เมื่อพูดถึงเื่แต่งงาน สีหน้าของกู้หงหย่งก็เปลี่ยนไป โชคดีนักที่ตอนอิ๋งเอ๋อร์ยังเยาว์ได้ช่วยองค์ชายห้าไว้ จึงก่อเกิดเป็บุพเพสันนิวาส ตระกูลกู้แม้จะมีหน้ามีตามีชื่อเสียงยศถาบรรดาศักดิ์อย่าได้แต่มองเปลือกนอกอันมีหน้ามีตาของตระกูลกู้ แต่การสอบคัดเลือกขุนนางล้วนไม่เคยสอบติด จึงไม่ได้เป็ขุนนางเพื่อค้ำจุนตระกูล ช่างถือเป็เื่น่าอับอายขายขี้หน้าเสียจริง โชคดีที่อิ๋งเอ๋อร์กับองค์ชายห้ามีชะตาชีวิตลิขิตผูกพัน
“เ้ายังไม่คุกเข่าลงอีก” กู้หงหย่งถูกอารมณ์ของเว่ยซื่อชักจูงไปเช่นนี้ จึงโมโหฉุนเฉียวเืขึ้นหน้า
กู้เจิงไม่ได้คุกเข่า แก้วตาใสจ้องไปยังนายหญิงเว่ยซื่อก่อนจะหลุบม่านตาลงมองปลายเท้า ใช่ อารมณ์โกรธขึ้งของเว่ยซื่อถือเป็สิ่งสมควร นี่เป็การแสดงออกโดยทั่วไปของผู้เป็มารดา ย้อนกลับไปมองการปฏิบัติที่เว่ยซื่อแสดงออกต่อนางและซู่เหนียงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็ดั่งผู้ใจกว้างเปี่ยมด้วยคุณธรรมในความทรงจำแล้วก็รู้สึกว่าเว่ยซื่อปฏิบัติต่อนางอย่างโอบอ้อมอารี ทว่าบัดนี้ เพียงคำพูดเดียวของเว่ยซื่อก็ทำให้บิดาพุ่งเป้าไปที่นางอีกครั้ง
กู้เจิงถอนหายใจอยู่ภายในใจ สิบหกปีมานี้กู้เจิงคนก่อนใช้ชีวิตโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ สามารถมองเห็นหน้าตาของผู้คนโดยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทั้งวันนั่นสิถือเป็เื่แปลก
“บอกให้เ้าคุกเข่า ไม่ได้ยินหรือ?” กู้หงหย่งเห็นบุตรีอนุทำเพียงยืนก้มศีรษะก็โกรธจัด
“ลูกไม่คุกเข่าเ้าค่ะ”
“เ้าว่าอะไรนะ?”
“ลูกรู้ว่าตนเองผิดไปแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองบิดาไร้ค่าผู้นี้ แม้น้ำเสียงจะอ่อนเบา แต่สีหน้าท่าทางกลับไม่อ่อนตาม “โบยก็โบยแล้ว ลงโทษก็ลงโทษแล้ว ท่านพ่อยังโบยลูกยี่สิบไม้ต่อหน้าบุรุษคนนอก ลูกไม่เพียงขายหน้าซ้ำยังเกือบถูกโบยจนตาย ต้องให้ลูกชดใช้ด้วยชีวิตจริงๆ ท่านพ่อถึงจะดีใจใช่หรือไม่เ้าคะ? ”
ในภาพจำของกู้หงหย่งบุตรสาวอนุผู้นี้มักจะก้มหน้าอย่างเงียบๆ เสมอมา เว่ยซื่อให้นางไปทางทิศตะวันออก นางก็จะไม่มีวันไปทางทิศตะวันตก แต่ท่าทางยืดหลังตรงแหงนหน้ามาคุยกับตนเช่นนี้กลับไม่เคยมีมาก่อนจนแปลกใจไปชั่วขณะ
“ท่านแม่เป็คนใจกว้างเสมอมา สองเดือนที่ลูกนอนติดเตียงก็ส่งยาขี้ผึ้งมาเป็ครั้งคราว ลูกซาบซึ้งใจเป็ยิ่งนักเ้าค่ะ ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท่านแม่ยังให้คนทำชุดสารทฤดูมาให้ลูกและซู่เหนียงอีก” กู้เจิงมองไปที่เว่ยซื่อด้วยสายตาเงียบสงบดูอ่อนโยน “ข้ายังคิดว่าท่านแม่ให้อภัยข้าแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเป็การยั่วยุให้ท่านพ่อโมโหข้าอีก”
“เ้าพูดเหลวไหลอะไร?” กู้ซื่อรู้สึกประหลาดใจกับเปลี่ยงแปลงของกู้เจิงเช่นเดียวกับกู้หงหย่ง
สายตาของกู้เจิงจับจ้องบนปลายเท้า มือทั้งสองข้างบิดผ้าเช็ดหน้าเบาๆ คำพูดนี้พูดได้ตรงไปตรงมานัก ทว่าคราวนี้ต้องไม่ดูอ่อนแอเหมือนเช่นกู้เจิงคนก่อนเด็ดขาด น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยต่อว่า “ท่านแม่ยัง้าลงโทษข้าอย่างไรเ้าคะ? หรือจะพูดให้ท่านพ่อลงโทษข้าอย่างไรอีก? โบยอีกยี่สิบไม้ โบยให้ผิวแตกเนื้อเปิด อย่างดีที่สุดก็ถูกตีจนตายถึงจะสามารถดับความขุ่นเคืองในใจท่านแม่ได้ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
เดิมทีเว่ยซื่ออยากให้กู้เจิงทุกข์ทนขมขื่นเสียหน่อย ไม่คิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคจะกลับกลายเป็ความผิดของนาง ความกริ้วโกรธในตอนแรกถูกกดซ่อนลงไป การแปรผันนี้เป็ไปอย่างธรรมชาติยิ่ง เห็นได้ว่าทำอย่างเป็ปกติ เมื่อเห็นสีหน้าของบุตรสาวทั้งสองดูโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ จึงได้กระตุกแขนเสื้อพวกนาง บอกเป็นัยว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก
“อวี๋เอ๋อร์ปรักปรำแม่แล้ว เื่ที่เ้าทำออกมา อย่าว่าแต่ชีวิตของน้องสามเ้าอาจโดนเ้าทำลายเลย แม้แต่ตระกูลกู้ก็ถูกทำลายด้วยน้ำมือเ้า” เว่ยซื่อกล่าวพลางทำท่าทีหวาดกลัว “ต่อให้ผ่านไปสองเดือนแล้ว พอนึกถึงแม่กับพ่อก็กลัวจนอกสั่นขวัญหาย”
กู้เจิงยังคงก้มหน้าน้อยๆ ดูอ่อนแอปวกเปียก “ท่านแม่กล่าวถูกเ้าค่ะ แต่ลูกรู้ผิดแล้วจริงๆ ทั้งยังสำนึกผิดด้วยใจจริง ระหว่างทางข้าบอกกับน้องสามและน้องสี่แล้วเ้าค่ะ ข้าจะไม่แต่งให้องค์ชายห้าพร้อมกับน้องสามและข้าจะไม่เป็อนุเด็ดขาด”
ความผิดนี้กู้เจิงจำต้องยอมรับ นางทำไม่ถูกจริงๆ ดังนั้นหากไม่ยอมรับผิด ชีวิตก็จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ กล่าวคือ ล้มลงจากที่ใดก็จงยืนขึ้นจากที่นั่น นอกจากนี้ ดรุณีแรกแย้มวัยสิบหกปีได้จ่ายชีวิตเพื่อสิ่งนี้แล้ว เช่นนั้นเื่นี้ก็ควรจบลงที่นี่
กู้หงหย่งกระแอมไอสองที “เ้าเคยพูดกับน้องสาวสองคนเช่นนี้จริงๆ หรือ?”
“เ้าค่ะ จะให้ข้าพูดอีกรอบก็ย่อมได้” กู้เจิงกล่าวอย่างหนักแน่นทีละคำทีละประโยค “ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่เป็อนุของผู้อื่นเด็ดขาดเ้าค่ะ”
สำหรับบุตรสาวอนุผู้นี้ ดูเหมือนกู้หงหย่งจะไม่เคยเหลียวมองอย่างจริงๆ จังๆ สักที ขณะนี้แม้น้ำเสียงของบุตรสาวอนุจะอ่อนแอไร้กำลัง ทว่าท่าทีเด็ดเดี่ยวแน่วแน่บนใบหน้ากลับทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้ง ดูท่ายี่สิบไม้นี้จะทำให้บุตรีอนุภรรยาเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยจริงๆ
เว่ยซื่อเดินลงจากศาลา ก้าวเท้าไปตรงหน้ากู้เจิงและจับมือของนาง ก่อนจะมองอย่างอ่อนโยนเปี่ยมด้วยความรักเมตตาพลางเอ่ยว่า “อวี๋เอ๋อร์ ในเมื่อวันนี้เ้ากล่าวเช่นนี้ ในใจแม่ก็โล่งอกยิ่งนัก แม่ได้หาฤกษ์แต่งงานกับตระกูลหนึ่งไว้ให้เ้าแล้ว แม้จะเป็เพียงซิ่วไฉ แต่ในตระกูลก็มีที่ดินทำนา ชีวิตไร้สิ่งใดให้กังวล ฉะนั้นก่อนแต่งงาน เ้าอย่าได้ก่อเื่อีกเด็ดขาด”
ด้วยเหตุนี้กู้เจิงถึงเงยหน้าขึ้นน้อยๆ มองลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความรักของคนผู้เป็มารดา แววตานี้ช่างจริงใจนัก ถ้าไม่ใช่เมื่อครู่ถกเถียงโต้ตอบกันไปมา นางก็คงเชื่อว่าเว่ยซื่อกำลังเป็ห่วงเป็ใยนางจริงๆ
เว่ยซื่อมีอุบายแยบยลเกินไป เมื่อเทียบกันแล้ว การสร้างปัญหาของหวังซู่เหนียงกลับเป็เื่เด็กน้อยโดยแท้ กู้เจิงคิดว่าถึงแม้จะมาจากยุคนักแสดงตัวแม่ แต่ระดับตำแหน่งต้องเทียบไม่ได้กับเว่ยซื่อแน่นอน ดีที่หวังซื่อแผนการสูงส่ง แต่ภายในใจไม่ได้ชั่วร้าย
“ท่านพ่อท่านแม่โปรดวางใจ อวี๋เอ๋อร์กลับตัวกลับใจด้วยใจจริง หลังจากนี้จะไม่ทำเื่เลอะเลือนอีกเ้าค่ะ” ไม่ว่าคำพูดนั้นของเว่ยซื่อจะจริงสักกี่ส่วน แต่ที่กู้เจิงพูดนั้นเป็ความจริง นางจะมีชีวิตต่อไปให้ดีแทนกู้เจิงคนก่อน และแน่นอนว่าต้องมีเกียรติศักดิ์ศรี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
คำพูดพวกนี้ที่กู้เจิงกล่าว กู้หงหย่งรู้สึกพอใจมาก แต่ความคิดของสามแม่ลูกเว่ยซื่อกลับคิดไม่ตก
เมื่อออกมาจากเรือนหลัก กู้เจิงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ทว่าชุนหงที่กลัวตัวสั่นงันงกอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดกลับขาอ่อนยวบล้มนั่งลงกับพื้นพลางหอบหายใจ
กู้เจิงรู้สึกว่าตอนตนเองอยู่มหาลัย ่ที่วิ่งมาราธอนก็ไม่ได้ดูเหนื่อยเช่นนางขนาดนี้
“คุณหนูใหญ่เ้าคะ วันนี้ท่านกล้าหาญมากเ้าค่ะ เมื่อครู่บ่าวกลัวจนแม้แต่จะพูดก็ไม่กล้า” ใบหน้าชุนหงเผยถึงความหวาดกลัว
“มีอะไรน่ากลัวกัน ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านบัง[1] ตราบใดที่เราไม่ทำเื่โง่เขลาให้คนจับจุดอ่อนได้อีก พวกนางก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้” กู้เจิงดึงชุนหงขึ้นมา นึกถึงสิ่งที่นางทำไปก่อนหน้านี้ เทียบกับเ้าของร่างเดิมน่าจะไม่ต่างกันมากนัก เพียงแค่ฝีปากร้ายกาจขึ้นสักหน่อย เมื่อเกี่ยวความเป็ตาย การเปลี่ยนแปลงนี้ก็พอเป็ที่เข้าใจได้
“คุณหนูใหญ่กล่าวได้ถูกเ้าค่ะ”
สายตาหันไปเห็นหวังซู่เหนียงสาวเท้าเดินมาทางนี้อย่างเร่งร้อน กู้เจิงจึงรีบไปทักทาย “ซู่เหนียง ท่านมาได้อย่างไรเ้าคะ?”
“เจิงเอ๋อร์ แม่ได้ยินว่าองค์ชายห้ามาแล้ว” หวังซู่เหนียงพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับรั้งมือบุตรสาวมาจับไว้
ทันทีที่ได้ยินคำว่าองค์ชายห้า ตรงสะโพกของกู้เจิงก็เริ่มปวดจี๊ดขึ้นมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็มืดครึ้ม มองหวังซู่เหนียงอย่างเ็า “หรือท่านยังมีจิตมุ่งหวังต่อองค์ชายห้าอยู่หรือเ้าคะ?”
------------------------------------------------------------------
[1] ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านบัง เป็การเปรียบเทียบว่า ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีการไหนก็สามารถรับมือได้