วิ้งวิ้ง!
ร่างของเซียวเฉินดังวิ้งๆ เป็เสียงอัสนีกำลังไหลเวียน
เซียวเฉินในเวลานี้มีลายสายฟ้าเป็สายๆ สลักลงบนร่างของเขาจนแข็งแกร่ง มีกระแสอากาศทรงพลังกำลังพลุ่งพล่าน ทุกแห่งบนร่างของเขาล้วนปะทุพลัง ตามเวลาที่ล่วงเลย พลังแห่งอัสนีทั้งหมดมารวมอยู่บนกระดูกสันหลังของเขา สุดท้ายซ่อนเร้นไร้ร่องรอย ชั่วขณะนี้ ร่างของเขากำลังสั่นสะท้านเบาๆ
ร่างเทพอัสนีถึง่เวลาสำคัญที่สุด
อัสนี์ชุบกาย ร่างเทพอัสนีสำเร็จ!
หากล้มเหลว ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่า หากสำเร็จ ก็คือการแปลงร่างอย่างหนี่งของเซียวเฉิน!
กายเนื้อเทียบได้กับสัตว์ปิศาจและผู้ฝึกวิชายุทธ์ร่างกาย และถึงขั้นเหนือกว่าที่คิดไว้ บวกกับความสามารถในการต่อสู้ของเขา เกรงว่าสามารถสัประยุทธ์กับผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้าสามชั้นฟ้าระดับสูงสุดได้!
โฮก!
ในเวลานี้เอง นอกถ้ำมีเสียงสัตว์คำราม
อีกทั้งดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกล
เื่นี้ทำให้เซียวเฉินขมวดคิ้ว
“กังวลอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ...” เซียวเฉินแอบบ่นในใจ
แต่เซียวเฉินยังโคจรหล่อหลอมอัสนีอย่างต่อเนื่อง เขาเร่งความเร็วในการฝึกวิชา ไม่ว่าอย่างไร ต้องฝึกร่างเทพอัสนีให้สำเร็จ ต้องสำเร็จ!
ในเวลานี้เอง พลันมีเงาร่างหนึ่งปราดเข้ามาในถ้ำ
เซียวเฉินไม่ขยับ ยังรักษาท่วงท่าเดิมไว้
ส่วนเงาร่างนั้นราวกับมองไม่เห็นเซียวเฉิน ดวงตาโตฉลาดเฉลียวจับจ้องตรงปากถ้ำตลอด เกรงว่าจะถูกพบเห็น ครู่ต่อมา ในที่สุดก็ระบายลมหายใจ
“อา...อันตรายมาก อีกนิดเดียวจะถูกพบแล้ว...”
เมื่อส่งเสียง สีหน้าของเซียวเฉินก็เปลี่ยนเป็พิกลทันใด เพราะคนที่เข้ามาเป็สตรี...
สตรี...
เวลานี้ เซียวเฉินปั่นป่วนวุ่นวายใจ
ซูเฉินซีหันหน้ามามอง แล้วตกตะลึงคาที่
ที่นี่มีคน!
มีบุรุษที่ไม่สวมเสื้อผ้าคนหนึ่ง!
ชั่วขณะก็ใจนพูดไม่ออก ดวงตาโตคู่นั้นเบิกกว้าง เซียวเฉินย่อมรู้สึกได้ แต่ตอนนี้เขาพูดไม่ได้ ได้แต่ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “อย่ารบกวนข้า ข้ากำลังฝึกวิชา เป็่หัวเลี้ยวหัวต่อ!”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ไม่ส่งเสียงอีก
ซูเฉินซีเบ้ปาก “ประหลาดคนจริงๆ ฝึกวิชาก็ไม่สวมเสื้อผ้า ชิ หมาป่าราคะ”
เซียวเฉินจนใจ
ไม่ใช่เขาไม่สวมเสื้อผ้า แต่สวมไม่ได้ต่างหาก
ไม่เช่นนั้น เ้านึกว่าใครจะยอมเปลือย!
ซูเฉินซีเดินพลางฟื้นฟูกำลังกาย แต่บางครั้งบางคราวจะใช้สายตามองพินิจเซียวเฉิน ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ แม้เซียวเฉินไม่ลืมตา แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองตนเอง
จึงอดถ่ายทอดเสียงมาอีกไม่ได้
“ห้ามมองข้านะ เด็กผู้หญิงอย่างเ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่?”
ซูเฉินซีรีบเบือนหน้าไป แล้วแค่นเสียง “ข้าไม่มองเ้าหรอก ในเมื่อกลัวถูกมอง แล้วทำไมเ้าไม่สวมเสื้อผ้าล่ะ เปลือยก็เพื่อให้คนมองไม่ใช่หรือ...”
ซูเฉินซีพูดเสียถูกต้องชอบธรรม เซียวเฉินไร้วาจาตอบโต้
ส่วนสายฟ้าภายในร่างของเซียวเฉินก็ใกล้หล่อหลอมเข้าสู่ร่างกายหมดแล้ว เวลานี้ ร่างของเขามีกระแสไฟแลบแปลบปลาบ เสียดแทงั์ตา ซูเฉินซีที่อยู่ด้านข้างใ
ครู่หนึ่ง เงาร่างของเซียวเฉินก็หายวับ
“คนล่ะ ทำไมหายไป?”
ซูเฉินซีประหลาดใจ
“อยู่ตรงนี้” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง เซียวเฉินสวมเสื้อผ้าแล้ว เขายืนมองซูเฉินซีอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าจนปัญญา
“ทำไมเ้าไม่สวมเสื้อผ้า?”
ซูเฉินซีถามด้วยท่าทางสงสัยอย่างยิ่ง
เซียวเฉินเอ่ย “ข้ามิได้ไม่สวมเสื้อผ้า แต่ถูกพลังะเืฉีกขาดตอนฝึกวิชา ตอนนั้นข้ากำลังอยู่ใน่สำคัญจึงไม่ทันได้สวมเสื้อผ้า”
“อา...” ซูเฉินซีลากเสียงยาว ความหมายลึกล้ำ
“ข้ายกถ้ำนี้ให้เ้า” ว่าแล้วเซียวเฉินก็หันกายจากไป เดิมทีเขาหาถ้ำนี้เพื่อฝึกวิชา แต่ตอนนี้ฝึกร่างเทพอัสนีสำเร็จแล้ว เขาย่อมไม่จำเป็ต้องอยู่ที่นี่อีก
“เ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเ้าชื่ออะไร?”
ซูเฉินซีเรียกเสียงดัง
เซียวเฉินจากไปทันทีโดยไม่ตอบ
เขากับนางเป็คนแปลกหน้ากัน ไม่จำเป็ต้องแจ้งชื่อแซ่
เซียวเฉินจากไปอย่างว่องไว ระหว่างที่หายใจไม่กี่ครั้งก็หายลับ การไม่ตอบสนองของเซียวเฉินทำให้ซูเฉินซีมีโทสะจนกระทืบเท้า
“เ้าบ้าเปลือย อย่าให้ข้าจับเ้าได้นะ!”
...
“เชี่ยนเอ๋อร์ ศิษย์พี่ซู พวกเ้าอยู่ที่ใด?”
เซียวเฉินพึมพำ มาเขติญญาได้สามเดือนแล้ว แต่ไม่รู้ที่อยู่ของเชี่ยนเอ๋อร์และศิษย์พี่ซูมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็อย่างไรบ้าง
“ต้องรีบตามหาพวกเขา”
เงาร่างของเซียวเฉินหายลับไปอย่างรวดเร็ว
สามวันต่อมา ณ พื้นที่แห่งหนึ่งในเขติญญา
“พวกเ้าได้ยินหรือไม่ เขติญญาตะวันออกปรากฏสุสานของผู้เข้มแข็ง ถึงตอนนั้น เขติญญาอื่นๆ จะไปสำรวจสุสานและฉวยโอกาสค้นหาร่องรอยของผู้เข้มแข็ง”
“ข้าก็ได้ยินมา”
“ถึงเวลาเขติญญาอื่นๆ จะแย่งชิงกัน เห็นว่านั่นคือสุสานหลังวายชนม์ของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ ด้านในต้องมีสิ่งล้ำค่าที่สร้างโชควาสนาได้แน่ๆ พวกเราต้องไปชิงผลประโยชน์มาสักส่วนหรือไม่?”
ทุกคนพูดเ้าทีข้าที ดวงตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและวาดหวัง
ผู้เข้มแข็งขั้นดารา์หรือ นั่นเป็ผู้เข้มแข็งขั้นสุดยอดเชียวนะ โลกนี้จะมีผู้เข้มแข็งขั้นดารา์สักกี่คนกัน ใช้สิบนิ้วก็นับได้ถ้วน...
ในเวลานี้เอง มีเงาร่างสองสายผ่านมา เป็หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี บุรุษหล่อเหลา สตรีงามล่มเมือง คนทั้งสองมีรูปโฉมและความสามารถโดดเด่น
สองคนนี้คือซูเฉินเทียนและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
พวกเขาสองคนเจอกันเมื่อห้าวันก่อน แต่กลับไม่รู้ที่อยู่ของเซียวเฉิน พวกเขาฝึกวิชาพลางค้นหาเซียวเฉิน
เวลาสามเดือน แม้ตอนแรกเริ่มทุกข์ทน แต่ต่อมาก็ปรับตัวได้ พวกเขาเป็ห่วงเซียวเฉินมากกว่า ถึงอย่างไรเขาเพิ่งเข้าสถานศึกษา ยังไม่รู้เื่ราวกระจ่างก็ต้องมาฝึกวิชาที่เขติญญา
เผชิญหน้ากับคลื่นสัตว์และความสับสนอลหม่าน เขาจะผ่านมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?
“สหาย เขติญญาตะวันออกที่เ้าว่ามีสุสานของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ปรากฏขึ้นเป็ความจริงหรือ?” ซูเฉินเทียนที่เดินอยู่เบื้องหน้าส่งเสียงถาม คนกลุ่มนั้นมองคนทั้งสองแวบหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกาย บุรุษหล่อเหลาสตรีโฉมงาม จากนั้นพยักหน้า
“เป็ความจริงแน่นอน นี่คือสิ่งที่คนของสำนักเ้าเทียนในกลุ่มอิทธิพลเขติญญาตะวันออกแพร่ออกมา”
ความจริงในเขติญญาเท่ากับจักรวาลเล็กๆ แยกจากโลกภายนอก ด้านนั้นกลายเป็โลกใบหนึ่ง คนส่วนมากในโลกนี้ล้วนมิใช่ชนชั้นมีเมตตา เมื่อหลายร้อยปีก่อน ผู้เข้มแข็งของสถานศึกษาชางหวงย้ายไปอยู่ในสถานศึกษาชางหวงและใช้พลังอภิญญาระดับสูงผนึกมันเอาไว้ จากนั้นใช้วงเวทเชื่อมต่อ กลายเป็พื้นที่ฝึกประสบการณ์ส่วนตนแห่งหนึ่งของสถานศึกษาชางหวง บางครั้งก็ส่งศิษย์ไปฝึกฝน
โชควาสนาที่ได้พบในนี้ไร้ขีดจำกัด แต่ก็อันตรายอย่างยิ่งเช่นกัน
ซูเฉินเทียนผงกศีรษะ
“เช่นนั้น เขติญญาตะวันออกอยู่ที่ใด พวกเราสองคนพี่น้องคิดจะไปดูสักหน่อย” ซูเฉินเทียนยิ้มกล่าว คนที่นี่ไม่แน่ว่าจะชั่วหมด คนดีก็มีอยู่เช่นกัน ดังนั้น ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่เผยเจตนาร้าย โดยพื้นฐานคือยังสงบสุข
คนผู้นั้นมองซูเฉินเทียนและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “พวกเ้าไม่ใช่คนเมืองเทียนสินะ จึงไม่รู้จักกระทั่งเขติญญาตะวันออก เมืองเทียนเราตั้งอยู่ที่เขติญญาใต้ เป็ปฏิปักษ์กับเขติญญาตะวันออก เ้ามุ่งตะวันออกไปตลอดทางประมาณพันหลี่ก็พอ”
“ขอบคุณ”
หลังซูเฉินเทียนขอบคุณก็พามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไปจากที่นี่
ระหว่างทาง มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว “ศิษย์พี่ซู ยังไม่มีข่าวคราวของเซียวเฉินเลย ท่านว่าเขาจะ...” เอ่ยถึงตรงนี้ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ไม่ได้พูดต่อ สีหน้าไม่น่ามองแฝงความร้อนใจ
ซูเฉินเทียนมองนางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยปลอบใจ “วางใจเถอะ เซียวเฉินไม่เกิดเื่หรอก เ้าหนูนั่นเ้าแผนการ แม้ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด แต่ต้องมีชีวิตอยู่แน่ คราวนี้ เขติญญาตะวันออกมีสุสานของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ปรากฏขึ้น นับเป็โชควาสนาที่ไม่เลว หากได้มาสักหน่อยคงโชคดี”
ว่าแล้วใบหน้าของซูเฉินเทียนก็มีรอยยิ้ม
“สถานศึกษาชางหวงเรามีคนเข้ามาหกคน ตอนนี้มีเพียงพวกเราสองคนที่เจอกัน ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถึงเวลาพวกเราอาจจะได้พบกันที่เขติญญาตะวันออก”
“ท่านหมายถึงสุสานของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์หรือ?” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว
ซูเฉินเทียนแย้มยิ้มพยักหน้า “ถูกต้อง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด แต่ข้าคิดว่าต้องยังอยู่ในเขติญญานี้แน่นอน ภายในเขติญญาทั้งสี่ ในเมื่อเขติญญาตะวันออกมีสุสานของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ปรากฏขึ้น พวกเขาต้องได้ยินข่าวนี้และไปที่นั่นแน่ ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้พบกัน”
ใบหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีรอยยิ้ม
“รอดูว่าอีกสามคนของสถานศึกษาจะเป็ใคร”
“ใช่ จะเป็สามคนใดนะ...”