงสารพัดพิษ’ สูตรลับเฉพาะของบรรพบุรุษผม ทาไปก็หายดีได้เหมือนกัน" ฉินหลางกล่าว “ดูไปแล้วน้าเถาคงจะเลือกวิธีนี้แน่เลย ใช่ไหมครับ “
“แล้ววิธีที่สามล่ะ?” เถารั่วเซียงถามด้วยความสงสัย
“วิธีที่สาม…ผมคิดว่าไม่พูดถึงจะดีกว่า” ฉินหลางกล่าวพลางส่ายหน้า
“บอกมา!” ยิ่งฉินหลางไม่บอก ก็ยิ่งทำให้เถารั่วเซียงยิ่งอยากรู้มากขึ้น
“ช่างเถอะครับ อย่าพูดถึงดีกว่า”
“พูด!”
“ครูเป็คนบอกให้ผมพูดเองนะ” ฉินหลางพูดขึ้น ก่อนจะถามต่อด้วยท่าทีลังเล “ผมพูดไปแล้วครูห้ามโมโหนะ!”
“ไม่โมโห” เถารั่วเซียงตอบด้วยความใจเย็น
“วิธีที่สาม คือให้ผมใช้มือจับตรงที่เป็—”
“ไร้ยางอาย!” เถารั่วเซียงพูดขัดขึ้นด้วยความโมโห จ้องหน้าฉินหลางตาเขม็ง เธออยากจะลงมือตบสั่งสอนเขาซะจริงๆ เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง จากเที่ยงถึงตอนนี้ เถารั่วเซียงก็รู้สึกอยากลงไม้ลงมือสั่งสอนคนแล้วถึง 2 ครั้ง แถมยังเป็คนๆ เดียวกันทั้ง 2 หนอีกด้วย
“อาจารย์เถาครับ ครูเป็คนบอกให้ผมพูดเองนะครับ!” ฉินหลางพูดพลางแกล้งแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย
“ใครใช้ให้เธอพูดจามั่วซั่วกัน!” เถารั่วเซียงบ่นพึมพำ ก่อนเอามือที่ง้างขึ้นเตรียมจะตบฉินหลางลง
“ผมไม่ได้พูดจามั่วซั่วนะครับ!” ฉินหลางพูดอย่างเต็มปาก “ผมหมายถึง ให้ผมเอามือจับที่สิว แล้วใช้เข็มทิ่มเพื่อบีบน้ำหนองออกมาคล้ายกับทำการผ่าตัดเล็กๆ!” ฉินหลางอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อเห็นท่าทีเคร่งขรึมของฉินหลาง เถารั่วเซียงจึงรู้สึกผิดทันที เพราะเมื่อครู่ฉินหลางไม่ได้จะพูดจาลามก เธอต่างหากที่เป็คนเข้าใจผิดไปเอง แต่ถึงแม้จะเป็การรักษา เธอก็จะไม่ยอมให้ฉินหลางจับบั้นท้ายของเธอเป็แน่ เถารั่วเซียงหน้าแดงด้วยความเขินอาย จึงพูดขึ้นแก้เขิน “ถ้าอย่างนั้น เธอบอกแค่ว่ามีสองวิธีก็ได้ไม่ใช่เหรอ!”
“การแพทย์เป็เื่สำคัญที่ต้องจริงจังเสมอ”
“พอเถอะ รีบเอายาบ้าบออะไรนั่นของเธอให้ครูใช้ได้ละ หวังว่ามันคงจะได้ผลนะ” เถารั่วเซียงเริ่มหงุดหงิด เพราะตอนนี้สิวที่บั้นท้ายของเธอเริ่มปวดอีกแล้ว
“ไม่ใช่ยาบ้าบออะไรนั่น แต่เป็ ‘ยาจินชวงสารพัดพิษ’ ฉินหลางแก้ไขคำพูดของเถารั่วเซียงให้ถูกต้อง
“สารพัดพิษ? อย่าบอกนะว่ายานี่ทำมาจากยาพิษ?” เถารั่วเซียงถามขึ้นด้วยท่าทีสงสัย
“ถูกต้องแล้วครับ มันทำมาจากพิษ ใช้พิษถอนพิษ น้าเถาคงเคยได้ยินนะครับ” ฉินหลางตอบด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงถามต่อด้วยน้ำเสียงยียวน “ไม่อย่างนั้น หรืออยากจะลองการบำบัดเชิงนิเวศวิทยา?”
“ช่างเถอะ ใช้ยาดีกว่า” เถารั่วเซียงวิเคราะห์แล้ว วิธีที่สามคงไม่เวิร์คแน่นอน วิธีแรกก็น่าสยดสยองมากเกินไป คงมีเพียงวิธีที่สองที่น่าจะดีที่สุด
“โอเคครับ” ฉินหลางหยิบกล่องไม้ใบเล็กๆ สีดำออกมา ราวกับได้เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ทันทีที่เขาเปิดกล่องนั้นออก กลิ่นหอมที่แปลกประหลาดของยาสมุนไพรก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
“หอมจัง!” เถารั่วเซียงชื่นชมออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอไม่คิดเลยว่าจะมีกลิ่นยาที่หอมซะยิ่งกว่าน้ำหอมเสียอีก เพราะเหตุนี้ จึงทำให้เถารั่วเซียงมั่นใจในคุณภาพของตัวยาที่ฉินหลางให้มาทันที
“น้าเถาครับ ยานี่น้าจะทาเอง หรือจะให้ผมเป็คนทาให้ดีครับ?” ฉินหลางแกล้งถามด้วยท่าทีไร้เดียงสา