จิ่งฝานไม่เสียทีที่เป็อัจฉริยะของตระกูลจิ่ง ยาที่เขาปรุงขึ้นมาเพื่อรักษาอาการาเ็ให้นั้น อ๋าวหรานที่เดิมทีก็เกือบจะหายดีอยู่แล้ว แต่ด้วยการเยียวยาจากโอสถที่มีค่าควรเมืองเช่นนี้ ไม่ถึงสิบวันก็มีชีวิตชีวาเหมือนเดิมแล้ว สามารถเดินเที่ยวเล่นอย่างสง่างามไปทั่วบริเวณหมู่บ้านสกุลจิ่งได้แล้ว
หมู่บ้านสกุลจิ่งนี่กว้างใหญ่จริงๆ ภูมิทัศน์ก็งดงามยิ่ง อ๋าวหรานใช้ชีวิตว่างๆ สุขสบายไปวันๆ ชมดอกไม้ ตากลม สบายใจยิ่ง
ถึงแม้วันคืนเช่นนี้จะดีมาก แต่อ๋าวหรานกลับอยากที่จะจากไป เขาคิดอยู่นานแล้วว่า หากเขารั้งอยู่ที่หมู่บ้านสกุลจิ่งนี้จะต้องนำความลำบากมาให้ตระกูลจิ่งเป็แน่ ถึงแม้จะบอกว่าเขารู้ความจริงทุกอย่าง ทั้งยังไม่มีทางทำเื่ทรยศแบบเ้าของร่างคนก่อนอย่างแน่นอน แต่ทว่าแผนการย่อมตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง
นี่ไม่ใช่โลกจริง เื่มากมายไม่ใช่ใช้แค่หลักวิทยาศาสตร์ก็จะสามารถแก้ไขได้ อ๋าวหรานไม่อาจรับประกันเื่ที่เกี่ยวกับเทพเ้าแห่งโชคชะตา รับประกันไม่ได้ว่าเนื้อเื่จะไม่บังคับให้กลับไปสู่พล็อตแบบเดิม และไม่อาจรับประกันได้ว่าตนเองจะสู้กับกฎนี้ได้
โดยเฉพาะพล็อตที่อ๋าวหรานทรยศตระกูลจิ่ง ซึ่งถือเป็จุดเชื่อมโยงสำคัญอันจะขาดไปไม่ได้นี้ เพื่อเชื่อมไปสู่เนื้อเื่ใน่หลัง สภาพจิตใจของตัวเอก โชคชะตาย่อมต้องเปลี่ยนไปเพราะเหตุการณ์นี้ หากไม่มีเื่นี้ เนื้อเื่คงไม่อาจดำเนินต่อไปได้ คิดว่าเนื้อเื่คงไม่ยอมให้เื่เช่นนี้เกิดขึ้นแน่
รวมทั้งคนชุดดำเ่าั้ที่มีเป้าหมายพุ่งมาที่ตัวเขา ตัวเขาเป็ดังชนวนะเิที่ถูกดึงสลักเอาไว้ เดินไปที่ใด ย่อมะเิที่นั่น หากเขาจากไป คนชุดดำคงจะเบนเข็มไม่มาหาถึงหมู่บ้านสกุลจิ่ง และคงจะไม่นำโชคร้ายมาสู่สองพี่น้องตระกูลจิ่ง
อ๋าวหรานกำลังคิดอย่างใจลอย ตอนที่ดึงสติกลับมาก็ถูกใบหน้าหล่อเหลาทำให้ใเข้าให้ ต่อให้หล่อสักแค่ไหน มาโผล่อยู่ข้างหน้าแบบนี้ก็ยังน่ากลัวมากอยู่ดี
จิ่งฝาน “คิดอะไรอยู่? ตั้งใจถึงเพียงนี้”
อ๋าวหราน “เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”อ๋าวหรานที่ใอยู่เล็กน้อย รีบกลับคืนสู่ความสำรวม
จิ่งฝานนั่งลงข้างๆ อ๋าวหราน ยิ้มพร้อมพูดว่า “ไปหาเ้า เ้าไม่อยู่ที่ห้อง พวกคนรับใช้ชี้บอกว่าเ้าเดินมุ่งมาทางนี้ ข้าก็เลยมาดู”
ทำความคุ้นเคยกันมาสิบกว่าวัน อ๋าวหรานก็ยังไม่อาจต้านทานรอยยิ้มราวสายลมวสันตฤดูของตัวเอกได้ สว่างไสวจนตาพร่าเลือน
อ๋าวหรานมองไปยังต้นไม้เขียวชอุ่ม เอ่ยว่า “ทัศนียภาพงดงาม ข้าก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย นอนอยู่ตลอดเวลาน่าเบื่อ”
จิ่งฝาน “หมู่บ้านแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปีแล้ว บรรพบุรุษของตระกูลจิ่ง จิ่งเซียวเสวียน เป็ผู้สร้างขึ้น สมัยนั้นที่แห่งนี้ยังเป็เพียงูเารกร้าง ต่อมาภายใต้ความพยายามจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลจิ่ง จึงกลายเป็สภาพดั่งเช่นทุกวันนี้”
อ๋าวหราน “คนตระกูลจิ่งนี่ช่างฝันจริงๆ รุ่นสู่รุ่น จัดแต่งที่นี่ออกมาได้อย่างงดงามยิ่งนัก”
จิ่งฝาน “ข้าก็รู้สึกว่างดงามมาก ต่อไปเ้าสามารถชื่นชมมันได้ทุกวัน”
อ๋าวหรานหันศีรษะมามองจิ่งฝาน “จิ่งฝาน ข้ามีเื่หนึ่งอยากจะพูดกับเ้า”
จิ่งฝาน “เื่อันใด?”
อ๋าวหราน “ข้าตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปจากหมู่บ้านสกุลจิ่ง”
เมื่ออ๋าวหรานพูดประโยคนี้จบ แววตาของจิ่งฝานเปลี่ยนเป็ลึกลงชั่วขณะ
แต่แววตาที่เปลี่ยนแปลงไปก็แค่ชั่วขณะ อ๋าวหรานที่หันศีรษะออกไปก็มิอาจรับรู้ได้ ช่างโชคร้ายเสียจริง
“เหตุใดต้องจากไป? เ้าไม่ชอบที่นี่หรือ?”
“ข้าชอบหมู่บ้านสกุลจิ่งมาก อีกทั้งพวกเ้าสองพี่น้องช่วยข้าหลายครั้งหลายครา ข้าควรจะตอบแทนเป็เท่าตัว แต่ข้ามีชะตาของข้า มีหนี้เืของข้า ไม่อาจอยู่ที่บ้านของพวกเ้า สงบใจอยู่กับคืนวันสงบเรียบง่ายเช่นนี้ตลอดไปได้ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้รบกวนพวกเ้ามามากพอแล้ว บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าซาบซึ้งใจยิ่ง วันหน้าหากมีโอกาส ข้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” อ๋าวหรานพูดประโยคนี้ออกมา เต็มไปด้วยความเกรงใจ แต่ยังนับว่ามีเหตุผล มีความจริงใจ
“พวกเราไม่ใช่คุยกันแล้วว่าเสมอกันแล้วหรอกหรือ? เหตุใดยังพูดถึงเื่ตอบแทนบุญคุณอยู่อีก เ้าอยากจะจากไปก็ได้ แต่คำพูดนี้เ้าไปพูดให้เซียงเซียงฟังเถิด”
มองดูรอยยิ้มเ้าเล่ห์ของจิ่งฝาน อ๋าวหรานไหล่ลู่ลงโดยไม่รู้ตัว
“ข้ายังหวังให้เ้าช่วยข้าพูดอยู่เลย”
“ข้าช่วยเ้าไม่ได้หรอกนะ เ้าไปพูดกับเซียงเซียงเองก็แล้วกัน”
จิ่งเซียงคาดหวังให้เขาอยู่ด้วยกันเรื่อยมามาโดยตลอด ข้อแรกเป็เพราะจิ่งเซียงแต่เล็กจนโต เติบโตขึ้นมาในตระกูลจิ่ง ถึงแม้คนตระกูลจิ่งจะมีมาก แต่สำหรับนางที่เป็คุณหนูใหญ่สายตรงของตระกูลจิ่งแล้ว นอกจากพี่ชาย คนอื่นล้วนปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพทว่าห่างเหิน ส่วนอ๋าวหรานที่เป็คนจากยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าไม่มีแิเื่สูงศักดิ์ต่ำต้อยอะไรพวกนี้ อีกทั้งฝีมือในการเอาใจเด็กสาวก็ยังดีกว่าคนยุคโบราณไม่รู้ตั้งเท่าไร ดังนั้นแม้จะรู้จักกันแค่่เวลาสั้นๆแค่เดือนกว่า แต่ความรู้สึกดีๆ ที่จิ่งเซียงมีให้อ๋าวหรานกลับมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับนางแล้ว นางคิดว่าอ๋าวหรานเป็เช่นเดียวกันกับพี่ชายของนาง คือเป็คนที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ข้อสอง จิ่งเซียงเป็คนจิตใจดีไร้เดียงสา นางเห็นอ๋าวหรานาแเต็มตัว เกือบหมดลมหายใจมากับตา ท่าทางน่าอนาถจนทำให้คนสงสาร ตระกูลอ๋าวถูกฆ่าล้างตระกูล ความเ็ปเช่นนี้สำหรับคนที่มีอายุใกล้เคียงกับนางแล้ว เรียกได้ว่าคงทุกข์ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป อ๋าวหรานที่เป็เช่นนี้ทำให้คนรู้สึกอยากปกป้อง
เพราะฉะนั้นอ๋าวหรานจึงกังวล จิ่งเซียงเอาแต่พูดไม่หยุดว่าไม่ให้เขาไป ใช้ชีวิตอยู่ให้ดีในหมู่บ้านสกุลจิ่งนี้ ตอนนี้หากเขาไปพูดกับนางกะทันหันว่าจะไป เขาก็รู้สึกผิด อีกทั้งเขาคงทนดูท่าทางผิดหวังเสียใจของจิ่งเซียงไม่ได้จริงๆ
“ไปกัน ไปกินข้าวก่อนเถอะ”
มองดูรอยยิ้มของจิ่งฝานอันเป็ผลงานของใบหน้าแสนงดงามนั่น อ๋าวหรานก็ยิ่งหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม
ไปกินข้าวก่อนแล้วกัน กินอิ่มแล้วค่อยไปสู้รบกับสาวน้อยคนนั้น