เหมือนว่าเสียงที่เกรี้ยวกราดของเถารั่วเซียง ยังคงก้องอยู่บนระเบียงทางเดิน
นักเรียนจำนวนมากที่มุงดูอยู่ ต่างก็ไม่มีใครรู้ว่านักเรียนใหม่คนนั้น พูดอะไรกับอาจารย์เถาบ้าง ถึงทำให้อาจารย์เถาโมโหมากขนาดนี้
แต่นักเรียนชายเ่าั้ต่างก็พากันกุมหมัดแน่น เสมือนว่าขอเพียงอาจารย์เถาเอ่ยปาก พวกเขาก็พร้อมที่จะกรูเข้าไปสั่งสอนฉินหลางได้ทันที
เขากลายเป็เป้าสาธารณะของทุกคนไปโดยปริยาย ทว่าฉินหลางกลับไม่วิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะจากท่าทีของเถารั่วเซียง ที่แสดงออกมานั้น ได้ยืนยันแล้วว่าสิ่งที่เขาพูดไป มันตรงประเด็นสำคัญ
ความโกรธเกรี้ยวในแววตาของเถารั่วเซียงค่อยๆ จางหายไป สาเหตุที่ทำให้เธอโมโหมากขนาดนั้นจากเมื่อสักครู่นี้ เพราะเธอคิดว่าฉินหลางแอบดูพื้นที่ลับของเธอ แต่เพียงไม่นาน เธอก็นึกขึ้นได้ว่า วันนี้ฉินหลางเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนชีจงเป็วันแรก และทั้งสองก็เพิ่งจะเจอหน้ากันครั้งแรก จึงเป็ไปไม่ได้เลยที่ฉินหลางจะรู้โดยการแอบดู เพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะแอบดูที่ลับของเธอ
“ไม่มีเื่อะไรแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองได้แล้ว”
เถารั่วเซียงพูดขึ้น เพื่อให้นักเรียนเลิกมุงดูและแยกย้ายกันไป ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังเดือดดาลของตัวเอง ก่อนจะสำรวจดูฉินหลางอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วจึงกล่าวขึ้นด้วยเสียงต่ำ “เธอไม่รู้หรือไงว่าการพูดเื่ส่วนตัวของคนอื่น มันเป็การกระทำที่ไม่มีมารยาท!”
“ผมทราบครับ ถ้ามองในมุมของอาจารย์กับนักเรียน คำพูดผมเมื่อกี้ มันไม่มีทั้งกาลเทศะและมารยาทมาก หากแต่ที่ผมพูดไป ผมพูดในมุมของหมอกับผู้ป่วย ในสายตาผม อาจารย์เถาเป็เพียงผู้ป่วยคนหนึ่งที่้าการรักษาโดยด่วน และผมในฐานะของหมอ ที่ดูอาการป่วยของคุณออก ้าจะสอบถามอาการป่วยของครู น่าจะไม่ใช่การกระทำกระทำที่ไม่มีมารยาทหรอกมั้งครับ?”
“คิดไม่ถึงเลยว่า นอกจากผลการเรียนวิชาชีวะของเธอจะดีแล้ว การแต่งเื่พูดแถเพื่อเอาตัวรอดของเธอ ก็เก่งไม่แพ้กัน” เถารั่วเซียงสบถออกมาเบาๆ
“ดูเหมือนว่า อาจารย์จะสังเกตเห็นข้อดีในตัวผม เพิ่มอีกข้อแล้ว” ฉินหลางยิ้มร่าอย่างหน้าไม่อาย แล้วจึงพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “สิวถึงจะเป็อาการป่วยที่เล็กมาก แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี มันก็มีโอกาสที่จะอักเสบหรือติดเชื้อ จนอาจกลายเป็แผลเน่าเปื่อย และมีน้ำหนอง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยต้องเ็ปและทรมานมากในการรักษา หรือต่อให้รักษาหายแล้ว ก็อาจจะทิ้งร่องรอยไว้ ในรูปแบบของรอยแผลเป็ นอกจากนี้ ผมคิดว่าอาจารย์คงเริ่มต้องทนกับอาการเจ็บบ้างแล้ว ไม่ใช่เหรอครับ?”
คำพูดของฉินหลาง มันช่างจี้ใจดำเถารั่วเซียงได้อย่างพอดิบพอดี
สิวที่บั้นท้ายของเธอขึ้นมาเมื่อ 3 วันที่แล้ว เนื่องจากเกิดขึ้นตรงพื้นที่ที่ค่อนข้างพิเศษ ทำให้ทุกครั้งที่เธอนั่ง ต้องรู้สึกเ็ปราวกับโดนเข็มทิ่มแทง เธอจึงรีบไปหาหมอทันที เธอเลือกไปพบแพทย์โรคิัของโรงพยาบาลชื่อดัง ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซี่ยหยาง แต่ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งรอคิวตรวจอยู่นั้น เธอสังเกตเห็นสายตาของผู้คนรอบข้างที่ต่างพากันมองเธอด้วยสายตาประหลาด ไม่นานเธอก็ทราบสาเหตุ เพราะความจริงแล้วคนที่ไปรักษาโรคิันั้น โดยส่วนมากแล้วจะป่วยเป็โรคทางเพศสัมพันธ์ เถารั่วเซียงเป็พวกย้ำคิดย้ำทำในเื่ความสะอาดมากเป็พิเศษ เมื่อทราบว่าเธอมาตรวจที่เดียวกันกับผู้ป่วยโรคิั ที่เกิดในบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ก็ทิ้งบัตรคิวแล้วรีบวิ่งออกไปจากโรงพยาบาลด้วยความเร็วราวกับเหาะได้
ดังนั้นเถารั่วเซียงจึงทำได้เพียงซื้อยาทาสิว จากร้านขายยามาทาเท่านั้น ทว่านอกจากมันจะไม่เริ่มดีขึ้นแล้ว มันยังมีอาการเหมือนจะอักเสบอีกด้วย
โดยเฉพาะหลังจากได้ยินฉินหลางพูดว่ามันอาจจะกลายเป็แผลเน่าเปื่อย เป็น้ำหนอง หรืออาจทิ้งรอยแผลเป็ไว้ด้วย แล้วยังพูดว่า “ถูกพิษ” อีก นั่นยิ่งทำให้เถารั่วเซียงรู้สึกกังวลมากขึ้น ตอนนี้เธอรู้สึกราวกับสิวที่บั้นท้ายของเธอนั้นเป็เื่หนักหนาสาหัสมาก ซึ่งนั่นทำให้เธอตระหนักถึงความรุนแรงของมันขึ้นมาทันที เธอจึงถามด้วยความร้อนใจว่า “แล้ว...เธอรักษาได้รึเปล่า?”
เมื่อพูดจบ เถารั่วเซียงก็รู้สึกเสียใจทันที
หากว่าฉินหลางรับปากจะรักษาให้เธอ แต่เขาต้องขอดูบั้นท้ายของเธอ เพื่อวิเคราะห์อาการก่อน เธอจะทำยังไง? จะให้เธอเปิดบั้นท้ายของตัวเอง ให้นักเรียนชายดูงั้นเหรอ? ถ้าต้องทำแบบนั้นจริงๆ ก็อายตายเลยสิ!
“ผมรักษาได้แน่นอนอยู่แล้วครับ!”
ฉินหลางตอบด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่น แสดงออกถึงความมั่นใจเต็มร้อย แต่ทว่ากลับเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “แต่ผมกำลังจะไปเข้าเรียนวิชาต่อไป อาจารย์เถา ไว้ผมมีเวลาว่างเมื่อไรเราค่อยมาคุยด้วยอาการป่วยของครูต่อนะครับ”
พูดจบ ฉินหลางก็กลับหลังหันเดินตรงไปทางตึกคณิตศาสตร์
“น่ารังเกียจ! ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!” เถารั่วเซียงกัดฟันสบถออกมา ขณะที่กำลังมองตามตามแผ่นหลังของฉินหลางที่เดินห่างออกไป
เห็นปกติตอนอยู่ต่อหน้านักเรียนเถารั่วเซียงดูเป็คนอ่อนหวานอ่อนโยนแบบนั้น ทว่าความจริงแล้วลึกๆ ภายในใจนั้น เธอเป็ผู้หญิงที่ยังใสซื่อค่อนข้างสูงไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไปคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ด้วยความคุ้นชินกับการถูกรายล้อม จากผู้คนรอบกายด้วยความชื่นชม เธอไม่เคยถูกดูเช่นนี้มาก่อน ผู้ชายทุกคนในโรงเรียนชีจง ไม่ว่าจะเป็อาจารย์หรือนักเรียนก็ตาม เพียงแค่เถารั่วเซียงเอ่ยปาก ต่างแย่งกันเข้ามาช่วยเหลือเธอกันทั้งนั้น นักเรียนใหม่คนนี้ ตาบอดไปแล้วหรือไง ถึงได้มองไม่เห็นความงามของคุณหนูเถาคนสวยอย่างเธอ?
แต่ข้ออ้างของฉินหลางก็กลับฟังดูสมเหตุสมผลมาก จนเถารั่วเซียงหาเหตุผลที่จะโกรธไม่ได้
ในฐานะที่เป็อาจารย์ เถารั่วเซียงจะเอ่ยปากให้ฉินหลางหนีเรียน เพื่อมารักษาอาการป่วยของเธอได้อย่างไร?
ห้องเรียนสำหรับเปิดวีดิทัศน์อยู่ตึกทดลอง แต่ทว่าห้องม.6 ห้อง 11 นั้นอยู่ชั้นห้าตึกคณิตศาสตร์ นอกจากนั้นสองตึกยังมีระยะห่างกันอีกเกือบร้อยเมตร ดังนั้นฉินหลางจึงต้องเร่งเดินออกมา เพื่อที่จะไม่ต้องเข้าเรียนวิชาต่อไปสาย
ฉินหลางเดินไปยังห้องเรียนพลางฮัมเพลงเบาไปเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี
คาบแรกของการเรียนที่โรงเรียนชีจงก็ได้เจออาจารย์สาวที่สวยที่สุดในเมืองเซี่ยหยาง แล้วยังสร้างความทรงจำเื่ของตัวเองไว้ในใจเธอได้สำเร็จอีกด้วย ถึงจะเป็ความทรงจำที่ไม่ประทับใจเลยก็ตาม แต่สำหรับฉินหลางแล้ว มันคือเป็การเริ่มต้นที่สวยงามมากเลยทีเดียว
เวลามีความสุขมากๆ ก็มักทำให้ความทุกข์ตามมาเสมอ
ที่มุมบันไดระหว่างชั้นสี่กับชั้นห้า ฉินหลางโดนผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำ และอุ้มลูกบาสเกตบอลในมือขวางทางเดินเอาไว้ ชายคนดังกล่าวชี้หน้าฉินหลาง พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “เฮ้ย!เด็กใหม่ คุณชายไช้ฝากให้ฉันมาเตือนแก—ให้อยู่ห่างๆ อาจารย์เถา!”
“นายเป็ใคร ฉันยังไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่าง ‘คุณชายไช้’ ที่นายพูดถึงเขาเป็ใคร?” แม้ชายดังกล่าวจะสูงราวๆ 190 ฉินหลางก็ไม่ได้มีอาการหวาดกลัวเลยสักนิด และถามกลับด้วยท่าทีที่นั่งเฉย
“คุณชายไช้อยู่ในโรงเรียนชีจงแล้วเขาเป็...”
เหมือนชายร่างกำยำจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นักเรียนใหม่ ถึงได้ไม่รู้จักและไม่รู้ว่าคุณชายไช้เก่งกาจแค่ไหน “ฮึ” จึงสบถออกมาก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “เอาเป็ว่า แกจำคำพูดเมื่อกี้ของฉันไว้ให้ดีก็แล้วกัน! ถ้าไม่อย่างนั้น แกได้เจอดีแน่!”
“เมื่อกี้นี้นายบอกว่าอะไรนะ?” ฉินหลางแสร้งถามด้วยท่าทีสงสัย
“คุณชายไช้ฝากให้ฉันมาเตือนแก—อ้าวเฮ้ย! นี่แกกล้าปั่นหัวฉันเหรอ!” ชายร่างกำยำเพิ่งจะรู้ตัว ว่าเขากำลังโดนฉินหลางหลอกปั่นหัวเล่นอยู่ ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที โน้มตัวไปข้างหน้า เขายื่นมือไปทางทางฉินหลาง เพื่อจะขยำคอเสื้อของฉินหลาง เป็การสั่งสอน
ฉินหลางเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดาย แล้วเอาคืนชายร่างกำยำโดยการขัดขา ด้วยความเร็วที่คนอื่นไม่ทันสังเกต ชายร่างกำยำไม่ทันตั้งตัว เสียหลักล้มลงกับพื้น นอกจากจะสั่งสอนฉินหลางไม่ได้แล้ว ตัวเองยังเสียหลักและล้มลง ไม่ต่างจากคนที่กำลังคลานหาเศษเหรียญ ชายร่างใหญ่ที่มีน้ำหนักราว 180 กิโลกระทบกับพื้นเสียงดัง ด้วยความรุนแรงจนบันไดแทบจะพังทลาย
นักเรียนที่มองดูอยู่ห่างๆ ต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความใ
กริ๊ง!~
เวลานี้เอง ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น เป็สัญญาณให้เข้าเรียน ฉินหลางไม่มาเสียเวลากับเื่ไร้สาระ เขาจึงรีบเดินไปเข้าห้องเรียน โดยไม่ได้สนใจชายร่างกำยำคนดังกล่าวต่อ
คาบต่อไป เป็วิชาคณิตศาสตร์ ที่นั่งของฉินหลางเป็โต๊ะแถวสุดท้ายในห้องเรียน ที่นั่งข้างเขาเป็ที่นั่งของไอ้อ้วน ซึ่งเป็นักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่เหมือนกัน แต่เป็นักเรียนที่ย้ายเข้ามาในโรงเรียนชีจงั้แ่เทอมที่แล้ว
จ้าวกันเป็คนอัธยาศัยดีมาก เพียงไม่นานเขาก็สนิทสนมกับฉินหลาง จากคำบอกเล่าของจ้าวกัน ทำให้ฉินหลางรู้เื่ต่างๆ ของโรงเรียนชีจงมากขึ้น
หากแต่เพียงไม่นานนัก ฉินหลางก็เผลอหลับไปขณะกำลังเรียน ในระหว่างนั้นเขาเลยไม่รู้ว่าจ้าวกันพูดเื่อะไร
กว่าฉินหลางจะตื่นอีกที ก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว
ขณะที่เขากำลังสะลึมสะลือตื่นขึ้นมานั้น ฉินหลางก็รู้สึกได้ถึงความเงียบผิดปกติในห้องเรียน เงียบจนเขาใรีบลุกขึ้นมานั่ง ดูไม่มีทีท่าของอาการง่วงก่อนเมื่อครู่หลงเหลือเลย ทันทีที่เขากวาดตาไปรอบๆ ก็พบกับเถารั่วเซียงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างตัวเขาแล้ว เธอพูดเบาๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินหลาง หลังเลิกเรียนมีเวลาว่างรึเปล่า?”
ทุกคนในห้อง ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ต่างมองกันตาค้างด้วยความใ
แม้แต่อาจารย์ซุนปอ อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษที่กำลังเก็บของเตรียมออกจากห้อง ก็ยังเบะปากด้วยความอิจฉา
ฉินหลางตระหนักได้ในทันทีว่าเขาได้กลายเป็ ศัตรูร่วมกันของผู้ชายทุกคนด้วยความไม่ตั้งใจเสียแล้ว จากการผลักดันของเถารั่วเซียง