“ช่วยสิ ข้าต้องช่วยเ้าแน่นอน”หนานกงฉี่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น เขาเองก็รับรู้ถึงความร้ายแรงของปัญหานี้หากจ้าวอี้และเหนียนยวี่ตกลงแต่งงานกันจริงๆ ตรองจากความรักของฮ่องเต้หยวนเต๋อที่มีต่อจ้าวอี้หากจ้าวอี้ขอพระราชทานให้สมรสกับเหนียนยวี่ ฮ่องเต้หยวนเต๋อแม้ไม่เห็นด้วยง่ายๆทว่าหากจ้าวอี้ยืนกราน ท้ายที่สุดแล้วฮ่องเต้หยวนเต๋อก็คงได้แต่ต้องยินยอมเห็นด้วย
หากเป็เช่นนั้นตระกูลหนานกงที่อยากจะส่งคนของตัวเองขึ้นไปเป็มู่อ๋องเฟย ความหวังนั้นก็คงเลือนรางด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้น เหนียนยวี่ผู้นี้...
หนานกงฉี่ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งเหลือบมองเหนียนอีหลาน "เ้าลองพูดดู เ้าคิดจะทำลายนางอย่างไร?"
“ข้า้าให้นางไม่ไปเจอท่านอ๋องมู่ในคืนนี้หากเหนียนยวี่กลายเป็เหมือนจ้าวอิ้งเสวี่ยที่ถูกทำลายความบริสุทธิ์...”แววตาของเหนียนอีหลานเคร่งขรึม ความริษยาหึงหวงทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็ความชั่วร้ายหากเหนียนยวี่ถูกทำลายความบริสุทธิ์ นางจะต้องไม่มีหน้ามาเจอมู่อ๋องแน่ยิ่งกว่านั้นความเป็ไปได้ใดๆ ก็ตามกับท่านอ๋องมู่ก็จะหายไปอย่างสิ้นเชิง
ท้ายที่สุดแล้วราชวงศ์จะทนให้ท่านอ๋องมู่รับมู่อ๋องเฟยที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปได้อย่างไร?
ถึงแม้ท่านอ๋องมู่จะยังคงชื่นชอบเหนียนยวี่ต่อไปทว่าราชวงศ์ก็คงไม่ยอมให้ความอัปยศเช่นนี้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน
เมื่อนึกถึงตรงนี้เหนียนอีหลานที่กำผ้าเช็ดหน้าอยู่ ก็ยิ่งใช้แรงกำผ้าแน่น คืนนี้...ในคืนนี้นางต้องทำให้เหนียนยวี่ที่แย่งชิงสายตาของท่านอ๋องมู่ไปต้องไม่มีทางกลับมาสภาพดีดังเดิมอีกตลอดไป!
"หึ ตามใจเ้าปรารถนา"หนานกงฉี่เลิกคิ้ว ชูถ้วยชาขึ้นให้เหนียนอีหลาน ดวงตาลึกๆนั้น ราวกับงูที่กำลังแลบลิ้น ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
เวลาก่อนพลบค่ำถนนในเมืองชุ่นเทียนเต็มไปด้วยโคมไฟหลากสี
เหนียนยวี่เดินบนถนนผ่านหลินหลางซวนอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลง
"คุณหนูรองพวกเราจะเข้าไปข้างในหรือไม่เ้าค่ะ" จื่อเยียนเดินข้างๆ เหนียนยวี่เหลือบมองหลินหลางซวน
"ไม่ ไม่ต้อง"เหนียนยวี่เอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าสาวใช้ที่เหนียนอีหลานหามาครั้งนี้ ทำหน้าที่ตัวเองได้ดียิ่งกว่าสาวใช้สองคนก่อนหน้านี้ ั้แ่ติดตามนางมา ก็คอยวนเวียนอยู่กับนางตลอด ราวกับเงาตามตัว
"คุณหนูรอง ตอนนี้พวกเราจะไปที่ใดหรือเ้าคะ?"จื่อเยียนถามหยั่งเชิง
ไปที่ใดงั้นหรือ?
“ก็แค่เดินเล่นไปทั่ว ทำไมหรือ?จื่อเยียน เ้าเหนื่อยแล้วงั้นหรือ หากเหนื่อยแล้ว เ้ากลับไปก่อนได้เลย"เหนียนยวี่ปรายตามองจื่อเยียนแวบหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวจื่อเยียนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "ไม่เ้าค่ะ บ่าวไม่เหนื่อยเลยเ้าค่ะบ่าวแค่กังวลว่าคุณหนูรองจะเหนื่อยเ้าค่ะ"
"จริงๆ ข้าเองก็เหนื่อยนิดหน่อย" เหนียนยวี่ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ แล้วเดินไปทางโรงน้ำชาร้านหนึ่ง
จื่อเยียนไม่คาดคิดว่าเหนียนยวี่จะนั่งในโรงน้ำชาได้ทว่านั่งครั้งนี้ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว ก็ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะออกไป
ข้างหน้าต่าง เหนียนยวี่ยกถ้วยชาและค่อยๆ จิบชาตำแหน่งตรงนี้ สามารถมองเห็นฝูงชนบนท้องถนน ยิ่งกว่านั้นยังสามารถเห็นหลินหลางซวนฝั่งตรงข้ามได้
นึกถึงนายท่านเก้าตระกูลซู เหนียนยวี่ก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้น ได้ยินว่าอาการของฮูหยินหลินหลางกลับมาดีขึ้นแล้ว ดูท่าแล้วศิษย์พี่ผู้นั้นของนาง คงหาช่องทางได้แล้ว
ชาติภพต่างกัน ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ของตนผู้นี้จะยังคงเป็เช่นเมื่อชาติก่อนหรือไม่?
หลินหลางซวน
ในห้องบนชั้นสอง ซูยวิ่นรออยู่หน้าเตียง
สตรีผู้หนึ่งหลับตาอยู่บนเตียงสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับวันก่อน
และด้านหน้าเตียงยังมีบุรุษอีกคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย จดจ่ออยู่กับการฝังเข็มดวงตานั้นสงบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ ยามนี้ ในดวงตาของเขามีแค่เพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
ซูยวิ่นชำเลืองมองเขา ดวงตาฉายแววชื่นชมสรรเสริญไม่นานก่อนหน้านี้ ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นยังเต็มไปด้วยความโกรธเคืองเขาจำได้อย่างชัดเจน เพียงเขาหยิบเข็มเงินออกมา ก็เหมือนเปลี่ยนเป็คนละคนเลยทีเดียว
ได้ยินว่าอาจารย์เย่าชานรักษาและปรุงยาจนเป็นิสัยเกรงว่าข่าวลือนั้นจะจริง แม้แต่ศิษย์ที่สั่งสอนมาก็ยังเป็หมอที่สมบูรณ์แบบผู้หนึ่ง
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดหมอก็ดึงเข็มเงินออกจากคนไข้เขาลุกขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง เดินไปที่โต๊ะข้างๆ และเขียนใบสั่งยา
“ท่านเก้าจัดยาตามใบสั่ง ต้มน้ำแช่ตัว”เซียวหรานจรดเขียนคำสุดท้าย เมื่อเขาเงยหน้ามองซูยวิ่น ความสงบและสมาธิในดวงตาที่มีต่อคนไข้ก่อนหน้านี้หายวับไปทันทีแววตานั่น...
ในใจซูยวิ่นกระตุกรู้ว่าคนที่ควรมาก็ยังต้องมาเช่นเดิม
"ท่านเก้าบอกว่าคนที่สวมรอยเป็ข้าจะมาหาแน่ทว่าตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เหตุใดถึงยังไม่พบ?" เซียวหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็มิตร "หรือว่าท่านเก้าโกหกงั้นหรือ?"
“ไม่ ไม่ ไม่ ตระกูลซูไม่โกหกแน่นอน มิบังอาจหลอกลวงคุณชาย”ซูยวิ่นกล่าวอย่างเร่งรีบ สองคิ้วขมวดแน่น “แม่นางท่านนั้น...คาดว่าน่าจะมีเื่ จึงยังไม่ปรากฏตัว”
แม่นางงั้นหรือ?
“เ้ามั่นใจหรือว่าคนผู้นั้นคือแม่นาง?” เซียวหรานขมวดคิ้ว แม้จะได้ยินซูยวิ่นพูดมานับครั้งไม่ถ้วนเขาก็ยังคงแปลกใจและสงสัย ยังคงไม่เต็มใจเชื่อ ทั้งยังไม่กล้าเชื่ออีกด้วย
วันนั้นเขาได้ยินข่าวว่าศิษย์ของอาจารย์เย่าชานรักษาโรคให้ฮูหยินของนายท่านเก้าตระกูลซูจึงได้รู้ว่ามีใครบางคนสวมรอยแอบอ้างเป็เขา
ชื่อเสียงของท่านอาจารย์เขาไม่ยอมให้ใครมาทำให้ด่างพร้อยดังนั้นเขาจึงมาที่นี่โดยมีเป้าหมายเพื่อจับคนที่สวมรอยเป็เขาทว่าเมื่อเขาตรวจอาการของฮูหยินหลินหลางแล้วก็รู้ว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่ง่ายเช่นที่เขาคิดไว้
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่สวมรอยแอบอ้างชื่อเขาใช้วิธีฝังเข็มเงินเพื่อยืดชีวิตของฮูหยินหลินหลาง และวิธีนั่น...แม้เป็เขาลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของอาจารย์เย่าชาน ยังได้เรียนแค่ตื้นเขิน
ทว่าคนผู้นั้น...
แม่นาง...หญิงสาวคนหนึ่งจะใช้วิธียืดชีวิตที่เป็ทักษะลับของอาจารย์ได้อย่างไร?
“ข้ามั่นใจไม่ว่าคุณชายจะถามอีกกี่ครั้ง ข้าก็ยังคงมั่นใจ...มั่นใจว่าเป็หญิงสาวผู้หนึ่งจริงๆ” ซูยวิ่นกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าเองก็แปลกใจมากเช่นกัน แม่นางคนนั้นรูปร่างหน้าตาอายุแค่สิบกว่าปีเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีความชำนาญในการรักษาเช่นนั้น”
เขาเชื่อว่าแม่นางคนนั้นเองก็สามารถรักษาโรคของหลินหลางได้ทว่าเป้าหมายของนาง...คือ้าให้เซียวหรานปรากฏตัวออกมา
ตอนนี้เซียวหรานก็ปรากฏตัวออกมาแล้วและเป็เช่นที่นางกล่าว เขาจะรักษาหลินหลางได้อย่างแน่นอน คิดอะไรบางอย่างได้ดวงตาซูยวิ่นแฝงนัยลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ความชำนาญในการรักษาของแม่นางท่านนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนประหลาดใจทั้งยังเข้าใจศิษย์ของอาจารย์เย่าชานผู้นี้อย่างถ่องแท้ด้วย เช่นนั้นมิใช่ว่า...
"คุณชายหรือบางทีอาจจะรู้จักนาง?" ซูยวิ่นลอบถามอย่างหยั่งเชิง
“รู้จักหรือ ล้อเล่นอะไรกัน?ั้แ่เป็ศิษย์ของอาจารย์ ข้าก็ไม่เคยออกจากห้องยาของอาจารย์เพิ่งจะได้มาเมืองชุ่นเทียนเพียงก่อนหน้านี้เล็กน้อย รู้จักงั้นหรือ? นอกจากนางจะเคยไปห้องยาของอาจารย์เท่านั้นแหละ!” เซียวหรานแค่นเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างเ็าเพราะมันเป็ไปไม่ได้ที่จะรู้จักเขา เช่นนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆที่สตรีผู้นั้นสามารถใช้วิธีฝังเข็มเงินได้ ประหลาดใจจนอยากจะรู้จักอย่างมาก!
ซูยวิ่นฟังแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
เซียวหรานรออยู่ที่หลินหลางซวนตามปกติโดยตั้งตารอว่าสตรีผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไหร่
ทว่าคราวนี้ ก็ยังเหมือนกับเมื่อไม่กี่วันก่อนท้องฟ้ามืดลงแล้ว คนที่เขารอก็ยังคงไม่รู้ว่าอยู่แห่งใด
บอกลานายท่านเก้าตระกูลซู เซียวหรานออกจากหลินหลางซวนทว่าไม่รู้ว่าเหตุใด ทันทีที่เขาออกไป คนที่เขารอคอยมาสองสามวันนี้ได้เห็นเขาแล้ว
ในโรงน้ำชา เหนียนยวี่เห็นเงาร่างของเซียวหรานมือถือจอกสุรา ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น...
ชาติก่อน นางพบเขาครั้งแรกในค่ายทหาร ยามนั้นนางยังเป็ทหารชั้นผู้น้อยในค่ายเซียนเฟิงครานั้น นางได้รับาเ็สาหัส เกือบสิ้นใจตาย เป็เขาที่ลากนางออกจากาช่วยชีวิตนางไว้
นางคิดว่าตนเองเคยผ่านการใช้ชีวิตมาชาติหนึ่งแล้วเื่ราวผู้คนที่นางเคยพบเจอ นางคงไม่แยแสและรอคอยอย่างสงบได้ทว่านางคิดผิดอย่างใหญ่หลวง!