เมื่อกลับถึงบ้าน ลู่เสวียอีพบว่าฟืนในโรงฟืนเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่ง ปรากฏว่า่เช้าคนที่เหรินเฟิงไหว้วานมาเพิ่งจะสับฟืนเพิ่มให้ ลู่เสวียอีรู้อยู่แล้วว่าตัวเองคงต้องไปเก็บฟืนอีกหลายครั้งเพื่อเอาไว้ใช้ในฤดูหนาว แล้วเธอก็วางแผนจะรีบทำหลังจากซื้อของเสร็จ แต่เหรินเฟิงก็รู้ดีเหมือนกัน
ดังนั้นเขาจึงขอให้พี่ชายน้องชายและลูกพี่ลูกน้องที่มีความสัมพันธ์ดีช่วยจัดการให้
เมื่อเห็นพวกเขากลับมาและมีข้าวของบนเกรียนมากมายก็เข้าไปช่วยย้ายของเข้าบ้าน จากนั้นจึงขนตะกร้าเดินไปทางตีนเขาอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะรีบเติมฟืนในโรงให้เต็มในวันนี้
ถ้าเป็ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างลู่เสวียอีที่ต้องจัดการกับกิ่งไม้และสับท่อนไม้เองคงใช้เวลาอีกหลายวัน แต่พวกเขาเป็ผู้ชายตัวโตที่ช่ำชองงานนี้อยู่แล้ว ผู้ชายหลายคนใช้เวลาวันสองวันก็เพียงพอ
ลู่เสวียอีมองประเมินแล้วพบว่ายังขาดเฟอร์นิเจอร์หลายอย่าง เห็นทีต้องกลับไปสั่งที่บ้านของช่างไม้เย็นนี้
บ้านของชาวบ้านมักจะทำห้องใต้ดินเพื่อใช้เก็บอาหารอยู่เสมอ บ้านหลังนี้ก็มีห้องที่ว่าเช่นกันซึ่งห้องนี้มีทางเข้าอยู่ใกล้บริเวณครัวเพียงแต่ไม่ได้เปิดใช้งานมานานแล้ว
เหรินเฟิงเปิดฝาห้องใต้ดินแล้วบอกให้เธอรอก่อน
ลู่เสวียอีสับสนเล็กน้อย แต่เขาบอกว่า “ให้ฉันลองลงไปดูก่อน คุณรออยู่ที่นี่” โกดังมืดแทบไม่ได้ใช้งานมาหลายปี เขากลัวว่าจะมีสัตว์แมลงซุกซ่อนอยู่ด้านล่างจึงหยิบไฟฉายและค่อยๆ ไต่ลงไปสำรวจ
ไม่ช้าก็มีเสียงมาจากข้างล่าง “ลงมาได้แล้ว ไม่มีอะไร”
ลู่เสวียอีลงไปที่ห้องใต้ดินแล้วค่อยๆปรับสายตาตามแสงไฟฉาย เธออยากติดตั้งไฟฟ้าที่บ้านจริงๆ อย่างน้อยก็จะได้มีไฟส่องสว่างบ้างยามจำเป็
เธอมองห้องใต้ดินที่ดูกว้างขวางอย่างพึงพอใจ นอกจากฝุ่นเล็กน้อยกับใยแมงมุมก็ไม่มีอะไรเลอะเทอะยุ่งยาก เหมาะสำหรับที่เธอจะหาชั้นวางหรือโถดองผักมาตั้งไว้
หลังจากทำความสะอาดห้องใต้ดิน ลู่เสวียอีกลับขึ้นมาก็พบว่าโรงฟืนใกล้เต็มแล้วและคนก็กลับไปแล้ว เดิมทีเธอตั้งใจว่าจะทำอาหารเลี้ยงพวกเขา แต่ดูเหมือนจะต้องเป็วันอื่น
ลู่เสวียอีเก็บของทุกอย่างแล้วจึงหยิบแม่กุญแจที่ซื้อมาใหม่เพื่อล็อกบ้าน ตอนนี้บ้านถูกซ่อมแซมแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ก็ซื้อมาแล้ว เธอต้องระมัดระวังป้องกันไว้สักหน่อย
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ ลู่เสวียอีก็แวะไปที่บ้านของช่างไม้ เมื่อไปถึงเธอก็เห็นว่าประตูบ้านยังเปิดอยู่ ลู่เสวียอีะโถามว่า “คุณป้า ป้าซิ่วชุนยู่บ้านหรือเปล่าคะ?”
“ใครน่ะ?” จวงซิ่วชุนเห็นลู่เสวียอีเมื่อเธอออกมาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวียอีนั่นเอง เข้ามาก่อนสิ”
“คุณป้า ครั้งนี้ก็มารบกวนอีกแล้วค่ะ”
“ไม่เป็ไรหรอก ป้าน่ะชอบหนูจะแย่ มีอะไรก็บอกได้เลยนะ”
ลู่เสวียอีจึงพูดสิ่งที่เธอ้าจะซื้อ
จวงซิ่วชุนตาลุกวาวเมื่อได้ยิน เธอชอบยุวชนหญิงที่พูดคุยง่ายคนนี้ แถมเธอยังใช้จ่ายมากมาย สิ่งที่้าซื้อแทบจะเป็รายการยิ่งกว่าเมื่อชาวบ้านสร้างบ้านใหม่
“แต่พื้นที่ในห้องของยุวชนจะว่างมากพอเหรอ?”
ลู่เสวียอียิ้ม “คุณป้า หนูเพิ่งเช่าบ้านเก่าทางทิศเหนือกับกัปตันเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าบ้านยังขาดเฟอร์นิเจอร์อีกหลายอย่างที่จำเป็”
“บ้านเก่าผู้เฒ่าชูเหรอ?”
“เธอจะอยู่คนเดียวได้เหรอ?”
เมื่อเห็นลู่เสวียอีอธิบายความตั้งใจของเธออีกครั้ง จวงซิ่วชุนจึงได้แต่พูดว่า “เอาล่ะ งั้นก็มาดูว่ามีอะไรที่ชอบหรือเปล่า” ขณะที่พูดคุยกันทั้งสองก็มาถึงโกดัง ลู่เสวียอีเริ่มเลือกเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่เธอ้า
หลังจากจ่ายเงินลู่เสวียอีก็กลับไปที่ลานยุวชนเพื่อทานอาหารและพักผ่อน
เช้าวันต่อมา เมื่อเธอกำลังทำความสะอาดบ้านใหม่อีกครั้ง เจิ้งซานกุยกับคนอื่นๆ ก็นำเฟอร์นิเจอร์มาส่ง เหรินเฟิงเองก็มาสับฟืนให้ ส่วนพี่น้องคนอื่นของเขาก็ไปหาฟืนเพิ่ม
หลังจากยุ่งมาอีกวันก็เริ่มมืดแล้ว เหรินเฟิงเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าลู่เสวียอียังคงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดผนังอย่างจริงจัง “เอาล่ะ วันนี้สายแล้วก็พอแค่นี้เถอะ” เขารู้ว่าลานของยุวชนผู้มีการศึกษานั้นมีคนอยู่หลายคน พวกเขาทำอาหารและปิดประตูเป็เวลา ถ้าเธอกลับไปช้าคงไม่ค่อยดีนัก
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับแล้ว พี่เฟิงก็รีบกลับเถอะ ขอบคุณมากๆ ที่มาช่วยฉันนะ” เธอรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ สองสามวันมานี้เขาทั้งมาช่วยและพาทางพี่ชายกับลูกพี่ลูกน้องมาช่วยเธอด้วย ลู่เสวียอีเคยเป็คนหนูร่ำรวย ตอนแรกก็ไม่คิดว่าการจะทำความสะอาดบ้านเก่าจะเสียเวลามากขนาดนี้
เนื่องจากพี่น้องตระกูลเหรินมาคอยช่วยงานทั้งวัน พวกเขามีโอกาสทำความรู้จักกันอย่างรวดเร็วและคำเรียกขานจึงมีความสนิทสนมขึ้นหนึ่งระดับด้วย
ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว เหรินเฟิงไม่วางใจที่จะปล่อยให้เธอเดินกลับคนเดียว เขาหยิบไฟฉายแล้วเดินไปที่ลานยุวชนกับลู่เสวียอี
คืนนี้มืดเร็วและไม่ค่อยมีแสงส่อง ลู่เสวียอีรู้สึกกลัวอยู่บ้างจริงๆ จึงไม่ได้ปฏิเสธให้เขามาส่ง
เหรินเฟิงเฝ้าดูเธอกลับเข้าประตูลานก่อนจะเดินกลับบ้าน
เมื่อเหรินเฟิงกลับบ้าน จินจื่ออัน แม่ของเหรินเฟิงเห็นลูกชายของเธอกลับมาก็พูดว่า “กลับมาแล้วเหรอ ไปกินข้าวก่อน มีข้าวเหลืออยู่ในหม้อ”
เหรินเฟิงพยักหน้า เขาเดินเข้าไปในครัวเปิดฝาหม้อเห็นชามโจ๊กและเกี๊ยวที่เหลือเอาไว้ให้เขาในหม้อ
จินจื่ออันมองลูกชายของเธอที่จัดจานและกินด้วยตัวเอง อดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “ลูกไปทำงานให้ยุวชนหญิงทุกวันจะได้อะไร? ทำไปทำมาไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์หรอกนะ” ลูกชายคนโตกับลูกชายคนรองแอบมาเล่าให้เธอฟังเสมอ ว่าลูกชายคนที่สามตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้ลู่เสวียอีทั้งวันแต่พวกเขาคุยกันแค่ไม่กี่คำเท่านั้น ดูจากสภาพแล้ว มันเหมือนลูกชายของเธอเป็แค่แรงงานอาสา แบบนี้ยังจะได้เื่อีกเหรอ?
“แม่ไม่ไว้ใจลูกชายแม่จริงๆ เหรอ? ปล่อยผมจัดการเถอะ ครั้งนี้ผมจะพาลูกสะใภ้เข้าบ้านมาให้แม่จริงๆ”
เมื่อรู้ความรู้สึกตัวเอง เหรินเฟิงก็ไม่เคยจริงจังกับเื่ไหนมากขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าหลายคนจะดูออกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ตัวเขาเองกลับไม่รีบร้อน
ลู่เสวียอีเป็หญิงสาวที่พิเศษมากพิเศษกว่าคนไหนๆ เขากลัวว่าถ้าตัวเองขยับผิดที่ผิดทาง เขาจะทำให้เธอจะใและหลีกเลี่ยงตัวเอง
เดิมทีเขายังมีความยับยั้งชั่งใจอยู่ แต่หลังจากได้พบเธออีกครั้ง เขาแน่ใจว่าเขาตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว เขาคงไม่สามารถมองใครเหมือนเธอได้อีกในชีวิต ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ลองดูสักตั้งล่ะ?
และเป็เพราะเขาจริงจังมาก เขาถึงได้สงบนิ่งอยู่ได้ เขาเป็ทหารที่เชี่ยวชาญเื่กลยุทธ์เป็อย่างดี
ล็อกเป้าหมาย จากนั้นค่อยโจมตี และอย่าปล่อยให้เป้าหมายมีโอกาสหลบหนีในครั้งเดียว…
ตอนนี้เป็่เวลาลาพักของเขา โชคดีที่ครั้งนี้เขายื่นลานานกว่าปกติ ดังนั้นจึงต้องฉวยโอกาสนี้ในการเข้าใกล้เธอให้มากๆ
“ลูกคงไม่ได้หลอกแม่เล่นหรอกนะ”
เหรินเฟิงหัวเราะ “จะหลอกได้ยังไง อีกอย่างผมยังต้องให้แม่ช่วยด้วยเหมือนกัน”
“เอาล่ะๆ ถ้ามั่นใจแล้วก็ลุยเลย แม่จะรอให้ลูกแต่งสะใภ้เข้าบ้าน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้