อวี๋มู่ใ แล้วรีบกุมคอ ยังไม่ทันคิดว่าจะพูดอะไร ก็เผลอพึมพำออกมา “นายท่าน…...”
เว่ยจวินหยางเห็นท่าทางของเขาก็ยิ่งแน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด
เขากำลังโกหก!
“เ้ากล้าหักหลัง…...” พูดถึงตรงนี้ ก็หยุดกะทันหัน เว่ยจวินหยางสีหน้าซีดเผือดในทันใด จู่ๆ ก็กระอักเืออกมา
“นายท่าน! ” อวี๋มู่ตกตะลึง เขาเห็นเว่ยจวินหยางล้มลงบนก้อนหินใหญ่ กระอักเืรอบแรก จากนั้นรอบสอง รอบสาม ราวกับเป็หลอดเืที่มีรอยแตก
แม้จะเคยดูซีรี่ส์จอมยุทธ์มาบ้าง แต่พอมาเห็นเว่ยจวินหยางกระอักเืเป็ระลอกแบบนี้ อวี๋มู่ก็รู้สึกกลัวและเป็กังวลในใจ
เขาเดินเข้าไปจะแตะตัวเว่ยจวินหยาง แต่กลับถูกสายตาพิฆาตจากเด็กน้อยให้ถอยกลับ
“ไสหัวไป! ” เว่ยจวินหยางกุมหน้าอก ใบหน้าเล็กซีดขาวราวกระดาษ เขาะโใส่อวี๋มู่ “อย่าแตะต้องตัวข้า! ”
“……” อวี๋มู่ทนไม่ไหวแทบอยากจะกรอกตามองบน ความเห็นใจที่มีต่อเ้าเด็กบ้านี่หายไปทันตา
หากเปลี่ยนเป็คนอื่น หากมอบหวังดีให้แต่กลับถูกมองในแง่ร้าย คงรู้สึกไม่ดี
“ในใจเ้า แท้จริงแล้วคงกำลังดีใจละสิ…...” เว่ยจวินหยางหมอบอยู่ตรงก้อนหินใหญ่ มือไม้อ่อนแรง ชีพจรรวดร้าว วิชามารย้อนกลับส่งผลเสียหายร้ายแรง เขามีอาการตัวเย็นอยู่เป็พักๆ “ยามนี้ข้าตกต่ำมาจนถึงจุดนี้ แค่พวกขยะตัวเดียวก็สามารถกำจัดข้าได้แล้ว”
“เบื้องหน้าเ้าทำเหมือนจงรักภักดีต่อข้า อันที่จริงที่ช่วยข้าออกมาก็แค่อยากเห็นข้าตกอยู่ในสภาพน่าสมเพศแบบนี้สินะ…...”
เขาเบะปาก เอ่ยกับอวี๋มู่ “เ้าเลิกแกล้งแสดงเป็ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ได้แล้ว…… อยากหัวเราะก็หัวเราะออกมาเถอะ หรือไม่ก็อาศัยจังหวะนี้ฆ่าข้าเสีย เพราะถึงอย่างไรวันก่อนข้าก็บีบบังคับเ้าให้เฉือนนิ้วตัวเอง บดขยี้ทำลายพร์ของเ้า…...เ้าคงจะอยากฆ่าข้าสินะ…...”
“นี่คงเป็จุดจบของข้า…...” พูดจบ เขาก็หลับตาเหมือนยอมรับชะตากรรม
ขณะที่อวี๋มู่ขยับเข้าใกล้อีกครั้ง เด็กน้อยไม่ได้หลบ และไม่ได้ะโด่าทอ
เพียงแต่เสียงหัวเราะเยาะกับการหักหลังที่คาดไว้กลับไม่มาถึง
อวี๋มู่จับเขาแบกขึ้นมา
“นายท่าน ข้าน้อยได้ยินมาว่าหมอเทวดาโม่พำนักอยู่ในป่าฟางหยวน พวกเรารีบไปหาเขาเถอะ เขาต้องมีวิธีช่วยเหลือท่านได้แน่”
อวี๋มู่จับแขนเขาพาดไหล่ตัวเอง มือเกี่ยวขาเขาไว้ เอ่ย “จับข้าไว้ให้แน่น”
“ทำไม…...” เว่ยจวินหยางลืมตาขึ้น ยากที่จะเชื่อในสิ่งที่อวี๋มู่พูดออกมา
ตลอดมาเขาไม่เคยเชื่อใจอวี๋มู่ได้อย่างแท้จริง
แม้ว่าคำพูดของคนๆ นี้จะเคยทำให้เขาหวั่นไหว แต่เขาคิดว่านั่นเป็เพราะถึงอย่างไรตัวเองก็ยังคงเหลือพลังอยู่สามส่วน ไม่ได้อ่อนแอจนต่อต้านไม่ไหว ดังนั้นอวี๋มู่จึงยังเกรงกลัวเขาอยู่
กระนั้นแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ กระทั่งคนที่ไม่ใช่จอมยุทธ์ ก็สามารถใช้ดาบฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย แต่อวี๋มู่ไม่ได้ทำเช่นนั้น
อวี๋มู่ยังคงอยากช่วยเขา คิดหาหนทางในการช่วยชีวิตเขา
“เพราะท่านคือนายท่านของข้า” อวี๋มู่ถอนหายใจ รู้สึกจากใจจริงว่าตัวเองเหมือนกำลังปลอบขวัญเด็กน้อยอย่างไรก็ไม่รู้ “ข้าอยากช่วยท่าน ไม่อยากให้ท่านตาย ง่ายๆ แค่นี้แหละ”
นับว่าเขาเริ่มรู้จักนิสัยของเว่ยจวินหยางขึ้นมาบ้างแล้ว
วันๆ แสร้งทำตัวสูงส่ง โหดร้ายทารุณ หยิ่งผยองอวดดี แต่แท้จริงแล้วกลับเป็คนที่ขาดแคลนความรัก ไม่ไว้ใจผู้ใด คิดว่าทุกคนที่เข้าใกล้ล้วน “ชั่วช้า” นี่มัน…...ความคิดอนุบาลมาก ให้ตายเถอะ
“เ้าฆ่าข้าเลยก็ได้…...” แขนที่พาดอยู่บนไหล่ของเว่ยจวินหยางสั่นระริก เสียงแหบพอสมควร “ทั้งๆ ที่จะฆ่าข้าก็ได้…...”
ครั้งนี้อวี๋มู่ไม่ได้สนใจเขา แต่กลับรวบรวมพลังใช้วิชาตัวเบา มุ่งหน้าสู่ส่วนลึกในป่าฟางหยวนไปยังที่พำนักของโม่เหิง ตามทิศทางที่ระบบชี้นำ
เสียงลมกระพืออยู่ข้างหู อวี๋มู่รู้สึกได้ว่าคนด้านหลังกอดคอเขาแน่นขึ้น
แขนเล็กๆ สั้นๆ ของเว่ยจวินหยางโอบเขาไว้ หัวเล็กๆ สุดท้ายค่อยๆ แนบเข้าที่ต้นคอเขา แล้วก็หยุดขยับไป
ััอบอุ่นของอวี๋มู่ส่งผ่านิัเข้าสู่หัวใจ เว่ยจวินหยางเบ้ปาก ครั้งแรกนับั้แ่เกิดมาที่มีความคิดอยากจะพึ่งพาใครสักคน
[โฮสต์! หัวใจเต็มสองดวงแล้วครับ! ]
เสียงของระบบเล่นเอาอวี๋มู่สะดุ้ง จากนั้นก็เริ่มรู้สึกสุขใจกับสิ่งที่ทุ่มเทไป
จากที่เห็น แม้เว่ยจวินหยางจะผีเข้าผีออกไม่แน่นอน แต่ดูเหมือนจะเอาใจง่ายกว่าเหลียงหานหน่อย นี่ยังไม่ถึงห้าวันก็มีความก้าวหน้ามากถึงขนาดนี้ ดูท่าครั้งนี้จะปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงคงได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาถึงสองปีครึ่งเหมือนโลกที่แล้ว
ป่าฟางหยวนกว้างใหญ่ ที่พำนักของโม่เหิงก็อยู่ค่อนข้างลึก เดิมอวี๋มู่มีอาการาเ็อยู่แล้ว แล้วยังถูกเว่ยจวินหยางทรมานมาทั้งคืน เมื่อเข้าใกล้เที่ยงวันก็เริ่มรู้สึกไม่ไหว
เขาเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก สีหน้าเริ่มซีด ริมฝีปากแห้งลอก เพราะาแนั่นถูกเสียดสีจนเจ็บ
เขาปลดปลอกไม้บรรจุน้ำตรงเอวออก อวี๋มู่ตั้งใจจะให้เว่ยจวินหยางดื่มก่อน แต่ไม่รู้ว่าเ้าเด็กที่อยู่ด้านหลังสลบไปั้แ่เมื่อไหร่
ระบบแจ้งเตือน [โฮสต์ครับๆ! เราต้องเร่งทำเวลาหน่อยแล้วครับ! ]
อวี๋มู่ตอบรับอืม ใช้นิ้วมือแต้มน้ำแล้วค่อยๆ หยดลงบนปากของเว่ยจวินหยาง จากนั้นก็ดื่มเองอึกใหญ่ แล้วมุ่งหน้าสู่ป่าลึกต่อ
ท้องฟ้านึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน แสงแดดยามเที่ยง พริบตาเดียวตกบ่ายก็เปลี่ยนเป็มืดครึ้ม
อวี๋มู่รู้สึกตุ้มๆ ต่อมๆ ในใจ ปรากฏว่าลางสังหรณ์ของเขานั้นถูกเผง ฟ้ายังไม่ทันมืดสนิท ก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น จากนั้นสายฝนโหมกระหน่ำ ตกำจนเขาเปียกปอนชุ่มฉ่ำ
แต่พวกเขามาถึงส่วนลึกของป่า รอบทิศไม่มีถ้ำพอจะให้หลบฝนได้ และเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่มากเกินไป อวี๋มู่ทำได้เพียงย้ายเว่ยจวินหยางมาไว้ในอ้อมอก กอดเขาไว้ ให้ฝนโดนตัวเขาให้น้อยที่สุด
สายฝนเม็ดเล็กทำเอาอวี๋มู่แทบลืมตาไม่ขึ้น เสื้อเกราะสีดำแนบกับลำตัว แผลนั้นเปียกน้ำ มีอาการเจ็บแปลบเนืองๆ
ชายหนุ่มกัดฟันทน อวี๋มู่เดินข้ามบ่อน้ำอันแล้วอันเล่าตามที่ระบบชี้นำทาง คลำหาทิศทางอย่างยากลำบาก จุดนั้นอยู่ห่างจากที่พำนักของโม่เหิงราวห้าหกลี้ ทันใดนั้น ระบบก็ะโให้หยุด
[โฮสต์ครับ ด้านหน้าเป็เขตที่โม่เหิงวางกับดักไว้นะครับ]
อวี๋มู่สูดลมหายใจลึก เอ่ยถาม : ระบบ หากว่าวัดจากเกณฑ์ั้แ่ระดับสูงถึงต่ำ S A B C D [1] ห้าระดับ กับดักพวกนี้อยู่ที่ระดับไหน?
[......S ครับ] ระบบเองก็เอ็นดูอวี๋มู่ [แต่อย่างโฮสต์น่าจะผ่านไปได้แน่นอนครับ! ]
อวี๋มู่เบะปาก ให้กำลังใจตัวเอง : ถึงยังไงถ้าไม่ผ่าน อย่างมากก็แค่ตาย สำหรับฉันแล้วก็ไม่ได้ตายจริงๆ สักหน่อย ไม่เท่าไหร่หรอก
เพื่อที่จะรับมือกับกับดักที่ไม่รู้ว่าถูกวางไว้ยังไงบ้าง อวี๋มู่ถอดเสื้อนอกออก เปลือยกายท่อนบน แล้วใช้เสื้อผูกเว่ยจวินหยางเอาไว้กับหลัง ชักกระบี่เมฆาวิสุทธิ์ออกมา แล้วใช้ผ้าพันด้ามจับกระบี่กับมือตัวเองไว้แน่น แล้วจึงมุ่งหน้าต่อ
เขาพึ่งจะก้าวออกมาได้สิบกว่าก้าว ทันใดนั้นซ้ายขวาก็มีลูกศรพุ่งมานับไม่ถ้วน มองไม่ออกด้วยซ้ำว่ามาจากทิศไหนบ้าง แต่ความเร็วขั้นสุด พุ่งทะลุผ่านสายฝนมาทางอวี๋มู่
อวี๋มู่ใช้กระบี่ต้านลูกศรขาดนับสิบ แต่มีดอกหนึ่งที่พุ่งเข้ามาเสียบที่น่องซ้ายของเขา
อวี๋มู่เจ็บจนคุกเข่าลง แต่ก็ลุกขึ้นในทันที มีเสียงทะลวงอากาศดังขึ้น นั่นคือท่อนไม้ขนาดเท่าแขนของผู้ใหญ่พุ่งตรงมา ตรงจุดช่องว่างที่เขาฟาดฟันลูกศร
เขาทำได้เพียงตั้งท่ารับ แต่แรงกระแทกมหาศาลทำเขาเซถอยหลังไปหลายสิบก้าว อวัยวะด้านในสั่นไหว พลันกระอักเืออกมา จากนั้นก็ถูกน้ำฝนชำระล้างอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ทันให้เขาได้ยืนอย่างมั่นคง ด้านหลังก็มีเสียงลมดังขึ้นมาอีก เป็ท่อนไม้ขนาดเท่าเดิมพุ่งมาโจมตีเขา!
“เ้าบ้าโม่เหิง! ไอ้***! ”
อวี๋มู่ถูกกระแทกไปมา เืทะลัก เริ่มโมโห
ได้เพียงแต่ด่าตวาดโม่เหิงยกใหญ่
แต่เพียงการด่าแบบนี้ก็ดูเหมือนจะใช้ได้ผล กับดักพวกนั้นหยุดลง ทุกอย่างนิ่งสงบเว้นแต่สายฝน มีเพียงเสียงหัวใจเต้นของเว่ยจวินหยางกับอวี๋มู่ และเป็เสียงเงียบที่ว่างเปล่าเกินไป
อวี๋มู่ขมวดคิ้ว ยกกระบี่เมฆาวิสุทธิ์ขึ้นแล้วเดินหน้าต่อ
ขณะที่เข้าใกล้ที่พำนักของโม่เหิง เขามองเห็นคนผู้หนึ่งยืนกางร่มสีเหลืองเดินมาทางเขา
“ข้าได้ยินเ้าด่าข้า” ชายหนุ่มยิ้มแย้ม แต่ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด
เขาเห็นลูกศรที่ปักขาอวี๋มู่ ปากบางเม้มแน่น สายตาเลื่อนไปที่เว่ยจวินหยางที่เขาแบกอยู่ จากนั้นค่อยๆ ชักดาบเรียวแหลมข้างเอวของเขาออกมา
“อวี๋มู่ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” เขาเอ่ย “ข้าไม่อยากช่วยเว่ยจวินหยาง”
เขาใช้ดาบชี้ไปยังอวี๋มู่ “เ้าได้รับาเ็ ไปยังที่พำนักข้าก่อน ข้าช่วยรักษาเ้าได้ แต่เขา ต้องตายอยู่ที่นี่”
โม่เหิงนึกถึงตำราการแพทย์ที่เขาอ่านเกี่ยวกับการรักษาผู้ที่ธาตุไฟเข้าแทรก แววตาเ็า “จอมมารนี่ไม่คู่ควรกับสิ่งที่เ้าทำเพื่อเขา วันนี้ ข้าจะขอเป็ตัวแทน์ ปลิดชีวิตเขาซะ”
อวี๋มู่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับสัตย์ ร่างทั้งร่างถึงกับชะงักงัน
แต่ก็คิดได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว
หากช่วยชีวิตเว่ยจวินหยางไม่ได้ ก็เท่ากับปฏิบัติภารกิจต่อไม่ได้
์รู้ดีว่ากว่าเขาจะทำให้คะแนนความประทับใจเพิ่มขึ้นมาได้สองดวง เขาเหมือนต้องฝ่าด่านนรกมาสิบแปดขุม จะให้ถอดใจง่ายๆ ได้อย่างไร
“แล้วถ้า ข้าชนะเ้าได้ เ้าจะยินยอมช่วยเขาหรือไม่? ”
โม่เหิงเชื่อมั่นในฝีมือตัวเอง “เ้าไม่มีทางชนะข้าหรอก”
“เ้าสัญญากับข้าเพียงคำเดียว” อวี๋มู่ถือด้ามจับเข้าไว้ในมือขวาแน่น หัวคิ้วกระตุกเล็กน้อย
นิ้วหัวแม่มือนั่นไม่เจ็บเลยรึไง?
ทั้งๆ ที่ถูกเว่ยจวินหยางทารุณจนสภาพเป็เช่นนี้ ทำไมถึงยังต้องช่วยคนบ้าแบบนี้กัน?
เขาไม่เข้าใจ
อวี๋มู่ะโ “พูดสิ!”
“ก็ได้ ข้ารับปากเ้า”
“หวังว่าหนนี้หมอเทวดาจะพูดคำไหนคำนั้น”
อวี๋มู่ถือกระบี่พุ่งออกไป โม่เหิงใช้ดาบเรียวรับไว้
การรับมืออวี๋มู่ที่าเ็อยู่ ชัดว่าเขาได้เปรียบกว่า เพียงแค่ใช้แขนขวาข้างเดียวก็ตั้งรับกระบี่ของอวี๋มู่ไว้ได้ มือซ้ายที่ถือร่มก็ยังคงถือไว้เช่นนั้น
อวี๋มู่ใช้กระบวนท่าการต่อสู้ของเ้าของร่างเดิมเข้าปะทะ ในที่สุดก็หาช่องโหว่ของโม่เหิงเจอ เขาฟันกระบี่ใส่ร่มสีเหลือง น้ำฝนสาดกระเซ็น โม่เหิงเนื้อตัวเปียกปอน ในที่สุดก็ละทิ้งท่าทีอ่อนข้อเหมือนแมวกำลังจับหนูอย่างเมื่อครู่
“ตั้งใจหน่อย หมอเทวดา” อวี๋มู่เล่นงานเขาได้ รู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง ั์ตาสีน้ำตาลสดใสเปล่งประกาย ฉายแววมุ่งมั่นอยากเอาชนะ
โม่เหิงสูดลมหายใจลึก พลันเก็บท่าทีเล่นๆ ตอนนี้ทุกกระบวนท่าล้วนแฝงความดุดัน
หลังจากปะทะกันไปสิบกระบวนท่า เรี่ยวแรงของอวี๋มู่ถดถอยชัดเจน แผลนิ้วขาดกับแผลตรงท้องที่ถูกน้ำฝนแช่อยู่เป็เวลานาน น่าจะกำลังอักเสบ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกมึนหัว
ส่วนโม่เหิงที่รับรู้ถึงจุดนี้ เขาอาศัยวินาทีที่อวี๋มู่กำลังสูญเสียจังหวะ ดาบเรียวนั้นชี้ไปทางเว่ยจวินหยางที่อยู่ด้านหลัง จิตสังหารแผ่ออกมาอย่างน่ากลัว ตั้งใจใช้การจู่โจมครั้งนี้ปลิดชีวิตเขาซะ!
เว่ยจวินหยางไม่คู่ควร! ไม่คู่ควรให้อวี๋มู่ทำเพื่อเขา!
อวี๋มู่รู้สึกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่ก็ไม่ทันการ ่เวลาสายฟ้าแลบ เขายื่นแขนขวาออกไปตอบโต้ทันใด
ความเ็ปลุกล้ำ ดาบเรียวของโม่เหิงแทงโดนแขนขวาของเขา ห่างจากใบหน้าของเว่ยจวินหยางเพียงแค่นิดเดียว แต่สุดท้ายก็ไม่โดนตัวเขา
“อ๊าก…...” ครั้งนี้อวี๋มู่เจ็บแปลบถึงทรวง เขารู้สึกว่าดาบนั่นแทงทะลุตรงกระดูกเขา แล้วคาอยู่อย่างนั้น ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางต้านแรงของโม่เหิงได้แน่
เขากัดฟัน แต่ร่างกายกำลังสั่นระริก ความเ็ปทำให้เขาแทบยืนไม่อยู่
โม่เหิงชะงักไป
เขาปล่อยแขน อวี๋มู่ล้มคุกเข่าลงบนพื้น ปลายดาบเรียวแหลมนั้นเสียบอยู่ที่แขนเขา ถูกน้ำฝนโหมใส่จนสั่นไหว
เขารีบนั่งลง อยากตรวจดูแผลของเขา แต่กลับไม่เห็นว่าอวี๋มู่ชักมีดสั้นข้างเอวออกมา ทาบไว้ตรงคอเขา
“หมอเทวดาโม่ เ้าแพ้แล้ว” อวี๋มู่เจ็บจนพูดแทบไม่เป็คำ หางเสียงนั้นสั่นเครือ “ได้โปรดรักษาคำพูด ช่วยชีวิตนายท่านของข้าด้วย”
โม่เหิงพลาดท่าให้กับความดื้อดึงและแน่วแน่ของเขา แต่ขณะเดียวกันในใจก็ก่อเกิดความโกรธเกรี้ยว
เขาไม่เข้าใจว่าเว่ยจวินหยางมีดีตรงไหน?
ทุ่มเทให้กับคนแบบนี้ สุดท้ายจะได้อะไร?
แต่กับสายตาของอวี๋มู่ เขาเริ่มเข้าใจอะไรได้บ้าง
เขาก็เป็คนบ้าเหมือนกัน
คนบ้าที่มีชีวิตอยู่เพื่อเว่ยจวินหยาง
-------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบาย
[1] SABCD เป็ตัวย่อของเกณฑ์ความยากในเกมส์หลากหลายในยุคปัจจุบัน ซึ่ง S มาจาก Super, Special, or Supreme ซึ่งยากกว่า A ที่เป็ระดับเยี่ยมเฉยๆ