เอ๋?
อวี๋มู่ปรับตัวตามไม่ทัน
ทั้งๆ ที่ก็พูดภาษาจีนเหมือนกัน แต่คำพูดที่พ่นออกจากปากเว่ยจวินหยาง ทำไมเขาถึงฟังไม่รู้เื่
อะไรคือ ใครเคยแตะต้องตัวเ้า?
มันก็คือไอ้ลูกหมาตัวนี้ที่ทับตัวเขาอยู่ไม่ใช่หรือ?
ยังจะมีใครอีก?
แต่เื่แบบนี้จะให้พูดออกมาก็รู้สึกอับอาย เดิมทีผู้ชายถูกจับกดนั่นนู่นนี่ก็น่าอายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกไอ้ลูกหมานี่สงสัยว่าเขาไปมีอะไรกับคนอื่นอีก
ในสมองนี่มีแต่อุจจาระหรืออย่างไร?
เขามองตัวเองเป็คนแบบไหนกัน?
สมัยวัยรุ่นอวี๋มู่ทำเื่ชั่วมาก็ไม่น้อย แต่พอโตขึ้นก็เริ่มเก็บเขี้ยวเล็บ เติบโตเป็ผู้ใหญ่ เื่ราวน่าโมโหเล็กน้อยก็เก็บไว้ในใจ ปกติแล้วก็เป็คนปฏิบัติตัวดีอ่อนโยนและใสสะอาด
การวางตัวเช่นนี้ก็ถูกแล้ว กับเด็กที่เชื่อฟังอย่างเหลียงเสี่ยวหาน เขาก็เอ็นดู อดทนโอบอ้อม แต่พอมาเจอเว่ยจวินหยาง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกทำให้อับอาย เขาทนไม่ไหวแล้ว
คิดอยู่ว่าไหนๆ ตอนนี้เว่ยจวินหยางก็จำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แววตาของอวี๋มู่ลุกเป็ไฟ กำหมัดเสียงดังกรอบ ปล่อยหมัดอัดเข้าไปที่ใบหน้าของเว่ยจวินหยาง เว่ยจวินหยางชะงักไปชั่วขณะ เหมือนกับไม่คิดว่าอวี๋มู่จะต่อต้าน เขาเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้าง อวี๋มู่อาศัยจังหวะรีบลุกขึ้น แล้วปล่อยหมัดเข้าท้องเว่ยจวินหยางตรงๆ
เว่ยจวินหยางแม้ว่าจะวรยุทธ์ถดถอย แล้วยังถูกพิษ แต่ท่วงท่าของเขาไม่ลนเลยแม้แต่นิด หมัดต่อหมัด รับหมัดของอวี๋มู่ไว้ได้ แต่เพราะอวี๋มู่หมุนลำตัวเตะทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว
โลกปัจจุบันอวี๋มู่เรียนศิลปะการต่อสู้กับมวย บวกกับมีกำลังภายใน ขณะที่เว่ยจวินหยางมองเห็นว่าเป็ท่าแปลกประหลาดก็ถูกโจมตีเข้าที่ท้อง เว่ยจวินหยางจุกไปทีหนึ่ง และเริ่มโมโห ทั้งสองต่อสู้กันอยู่หลายสิบกระบวนท่า ท้ายที่สุดอวี๋มู่ก็ถูกจับกดอยู่บนพื้น ครั้งนี้เว่ยจวินหยางโกรธจนปลดเข็มขัดตัวเองออกมามัดมือของอวี๋มู่ไว้แน่น
“เว่ยจวินหยาง! ไอ้บ้า! ” ผู้ชายทะเลาะกันมีแต่จะทำให้โมโหหนักขึ้น อวี๋มู่โกรธที่ตัวเองสู้เขาไม่ได้ เกิดเป็ชายย่อมแต่ตกเป็ฝ่ายถูกกระทำ นี่มันน่าปวดไข่เหลือเกิน!
เขาดิ้นทุรนทุราย ยกเท้าขึ้นเตะ แต่กลับถูกเว่ยจวินหยางใช้มือกดไว้ แล้วถูกกัดเข้าที่ปากเต็มแรง
และคืนนั้นเขาก็ไม่รอดเงื้อมือของเว่ยจวินหยางอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นตื่นมา อวี๋มู่รู้สึกว่านอกจากสมองที่เป็ของเขาแล้ว ส่วนอื่นลำพังแค่ขยับก็เหมือนกับเป็หุ่นยนต์ เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ส่วนผู้ร้ายในเหตุการณ์ก็นอนอยู่ข้างเขา ทั้งยังกอดแขนเขาไว้ แล้วนอนซบไหล่อย่างสบายใจเฉิบ
อวี๋มู่อดทนกับความอยากลงมือกับไอ้ลูกหมานี่ เขี่ยผมเขาออก ตั้งใจจะสวมเสื้อผ้าให้เขา เพียงแค่ปัดผมเขาออก เผยให้เห็นผิวพรรณหลังใบหู ตอนที่มองเห็นปานกลีบดอกไม้ที่คุ้นเคย อวี๋มู่หยุดชะงัก
เหมือนกับของชีหย่วนไม่มีผิด
และเหมือนของเหลียงหานด้วย
นี่มันเป็เื่บังเอิญจริงเหรอ?
เขาเริ่มสงสัย
[โฮสต์ โฮสต์ครับ คุณยังโอเคไหม? ]
เสียงของระบบตัดความคิดเขา อวี๋มู่ขมวดคิ้ว เอ่ยถาม : ระบบ ทำไมทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันนายถึงหายหัวตลอดล่ะ? นายจะเปิดปุ่มให้ความช่วยเหลือไม่ได้เลยรึไง? อย่างเช่นให้ฉันเป็ฝ่ายขึ้นคร่อมเว่ยจวินหยางอะไรแบบนั้น เพราะถึงยังไงพิษบ้านั่นก็ไม่จำเป็ว่าต้องให้ฉันอยู่ข้างล่างไม่ใช่รึไง?
อวี๋มู่ถึงขั้นะเิอารมณ์ เขาแทบจะบ้าเพราะเว่ยจวินหยางแล้ว เดิมทีนายกับฉันเราต้องสามัคคีกัน ฉันก็เป็ผู้ชาย ฉันก็ต้องเห็นพ้องกับไอเดียของนาย เขาอยากได้รับการชดเชยจากระบบบ้างสักนิดก็ยังดี
[เฮ้อ พวกเรามีกฎข้อบังคับห้ามทำอะไรโดยพลการครับ พวกคุณไม่อาจบรรยายได้หรอกครับ การที่ผมอาจจะถูกปลดออกจากระบบได้] จุดนี้ระบบเองก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน
เขานึกคำร้องขอของอวี๋มู่ และเริ่มสงสัย [เอ๋? ไม่ใช่สิ! โฮสต์ ตอนนี้คุณเริ่มใส่ใจเื่ใครอยู่บนอยู่ล่างแล้วเหรอครับ? คุณเป็ชายแท้ไม่ใช่รึไง? ]
อวี๋มู่ : …...นี่ไม่เกี่ยวกับชอบหรือไม่ชอบเขา ฉันแค่อยากระบายอารมณ์บ้าง ‘ให้มาให้กลับไม่โกง’
[......งั้นคุณจะมีอารมณ์กับเขาได้เหรอครับ?]
นิ่งเงียบเหมือนตายไปแล้ว
อวี๋มู่ก่ายหน้าผาก : …....ช่างเถอะ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูด
แม้ว่าไอ้ลูกหมานั่นจะรูปงามแค่ไหน แต่นิสัยเสียชั่วช้าขนาดนี้ เขาแค่คิดว่าจะสั่งสอนอย่างไรดี ไม่มีทางเกิดอารมณ์ได้แม้แต่เศษเสี้ยว
*
ไข้ของเว่ยจวินหยางลดลงแล้ว แต่ยังนอนหลับสนิท
เขาสวมเสื้อผ้าให้เด็กน้อย บีบใบหน้าน่ารักน่าชังนั่นอย่างหมั่นไส้ จากนั้นลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างตัว
เขากัดฟันล้างเนื้อล้างตัว ทันใดนั้นเบื้องหน้าอวี๋มู่ก็มีก้อนหินเล็กๆ ลอยผ่านหน้าเขาไป มันเด้งสามสี่ทีแล้วหล่นลงลำธาร
“เ้าช่างน่าเวทนาเหลือเกินนะ” อวี๋มู่มองไป เห็นโม่เหิงนั่งห้อยขาสองข้างอยู่บนต้นไม้ มองเขาด้วยรอยยิ้มร่าก่อนเอ่ย “เ้าเว่ยจวินหยางนั่นไม่น่าเกิดเป็คนเลย”
ใบหน้าอวี๋มู่แดงระเรื่อ รีบขึ้นจากน้ำ แล้วเอาเสื้อผ้าคลุม หันหลังให้โม่เหิงแล้วสวมเสื้อ “นึกไม่ถึงว่าหมอเทวดาโม่จะมีความชอบในการถ้ำมองชาวบ้านอาบน้ำด้วย? ”
สภาพของเขาแบบนี้แทบไม่อยากให้ใครมาเห็นจริงๆ หากไม่ใช่เพราะโม่เหิงเข้าใกล้ลูบๆ คลำๆ เขา เว่ยจวินหยางก็ไม่มีทางได้กลิ่นจนกลายเป็เื่ใหญ่โตหรอก
เขาเดาว่ากลิ่นเฟิงเยี่ยนก็คือกลิ่นสมุนไพรบนตัวโม่เหิง หากโดนเข้ากับตัวก็จะกำจัดให้กลิ่นหายยาก
“เอ๋ โมโหแล้วเหรอ? ” โม่เหิงะโลงจากต้นไม้ เดินไปข้างอวี๋มู่ “หรือว่าเขินอาย? ”
“นึกไม่ถึงว่าคุณชายมู่ที่ปกติเคร่งขรึมจะเขินอายเป็ด้วย”
เขาเยาะเย้ย คิดจะยื่นมือไปััอวี๋มู่ แต่กลับถูกกระบี่เมฆาวิสุทธิ์ขวางไว้
อวี๋มู่ขวางเขาไว้ชั่วขณะ แล้วรีบดึงระยะให้ห่างออก ท่าทางนั้นราวกับว่าบนตัวโม่เหิงมีเชื้อโรคน่ากลัวยังไงยังงั้น
จมูกของเว่ยจวินหยางนั้นรับกลิ่นได้ดียิ่งกว่าสุนัข! เขาไม่อยากให้โม่เหิงเข้าใกล้ ไม่อย่างนั้นะโลงแม่น้ำหวงเหอก็ไม่มีทางชำระให้สะอาดได้!
โม่เหิงขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่พริบตาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็อ่อนโยน มือขวาล้วงไปในอกแล้วหยิบกล่องสี่เหลี่ยมโยนให้อวี๋มู่่
“ก็แค่ขำๆ น่า อย่าทำตัวเหินห่างสิ! ” เขากระแอมสองที สายตามองไปที่อื่น เอ่ยว่า “นี่คือยาอวิ๋นหนี เ้าทาที่ด้านหลังนั่น แผลจะหายไวขึ้น”
ไม่รอให้อวี๋มู่ได้ขอบคุณ เขาก็เอ่ยต่อ “พูดความจริงนะ ข้าไม่อยากให้เ้าพาเขามาที่พำนักของข้า คนแบบนั้นไม่คู่ควรให้ใครต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อเขา โดยเฉพาะเ้า”
พูดจบ เขาหันหลังจากไป วิชาตัวเบาของเขาร้ายกายถึงขั้นแค่ขยับนิดเดียวก็หายตัวไปแล้ว
[โฮสต์ครับ คุณว่าโม่เหิงหลงรักคุณเข้าแล้วหรือเปล่า? ]
คนพึ่งหายลับไป ระบบก็พูดบางอย่างที่ทำให้อวี๋มู่เกือบสำลัก
อวี๋มู่ : ระบบ นายนี่คิดว่าผู้ชายทั้งหมดบนโลกเขาเป็พวกเบี่ยงเบนหมดเลยรึไง? เขาจะหลงรักฉันได้ยังไงกัน?
[ก็ไม่แน่นะครับ ผมรู้สึกว่าเขาสนใจในตัวคุณ]
อวี๋มู่ : งั้นฉันต้องตอบรับเขาหรือยังไง?
[ไม่ได้ ไม่ได้ แบบนั้นไม่ได้ คุณเป็ของเว่ยจวินหยาง จะละทิ้งความมืดโผเข้าหาแสงสว่างไม่ได้]
อวี๋มู่ : ฮ่าๆๆๆ ละทิ้งความมืดโผเข้าหาแสงสว่างผายลมอะไรกัน? ใช้สำนวนไม่เป็เลย แบบนี้ครูภาษาศาสตร์ได้นอนตายฝาโลงปิดไม่สนิทแน่!
[ไม่หัวเราะสิครับ! ]
อวี๋มู่ : ก็ได้ๆๆ ไม่หัวเราะ
หลังจากขำขันเพราะระบบ อวี๋มู่ก็อารมณ์ดีขึ้น หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็ทายาให้ตัวเอง แม้จะยากสักหน่อย แต่เพราะตัวยาเย็นๆ ทำให้รู้สึกสบายดี ในใจชมเชยสมกับเป็ยาของหมอเทวดา ร้ายกาจจริงๆ เริ่มรู้สึกดีกับโม่เหิงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
ตอนที่เขากลับมา เว่ยจวินหยางตื่นแล้ว กำลังนั่งบนก้อนหินใหญ่ไม่รู้คิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นอวี๋มู่ ฉับพลันสีหน้าดูแปลกประหลาด
“เ้าไปไหนมาอีกแล้ว? ” ท่าทางหยิ่งยโสสูงส่ง
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยไปตักน้ำมา” อวี๋มู่วางถังไม้ให้เว่ยจวินหยางดู
แต่จุดโฟกัสของเว่ยจวินหยางไม่ได้อยู่ที่ถังไม้
เขากวาดตามองลำคอที่อวี๋มู่พันไว้มิดชิด น้ำเสียงไม่ค่อยดี “ฤดูร้อนชื้นเช่นนี้ ทำไมเ้าต้องพันคอมิดชิดด้วย? ”
สองวันก่อนหน้า เขาคิดว่าอวี๋มู่พันเพราะอาจจะาเ็ แต่ได้ยินเขาพูดจาปกติ อีกทั้งส่วนนั้นก็ไม่เห็นมีเืซึมออกมา จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าพันไว้ทำไม
อวี๋มู่หัวใจเย็นสะท้าน รีบหาข้ออ้าง “ข้าน้อยได้รับาเ็ตอนหนีจากสำนักชิงอี ดังนั้นจึงพันไว้ตลอด”
เขากำลังโกหก
เว่ยจวินหยางหรี่ตา ในใจเกิดความโมโหและหงุดหงิด
วันก่อนหน้านั้นไม่มีความทรงจำ่กลางคืน จะบอกว่าเป็เพราะพิษ เหตุผลนี้ยังพอถูไถได้ แต่เมื่อคืนเขาก็ไม่มีความทรงจำอีก จึงรู้สึกแปลกประหลาด
่ที่ความทรงจำขาดหายไปเขาทำอะไรลงไปบ้าง?
หรือบางที เขาจะทำอะไรกับอวี๋มู่ไป?
ภาพหลายอย่างแวบเข้ามาในหัว แล้วยังแผลรอยช้ำเล็กๆ ที่ดูเหมือนถูกใครเตะมา……
เว่ยจวินหยางสีหน้านิ่งขรึม เขาออกคำสั่งกับอวี๋มู่
“งั้นเ้าปลดผ้าออกซิ ให้ข้าดูหน่อย”
------------------------------------------------------------------------------------------------