“พระชายากำลังช่วยท่านอ๋องขับพิษอยู่” เหลิ่งเหยียนตอบกลับตามตรง “เ้าสำนักเหลยได้เสาะหาหมอที่มีชื่อเสียงทั่วทั้งแผ่นดินแล้วแต่พวกเขาต่างก็ไม่สามารถรักษาพิษในตัวของท่านอ๋องได้”
ประโยคต่อจากนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้วจึงให้ซูฉีฉีลองฝังเข็มดูแต่นั่นก็มาจากความคิดที่ว่าลองดูก็ไม่เสียหายเท่านั้นเอง
ม่อเวิ่นเฉินส่งเสียงหึออกมาจากลำคอมีหรือที่เขาจะไม่รู้ความหมายที่แฝงอยู่ภายในประโยคของเหลิ่งเหยียนแต่เื่นี้ก็ทำให้คิ้วของเขาต้องกระตุกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง “ซูฉีฉี ข้าดูเบาผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว”
เขาพยักหน้าน้อยๆ เหลิ่งเหยียนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
ผู้หญิงที่ไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ ไม่ว่าจะถูกชื่นชมหรือดูถูกเช่นนั้นแม้ว่าโฉมหน้าของนางจะไม่ได้งดงามแต่กลับมีความสามารถเก่งกาจถึงเพียงนี้
“ไปสืบประวัติซูฉีฉีมาให้ข้า”ไม่นาน ม่อเวิ่นเฉินก็ออกคำสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงเ็า “ข่าวที่ข้าฟื้นแล้วนั้นห้ามแจ้งให้ใครรู้โดยเด็ดขาดและคอยจับตาดูสิว่าผู้หญิงคนนี้มีแผนการอะไรกันแน่”
“ขอรับ” เหลิ่งเหยียนกลับไปยืนอยู่ที่ขอบประตูอีกครั้ง
ฮวาเชียนจือโมโหจนถึงขั้นเขวี้ยงแจกันในห้องจนแตกกระจายเต็มพื้นผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แม้แต่หน้าของม่อเวิ่นเฉินนางก็ยังไม่ได้เห็น นางย่อมต้องอารมณ์เสียแน่นอน
เมื่อคิดถึงท่าทางของเหลิ่งเหยียนแล้วก็ยิ่งทำให้นางอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีกยิ่งเมื่อคิดไปถึงว่าั้แ่เล็กนางก็อยู่ข้างกายม่อเวิ่นเฉินมาโดยตลอดเดิมคิดว่าตำแหน่งพระชายานั้นจะต้องเป็ของนางแน่นอน แต่อยู่ๆ ตอนนี้กลับมีหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์เข้ามาแทรกยิ่งทำให้นางหงุดหงิดมากกว่าเดิม
นางสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงก่อนจะกำหมัดแน่น “ท่านพี่ ถึงแม้ท่านจะกลับมาแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ฟื้นเสียทีถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษน้องสาวคนนี้ที่...”
อากาศในค่ำคืนนั้นค่อนข้างหนาวเย็นโดยเฉพาะค่ำคืนของฤดูหนาวที่หิมะพึ่งจะตกไปนั้นยิ่งหนาวเย็นนัก
หลังจากดึงเสื้อผ้าบางๆ ของตนให้แน่นขึ้นแล้วซูฉีฉีก็ค่อยๆ เบียดตัวเองเข้าไปด้านในของเตียงตอนกลางวันนางจะไปที่เรือนหลักเพื่อฝังเข็มแก้พิษให้กับม่อเวิ่นเฉินแต่พอตกดึกนางก็ยังคงต้องกลับมาที่โรงซักล้าง มาอาศัยอยู่กับพวกคนรับใช้เหล่านี้
ท่าทีที่พ่อบ้านมีต่อนางค่อยๆ ดีขึ้น เขานำผ้านวมมาเพิ่มให้กับนางอีกผืนแต่ถึงอย่างนั้นอากาศก็ยังคงหนาวเกินกว่าจะนอนหลับได้
นางเงยหน้าขึ้นไปมองผ่านหน้าต่างไปยังทิวทัศน์ข้างนอกบางทีอาจจะเป็เพราะว่าใจของนางไม่สงบพอกระมัง
นางกำลังพนันแต่ไม่รู้ว่าตอนจบนั้นจะเป็เช่นไร
จะสามารถพลิกชะตาชีวิตได้จริงหรือ?
นางนอนไม่หลับจริงๆ จึงหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาคลุมตัวก่อนจะลุกขึ้นก้าวไปผลักประตูให้เปิดออกก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
แหงนมองแสงจันทร์ที่ว่างเปล่ากับดวงดาวที่ส่องสว่างเพียงไม่กี่ดวงนางในตอนนี้ช่างเปล่าเปลี่ยวและอ้างว้างยิ่งนัก
ทันใดนั้นข้างหลังของนางก็มีเงาของคนแวบผ่านไป...
ซูฉีฉีสะดุ้งใวินาทีต่อมานางก็ถูกบุรุษร่างใหญ่สองคนกดเอาไว้ก่อนจะฉุดกระชากนางเข้าไปในป่าลึก
ไม่มีการขัดขืนเพราะซูฉีฉีรู้ว่าในตอนนี้ต่อให้ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์อีกทั้งโรงซักล้างเป็สถานที่กันดารเช่นนี้ ร้องะโขอความช่วยเหลือยิ่งช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
นางยินยอมให้บุรุษทั้งสองคนนั้นลากนางเข้าไปในป่าลึกใจที่หวาดกลัวในตอนแรกของซูฉีฉีค่อยๆ สงบลง นางพอจะคาดเดาได้ว่าเป็ใครเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นั้นจะเริ่มหาเื่นางอีกแล้ว
เป็จริงดังคาดด้วยแสงสว่างจางๆ ของดวงจันทร์ก็ปรากฏเงารูปร่างผอมบางขึ้น
ฮวาเชียนจือยืนอยู่ตรงนั้นใบหน้างดงามประกอบกับเสื้อคลุมหนังเสือดาวดำที่พาดคลุมอยู่บนตัวนางกำลังจับจ้องไปที่ซูฉีฉี
“จะโทษข้าว่าใจคออำมหิตก็ไม่ได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษราชโองการแต่งตั้งพระชายาของฮ่องเต้ต้าเยียนตำแหน่งพระชายานี้ข้าเฝ้ารอมาตั้งหลายปีแต่กลับถูกหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเ้ามาแย่งไป”ฮวาเชียนจือกัดฟันพูดออกมา
โดยปกติแล้วแม้ว่าม่อเวิ่นเฉินจะเอ็นดูรักใคร่นาง ทว่าก็ยังคงทำตัวห่างเหิน ยิ่งไปกว่านั้นบางทีที่นางเกาะติดเขามากเกินไปเขาก็ส่งสีหน้าเ็าคืนมาให้นาง
หลังจากที่พูดจบแล้วนางก็ยกมือขึ้นฟาดลงบนหน้าของซูฉีฉี
แรงตบครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะแรงแต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังภายในเห็นได้ชัดว่าฮวาเชียนจือยังมีความเกรงกลัวอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรเสียม่อเวิ่นเฉินก็ยังคงพำนักอยู่ในจวน
แม้ว่าเขาจะสลบไม่ได้สติ แต่ก็มีโอกาสที่จะตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
เพราะเหตุนี้บนใบหน้าของซูฉีฉีจึงไม่ได้ทิ้งรอยแดงของฝ่ามือเอาไว้
หน้าของซูฉีฉีหันไปด้านข้างตามแรงตบนางกัดริมฝีปากของตน ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือกล้ำกลืนฝืนทน มิเช่นนั้นสิ่งที่แลกกลับมาก็จะเป็แรงตบตีที่รุนแรงมากขึ้น
ตอนนี้นางถือว่าตนเองได้พนันถูกแล้วไม่ว่าม่อเวิ่นเฉินจะตื่นมาแล้วประพฤติต่อนางเช่นไร อย่างน้อย สถานะของนางนั้นก็จะไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
นางพยายามอย่างมากในการช่วยเขาทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อที่จะได้รับการดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้อีก
“ใบหน้าที่อัปลักษณ์เช่นนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าเ้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้เช่นไร ถ้าหากข้าเป็เ้าล่ะก็คงจะะโแม่น้ำฆ่าตัวตายไปตั้งนานแล้ว” ฮวาเชียนจือมีโทสะอยู่ในใจตอนนี้นางแค่กำลังใช้ซูฉีฉีมาเป็ที่ระบายโทสะของตน
อะไรที่ไม่ดีก็ล้วนพูดออกมาจนหมด
ภายในป่าลึก บุรุษในชุดคลุมตัวยาวสีนิลกำลังยืนนิ่งอยู่บนกิ่งไม้มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย หางตาหรี่ลงนิดๆ ขณะกำลังมองเื่สนุกตรงหน้า
แต่ว่าเขากลับไม่มีความคิดที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่ง
เขาก็แค่มองดูอย่างเงียบๆไม่ส่งเสียงใดๆ ให้เล็ดลอดออกมา