“เรียนคุณหนูรองบ่าวเพิ่งเข้ามาในจวนเหนียนได้ไม่นานนักเ้าค่ะ"จื่อเยียนบิดผ้าเช็ดหน้าด้านหนึ่ง ตอบกลับเหนียนยวี่อย่างนอบน้อม “เมื่อก่อนบ่าวทำงานในห้องซักผ้าเ้าค่ะคุณหนูใหญ่เห็นว่าบ่าวนั้นคล่องแคล่วว่องไวจึงให้บ่าวมาปรนนิบัติรับใช้คุณหนูรองเ้าค่ะ”
"พี่ใหญ่ลำบากเพื่อข้าแล้ว”เหนียนยวี่พึมพำ จื่อเยียนก็รีบพูดตามขึ้นมาทันที"ยามที่บ่าวเข้ามาในจวนเหนียน ก็ได้ยินพวกข้ารับใช้คนอื่นว่ากันว่าคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองมีความรักความผูกพันที่ดีต่อกันอย่างมาก ทำให้ผู้คนต่างล้วนอิจฉากันมากเ้าค่ะ"
อิจฉางั้นหรือ?
เหนียนยวี่ไม่เอ่ยอะไร ผ่านไปสักพัก เหนียนยวี่ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จจื่อเยียนราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ รีบหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากในอกเสื้อยื่นให้เหนียนยวี่ด้านหน้า "คุณหนูรองเ้าคะเมื่อครู่บ่าวพบเด็กรับใช้ที่เฝ้าประตู เขาเอาสิ่งนี้ให้บ่าว ฝากบ่าวส่งให้ท่านจะพูดก็คือ...ก็คือมีใครบางคนส่งมาให้ั้แ่รุ่งสางแล้วเ้าค่ะ"
เหนียนยวี่มองของในมือจื่อเยียนที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าปักลายเพียงแค่ลวดลายและเนื้อผ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ก็รู้แล้วว่ามิใช่ผ้าธรรมดา
คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย มีใครบางคนส่งมาให้ั้แ่รุ่งสางงั้นหรือ?
เหนียนยวี่รับมันจากจื่อเยียน เปิดออกต่อหน้าจื่อเยียนอย่างไม่ปิดบังในห่อผ้าปักยังมีผ้าสีไหมขาวบางอีกชั้นคนที่ส่งของมาให้ดูเหมือนจะหวงแหนสิ่งของที่ห่อไว้ภายในอย่างมาก ห่อไว้อย่างประณีตนัก
ภายในผ้าไหมสีขาวบางเป็กระดาษสาธรรมดาเหนียนยวี่คลี่ออก ยามที่เห็นเนื้อหาบนกระดาษสา สีหน้าก็งงงันไปเล็กน้อย
บนกระดาษสาแผ่นนั้น มีภาพวาดภาพหนึ่งเป็ภาพทิวทัศน์บนเกาะในทะเลสาบของจวนมู่อ๋อง และจิตรกรที่วาดภาพนี้...
ใบหน้านั้นผุดขึ้นในหัวของเหนียนยวี่ มุมปากยกยิ้ม นางหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อยภาพวาดทั้งหมดของจ้าวเยี่ยนในวันนั้น นางเคยเห็นหมดแล้ว ทุกสิ่งที่เขาวาดนั้นมีชีวิตชีวาเหมือนจริงและภาพตรงหน้านี้...ภาพสตรีผู้หนึ่งมือถือจอกสุราใต้ต้นหลิวนั้น ค่อยๆเงยศีรษะขึ้นดื่ม
มองดูร่องรอยหมึก ไม่เหมือนพึ่งวาดเสร็จ
หึ ท่านอ๋องหลีผู้นี้ ส่งภาพวาดมาที่นี่ในเวลาเช่นนี้ ้าทำอะไรกันแน่?
จากนิสัยของเขาเขาจะไม่ทำเื่อะไรที่ไร้ประโยชน์เช่นนั้นแน่
"คุณหนูรอง้านี้มีตัวอักษรเขียนอยู่ด้วยเ้าค่ะ" จู่ๆ จื่อเยียนก็พูดขึ้นพลางชี้ไปที่ผ้าไหมสีขาวบางที่วางอยู่บนโต๊ะ "คุณหนูรอง บ่าวไม่รู้หนังสือท่านลองอ่านดูเร็วเข้าเ้าค่ะ มันเขียนว่าอะไร?"
เหนียนยวี่เหลือบมองจื่อเยียนและหยิบผ้าไหมสีขาวบางขึ้นมาดู มีตัวอักษรอยู่ไม่กี่คำ
คืนนี้ ที่ริมทะเลสาบนิรนาม
ความทรงจำมากมายในชาติก่อนผุดขึ้นมาในหัวริมทะเลสาบนิรนาม หน้าวัดหนี่วา เขาจับมือนาง กระซิบถ้วยคำข้างหูนาง สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปภาพเ่าั้ราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน...
และเวลานี้ เขากล่าวถึงสถานที่แห่งนี้ ้าจะใช้วิธีการเดิมอีกครั้งจริงๆงั้นหรือ?
ในสายตาของเขาตัวนางคนนี้ที่เกือบไต่เต้าขึ้นไปหาองค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่ตำแหน่งสูงส่งกว่า ทว่าเป็แค่บุตรีอนุตัวน้อยๆที่พลาดพลั้งตกลงมา ยังจะมีประโยชน์อะไรได้อีก?
เหนียนยวี่ยิ้มเยาะเล็กน้อย สายตาประชดประชันพาดผ่านเข้ามาชั่วแวบหนึ่งรวบผ้าไหมสีขาวและกระดาษภาพวาด เดินออกจากห้องไป
หนึ่งวันก่อนเทศกาลฉีเฉี่ยว ทั่วทั้งเมืองชุ่นเทียนคึกคักขึ้นมาก
ตามธรรมเนียมของเป่ยฉี ในคืนก่อนเทศกาลฉีเฉี่ยว เมืองชุ่นเทียนจะเริ่มมีการจัดเทศกาลโคมไฟขนาดใหญ่เทศกาลโคมไฟนี้จะคงอยู่จนถึงวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด ในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดฮ่องเต้และฮองเฮาจะจัดงานเลี้ยงในสวน หลังงานเลี้ยงในสวน ก็คืองานเลี้ยงฉีเฉี่ยว ในเมืองชุ่นเทียน มีเพียงเหล่าคุณหนูจวนขุนนางระดับสูงและจำเป็ต้องเป็บุตรีที่เกิดจากภรรยาหลวงเท่านั้นถึงจะได้รับเชิญ
ในชาติก่อน เหนียนยวี่หลังกลับมาจากการชนะศึกาก็เคยได้เข้าร่วมครั้งหนึ่งในฐานะบุรุษ
ทว่าในชาตินี้ เหนียนยวี่เดิมทีไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าร่วมทว่าเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ นามของเหนียนยวี่จึงเข้าไปอยู่ทะเบียนของราชสำนักเพราะเหตุนี้รายชื่อของนางจึงได้รับเชิญด้วย
ได้ยินมาว่าฮองเฮาอวี่เหวินมีเจตนาจะตกลงเื่งานสมรสของท่านอ๋องมู่ในวันนี้ด้วย!
เหนียนยวี่เพิ่งออกจากจวนเหนียน เหนียนอีหลานก็รีบออกไปข้างนอกด้วยรถม้ามุ่งหน้าไปทางจวนหนานกง นางเดินทางด้วยความกระสับกระส่ายอย่างยิ่งยวด
เมื่อถึงจวนหนานกงเหนียนอีหลานก็ไปที่ลานเรือนของหนานกงฉี่อย่างคุ้นชิน
"เอ้อเปี่ยวเกอ..." รอบๆ ไม่มีใครอยู่ เหนียนอีหลานผลักประตูเข้าไปเห็นบุรุษผู้หนึ่งนั่งอ่านบัญชีอยู่ที่โต๊ะ ดวงตาของเขากระตือรือร้นขึ้นเล็กน้อย
"อีหลานหรือ?" ในห้องพลันมีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น เหนียนอีหลานมึนงงไปเล็กน้อยจากนั้นก็เพิ่งสังเกตเห็นว่านอกจากหนานกงฉี่ที่อยู่ในห้องแล้วยังมีหนานกงจื้ออยู่ด้วยเช่นกัน
ทันทีที่หนานกงจื้อเห็นเหนียนอีหลาน เขาก็ลุกขึ้นต้อนรับนางใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็ห่วง "ว่าแต่เกิดเื่อะไรขึ้น เหตุใดเ้าจึงรีบร้อนมาเช่นนี้?"
เหนียนอีหลานได้สติ เพียงชั่ววูบ บนใบหน้าก็กลับมาแย้มบานด้วยรอยยิ้มอีกครั้งย่อตัวทำความเคารพต่อหนานกงจื้อ "ต้าเปี่ยวเกอ อีหลานไม่ได้เป็อะไรทว่าข้าได้ยินว่าเอ้อเปี่ยวเกอกลับมาแล้ว ดังนั้นจึงมาหาเสียหน่อย"
ความเหินห่างอย่างกะทันหันของเหนียนอีหลานหนานกงจื้อเห็นทุกอย่างในสายตา ความรู้สึกสูญเสียก็สาดซัดเข้ามาในใจทันทีทันใด ครั้งยังเป็เด็กคนที่อีหลานสนิทด้วยมากที่สุดคือเขา ทว่าไม่รู้ว่าเริ่มั้แ่เมื่อไหร่ที่ความใกล้ชิดของเหนียนอีหลานกับน้องรองจะสนิทกันยิ่งกว่าตนเอง
"พี่ใหญ่ไม่ใช่ท่านยังมีเื่อะไรต้องไปทำงั้นหรือ?" หนานกงฉี่วางสมุดบัญชีลงและเหลือบมองคนทั้งสอง
“ใช่ ข้ายังมีงานต้องไปทำ เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ”หนานกงจื้อไม่รู้ว่าเหตุใดหนานกงฉี่้าจะไล่เขาออกไป
ทว่า...เขาเหลือบมองเหนียนอีหลานหนานกงจื้อก็ชะงักไปเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ก้าวเท้าออกจากห้องไป
ประตูที่อยู่ด้านหลังถูกปิดลงเหนียนอีหลานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"เอาล่ะ พี่ใหญ่ออกไปแล้วเ้าพูดมาเถิดว่าที่เ้ารีบร้อนเยี่ยงนี้ เป็เพราะท่านอ๋องมู่อีกแล้วใช่หรือไม่?"สายตาของหนานกงฉี่หันกลับมาก้มมองสมุดบัญชีในมือน้ำเสียงนั้นเงียบสงบ
เหนียนอีหลานได้สติ คิดอะไรบางอย่างได้ จู่ๆดวงตาก็แปรเปลี่ยนเป็ดุร้าย "เอ้อเปี่ยวเกอ ข้าทนรอไม่ไหวแล้วท่านต้องรีบลงมือบ้างแล้ว ช่วยข้าทำลายนาง"
นางหรือ?
“เหนียนยวี่หรือ?” หนานกงฉี่เลิกคิ้ว แล้วมองเหนียนอีหลานอย่างตั้งใจ วางสมุดบัญชีในมือลงลุกขึ้นและรินชาร้อนถ้วยหนึ่งให้เหนียนอีหลาน “ทำไมหรือเกิดเื่อะไรขึ้น จึงทำให้เ้าทนรอไม่ไหวได้ขนาดนี้?"
“ใช่ ข้าทนรอไม่ไหวแล้ว แค่อีกนิดเดียวข้าก็ทนรอไม่ไหวแล้ว” เหนียนอีหลานถือถ้วยน้ำชา แววตาเคร่งขรึม “เอ้อเปี่ยวเกอวันนี้ตอนเช้ามีใครบางคนส่งของมาให้เหนียนยวี่สตรีชั้นต่ำนั่น เป็รูปภาพหนึ่งจากคำบอกเล่าของจื่อเยียนในภาพวาดนั้นเป็ภาพของเหนียนยวี่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้กำลังดื่มสุรา”
"ดื่มสุรางั้นหรือ?" หนานกงฉี่ลุกขึ้นและเดินกลับไปที่โต๊ะ เอนหลังพิงเก้าอี้ค่อนข้างไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง "ในภาพนางดื่มสุราแล้วอย่างไร ก็เป็แค่ภาพวาด"
“ไม่ นั่นไม่ใช่ภาพวาดธรรมดา ทิวทัศน์ในภาพวาดนั้นอยู่บนเกาะเล็กๆข้าได้ยินมาว่าในจวนมู่อ๋องมีเกาะอยู่ใจกลางทะเลสาบภาพวาดนั่นต้องเป็ภาพวาดของมู่อ๋องแน่” เหนียนอีหลานกล่าวออกมา ความหึงหวงในดวงตามิอาจปกปิด“ไม่เพียงแค่นั้น บนผ้าไหมสีขาวบางที่ห่อภาพวาดภาพนั้น ยังเขียนลงไปว่า คืนนี้ ที่ริมทะเลสาบนิรนามเอ้อเปี่ยวเกอ ยามปกติ ท่านอ๋องมู่มาหาเหนียนยวี่ ก็มักจะมาที่จวนเหนียนทว่าครั้งนี้กลับนัดพบกันที่ริมทะเลสาบนิรนาม นั่นคือคืนนี้…พวกเขาจะต้อง...”
เหนียนอีหลานครุ่นคิดเกี่ยวกับการคาดเดาของตนเอง ราวกับมิอาจพูดต่อไปได้แววตาฉายแววตื่นตระหนกและวิตกกังวล "จะทำอย่างไรดี ท่านคิดว่าควรทำอย่างไร?"
“ทะเลสาบนิรนามหรือ?” หนานกงฉี่หรี่ตา พลางพึมพำ “ทะเลสาบนิรนาม...ตกลงเื่แต่งงาน"
“ไม่ ข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาตกลงการแต่งงานเช่นนี้แน่ ไม่มีทางเด็ดขาด หากพวกเขาตกลงแต่งงานกันจริงๆเช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรดี?” เหนียนอีหลานกัดฟันแน่น สีหน้ากระวนกระวายหันมองหนานกงฉี่ และฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา ั์ตาฉายแววแรงกล้าอย่างยิ่งยวด“เพราะฉะนั้น เอ้อเปี่ยวเกอ ข้าอยากให้ท่านรีบลงมือให้เร็วที่สุดท่านต้องช่วยข้า"