เมื่อรับรู้ถึงสายตาของกู้อิ๋ง กู้เจิงก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้นาง กู้อิ๋งถอนสายตากลับไปด้วยใบหน้าเ็า
สาวใช้นางหนึ่งถือน้ำแกงเดินออกมาประตูจากกลม เมื่อเห็นพวกนางเดินมาก็คำนับและกล่าวว่า “คุณหนูสามคุณหนูสี่ เวลานี้นายหญิงกับนายท่านไม่อยู่ด้านใน แต่กำลังชมดอกไม้อยู่ที่เรือนในเ้าค่ะ”
“เข้าใจแล้ว” กู้อิ๋งพยักหน้า ก่อนจะเดินไปที่ประตูกลม
เรือนหลักมีขนาดใหญ่ ทั้งยังแบ่งเป็เรือนในและเรือนนอก ในความทรงจำทุกครั้งที่กู้เจิงและหวังซู่เหนียงเข้าพบนายหญิงจะอยู่ในห้องรับแขกของเรือนนอก น้อยครั้งนักที่นางจะได้เข้าไปที่เรือนใน
บริเวณเรือนนอกล้วนเต็มไปด้วยมวลผกา แต่แปลงดอกไม้ของเรือนในมีการตกแต่งที่ละเอียดงดงามยิ่งกว่า กู้เจิงไม่เข้าใจเื่ดอกไม้ทว่าก็พอดูออกว่าดอกไม้พวกนี้เป็สายพันธุ์หายาก หลังจากเว่ยซื่อเป็ผู้ดูแลจัดการ คิดไม่ถึงว่านางจะชอบเื่เกี่ยวกับดอกไม้ใบหญ้าพวกนี้
จากระยะไกล กู้เจิงมองเห็นบุรุษสตรีคู่หนึ่งกำลังถือชาอยู่ในศาลา ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าจะต้องเป็เว่ยซื่อและกู้หงหย่งแน่นอน เว่ยซื่อเป็ฮูหยินที่งดงามเพียบพร้อมผู้หนึ่ง หลังให้กำเนิดลูกสามคนแล้ว นายหญิงผู้นี้ดูเหมือนจะมีความเคร่งขรึมอยู่สามส่วนและเสน่ห์ก็ยิ่งมีมากกว่าแต่ก่อน
ฐานะป๋อเจวี๋ยของกู้หงหย่งเป็การสืบบรรดาศักดิ์จากรุ่นสู่รุ่น เขาอ่านหนังสือบทกวีมาแต่เยาว์วัย กอปรกับเป็บุรุษรูปงาม ซ้ำยังมีชื่อเสียงในเยว่ตูอยู่บ้าง มิฉะนั้นคงดึงดูดความสนใจจากตระกูลเว่ยไม่ได้ อย่างไรเสียตระกูลเว่ยก็นับเป็หนึ่งในตระกูลโหวเจวี๋ย มีบรรดาศักดิ์สูงกว่าตระกูลกู้หนึ่งขั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าหายากอะไร เยว่ตูเป็เมืองหลวงของเยว่กั๋ว โหว ป๋อ จื่อ หนาน ทั้งสี่เจวี๋ยนี้มีมากนัก ไม่แน่อาจจะพบได้ตามบนท้องถนนดูว่าเป็เจวี๋ยอะไร
“ท่านพ่อ ท่านแม่” กู้อิ๋งกับกู้เหยาเดินเข้าไปในศาลาอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นบุตรสาวสองคน เว่ยซื่อก็ยื่นมือไปโอบกอดพวกนางแล้วนั่งลง กู้หงหย่งยิ้มด้วยความรักใคร่อยู่ข้างๆ
“ท่านพ่อเ้าคะ เหตุใดวันนี้ท่านถึงมีเวลาอยู่บ้านกัน?” กู้อิ๋งแนบชิดอยู่ข้างกายมารดา มองไปที่กู้หงหย่งอย่างชื่นชม “ว่ามาเ้าค่ะ ท่านไม่ได้อยู่เล่นเป็เพื่อนข้ากับเหยาเอ๋อร์นานแค่ไหนแล้ว”
“ใช่แล้วเ้าค่ะ” กู้เหยายังเด็ก จึงกอดแขนของบิดาโดยไม่กังวลใดๆ ใบหน้าเล็กวางบนไหล่ของบิดา “ถ้าท่านพ่อไม่อยู่เล่นเป็เพื่อนเหยาเอ๋อร์อีก ข้าจะเกลียดท่านพ่อแล้ว”
“เ้านี่นะ ไม่รู้จักสัมมาคารวะ ข้าาุโขนาดนี้ เ้ายังไม่รีบนั่งตัวตรงอีก” แม้ปากกู้หงหย่งจะกล่าวตำหนิ ทว่าความรักในดวงตากลับไม่ลดสักครึ่งส่วน
“ไม่เ้าค่ะ ข้ากอดท่านพ่อไว้เช่นนี้ รอเหยาเอ๋อร์โตแล้ว ท่านพ่อจะบอกว่าแยกบุรุษสตรีไม่ต้องรักษาธรรมเนียมอะไรเช่นนี้อีก ข้าไม่เอาด้วยหรอกนะเ้าคะ” กู้เหยาว่าพลางกอดรัดแน่นขึ้น
พอฟังบุตรสาวตัวน้อยพูดเช่นนี้ ในใจกู้หงหย่งก็รู้สึกละมุนละไม ก่อนจะเขี่ยแตะจมูกของบุตรสาว “พ่อก็ไม่อยากให้เหยาเอ๋อร์รีบโตนักหรอก”
“จริงสิ ไม่ใช่ว่าพวกเ้าไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กับองค์ชายห้าหรือ? มาที่นี่ได้อย่างไรกัน? ” เว่ยซื่อถาม
กู้หงหย่งนั่งตัวตรงทันที ก่อนจะมองไปที่กู้อิ๋งแล้วพูดอย่างกังวลว่า “เ้าคงไม่ได้ทิ้งองค์ชายห้าไว้กระมัง?”
“ท่านพ่อท่านแม่วางใจเถิด ฝ่าาไปดูภาพวาดของปรมาจารย์ชื่อดังที่ลานบ้านกับท่านพี่เ้าค่ะ ”
ได้ยินเช่นนี้ กู้หงหย่งและเว่ยซื่อก็รู้สึกโล่งใจ
เฮ้ เธอยังอยู่ตรงนี้นะ กู้เจิงมองไปที่ครอบครัวอันแสนรักใคร่ปรองดรองนี้ ไม่คิดว่าจะทำเหมือนนางไม่มีตัวตน นางไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่เห็นนาง
กรอกตาไปสองสามครา กู้เจิงกำลังจะะโเรียกผู้คน จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นบนใบหน้า เมื่อได้ััถึงพบว่าหน้าของตนเองเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ความทรงจำบางอย่างวาบออกมาจากในสมอง
อันที่จริง กู้เจิงมักจะแอบออกไปจากเรือนเล็ก เพื่อจะได้เห็นท่านพ่อจากที่ไกลๆ ทว่าทุกครั้งที่เห็นล้วนเป็ภาพที่มีความสุขสนุกสนานของครอบครัวนี้ นางมักจะแอบมองมันมาโดยตลอด ซึ่งจริงๆ แล้วกู้หงหย่งเห็นนางที่เป็บุตรสาวอนุอยู่หลายครั้ง แต่ล้วนทำเหมือนตอนนี้ ทำเป็มองไม่เห็นเช่นนี้
คนที่น่าเกลียดชังย่อมมีมูลเหตุของความน่าสงสาร กู้เจิงคนก่อนเฝ้าปรารถนาความรักจากบิดา เพียงให้ท่านพ่อมองนางให้มากกว่านี้สักหน่อย นางก็ลิงโลดด้วยความดีอกดีใจไปครึ่งวันแล้ว แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับตลอดมาคือความผิดหวัง ดังนั้นซู่เหนียง้าให้นางทำอะไรนางก็ยอมทำสิ่งนั้น อย่างน้อยด้วยวิธีเช่นนี้ท่านพ่อก็ยังดุด่านาง ยังเห็นนางอยู่ในสายตา
กู้เจิงถอนหายใจอยู่ภายในใจ บิดาแบบนี้มีอะไรให้ตั้งตารอกัน หากเขามีความรักเช่นบิดาให้กับนางสักเล็กน้อยและอบรมสั่งสอนบุตรสาวคนนี้ให้ดีๆ ชะตาของกู้เจิงคนเก่าอาจจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
หลังจากปาดน้ำตา กู้เจิงคิดว่าตนเองไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป ขณะที่กำลังหันกลับ ก็ได้ยินเสียงของกู้เหยาจากในศาลา แว่วมาว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่เ้าคะ เดิมทีองค์ชายห้ากับท่านพี่สนทนากันอย่างดี ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอพี่ใหญ่โดยบังเอิญเช่นนั้น พอองค์ชายห้าเห็นพี่ใหญ่ จู่ๆ สีหน้าก็เริ่มไม่ดี จึงได้ตามพี่ชายไปชื่นชมภาพวาดของปรมาจารย์เ้าค่ะ”
ฉับพลันสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่กู้เจิง ในตอนที่้าจริงๆ ก็ไม่มอง พอจะมองทีก็มองมาเป็โขยง
“กู้อวี๋” เดิมทีกู้หงหย่งมองไปที่บุตรีทั้งสองด้วยสายตารักใคร่ แต่เมื่อทอดสายตาไปยังกู้เจิงก็แปรเปลี่ยนเป็เกลียดชังในชั่วพริบตา “ยี่สิบไม้นั้นยังไม่ย้ำเตือนสติเ้าอีกหรือ? หรือเ้ายังอาลัยอาวรณ์องค์ชายห้าอยู่?”
กู้อวี๋เป็ชื่อจริงของกู้เจิงคนก่อน ในความทรงจำของร่างนี้ ชื่อนี้เป็ความเ็ปที่สลักติดอยู่ในใจนาง และก็รู้จากปากเหล่าคนใช้ว่าเหตุใดตนเองจึงได้ชื่อนี้ ตอนที่หวังซู่เหนียงให้กำเนิดนาง พอเห็นว่าเป็เด็กผู้หญิง ย่อมต้องผิดหวังมาก แต่ในเมื่อคลอดออกมาแล้วจะทำอย่างไรได้? นึกถึงตอนให้กำเนิดบุตรสาวนี้ตนต้องพยายาม่ชิงเพื่อให้ได้มาและคิดว่าหลักจากนี้ชะตาชีวิตของบุตรีจำต้องพยายามไขว่คว้าพึ่งพาตนเอง จึงได้เรียกอย่างตรงไปตรงมาว่าเจิง*จื้อ
(*เจิง หมายถึง การต่อสู้่ชิง)
เมื่อผู้ใดถามถึงลูกคนนี้ กู้หงหย่งก็จะเอ่ยว่า “ก็เป็แค่เพียงส่วนเกิน เช่นนั้นก็ชื่อ กู้อวี๋* แล้วกัน”
(*อวี๋ หมายถึง ส่วนที่เหลือ ส่วนที่เกิน)
มารดาไร้ค่าของนางผู้นั้นย่อมไม่ยินยอม ดังนั้นจึงเรียกเป็การส่วนตัวว่า เจิงเอ๋อร์
สายตาเว่ยซื่อก็หันไปหากู้เจิง ั์ตามืดหม่น สีหน้าแปรเป็มืดครึ้ม หางตาเห็นบุตรสาวตัวน้อยกำลังพูดจ้อไม่หยุด ท่าทีมีไหวพริบเช่นนี้ เว่ยซื่อเห็นก็รู้ว่าหมายถึงอะไร ดูท่าบุตรีอนุภรรยาผู้นี้จะมาให้นางระบายความโกรธแล้ว
“ท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่ส่งเสื้อผ้าสารทฤดูมาให้ลูกและซู่เหนียง ลูกตั้งใจมาเพื่อขอบคุณท่านแม่ และที่ได้พบกับองค์ชายห้าเป็แค่เื่บังเอิญเ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นลูกก็ไม่ทราบว่าองค์ชายห้าจะมา” กู้เจิงไม่สนใจสีหน้าท่าทางน้ำเสียงจากความเกลียดชังและเมินเฉยในสายตาของบิดาไร้ค่าผู้นี้ นางทำเพียงยืดหลังตรง ให้ตนเองดูแล้วไม่ได้อ่อนแอน่ารังแกขนาดนั้น
“อย่างนั้นหรือ? เ้าเปลี่ยนเป็คนรู้ความเช่นนั้นั้แ่เมื่อใดกัน?” กู้หงหย่งรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
“เมื่อก่อนเป็เพราะลูกไม่รู้ความเ้าค่ะ” ทันทีที่กู้เจิง้าจะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ตนเอง น้ำเสียงน่ารังเกียจของกู้เหยาก็แว่วมา “พี่ใหญ่ ไม่ใช่ท่านเพิ่งบอกว่าจะมายอมรับผิดเื่เมื่อสองเดือนก่อนหรือเ้าคะ?”
เมื่อเอ่ยถึงเื่เมื่อสองเดือนก่อน สีหน้าอบอุ่นเมื่อครู่ของกู้หงหย่งก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“เื่เมื่อสองเดือนก่อน เ้าคิดว่าสามารถคลี่คลายได้ด้วยการยอมรับผิดเพียงประโยคเดียวของเ้าอย่างนั้นหรือ? เ้ารู้หรือไม่ว่าการวางยาต่อองค์ชายจะเป็หายนะต่อตระกูล” การแสดงออกอันนุ่มนวลอ่อนโยนของเว่ยซื่อเปลี่ยนเป็โมโหเดือดดาลได้อย่างเหมาะเจาะ แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยปฏิบัติต่ออนุภรรยาและบุตรสาวไม่ดี นางเพียงรอให้สองแม่ลูกรนหาที่ตายด้วยตนเอง วันนี้บุตรีอนุยินดีที่จะมาให้นางระบายโทสะ แน่นอนว่านางย่อมไม่เกรงใจ “โชคดีที่องค์ชายห้ามีความรักใคร่ไมตรีลึกซึ้งต่ออิ๋งเอ๋อร์ จึงไม่ได้นำเื่นี้เรียนแก่ฮ่องเต้ กู้อวี๋ หากเพราะเื่นี้ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของอิ๋งเอ๋อร์และองค์ชายห้า แม้จะถูกคนภายนอกหาว่าข้าเป็นายหญิงที่จิตใจโเี้อำมหิต ข้าก็จะไม่ปล่อยเ้าและซู่เหนียงไปเป็อันขาด”