จิ่งฝาน “เซียงเซียง อ๋าวหรานมีเื่จะพูดกับเ้า”
บัดซบ เ้าเพื่อนทรยศหลอกลวง ข้ายังไม่ทันเตรียมคำพูดเลย คนทั้งสามกำลังกินข้าว จู่ๆ จิ่งฝานก็พูดขึ้นมากลางวง อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะตวัดสายตาคมกริบสายหนึ่งไปทางจิ่งฝาน
“อือ เ้าจะพูดอะไรล่ะ?” จิ่งเซียงมีอาหารอยู่เต็มปาก พูดเสียงอู้อี้ ใบหน้ายับย่นแลดูน่ารัก
“เซียงเซียง ข้าเตรียมตัวจะไปจากหมู่บ้านสกุลจิ่งในวันพรุ่งนี้”
เพิ่งจะพูดจบ จิ่งเซียงก็ทำตาโตส่งมา แม้แต่คนสงบนิ่งเช่นอ๋าวหรานก็ยังรู้สึกกลัว
“ทำไมต้องจากไปด้วย? อยู่ที่นี่ไม่ดีหรือ”
“ข้ามีเื่ของข้าที่ต้องไปทำ แน่นอนว่าไม่สามารถอยู่ที่หมู่บ้านสกุลจิ่งนี่ได้ตลอดไป” อ๋าวหรานคิดจะใช้คำที่เคยพูดกับจิ่งฝานมาโอ๋จิ่งเซียง
“ข้า...”
ประโยคถัดไปอ๋าวหรานยังไม่ทันพูดก็ถูกจิ่งเซียงขัดเสียแล้ว “เ้าจะไปแก้แค้นหรือ?”
“ใช่ ข้า...”
จิ่งเซียงตบตะเกียบลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโกรธ “เ้าบ้าไปแล้วหรือ? เ้าจะไปแก้แค้นใคร เ้ารู้หรือว่าศัตรูของเ้าเป็ใคร?”
่นี้เื่ราวของตระกูลอ๋าวก็เป็ที่โจษจันกันไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่แล้ว ถึงอย่างไรตระกูลอ๋าวก็ถือเป็กลุ่มอิทธิพลที่ไม่น้อยเลย แต่ทว่าคนทั่วไปกลับรู้เพียงแค่ว่าตระกูอ๋าวถูกคนชุดดำกลุ่มหนึ่งฆ่าล้างตระกูล แต่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคนกลุ่มนั้นเป็ใคร แต่ทำได้ถึงขนาดฆ่าล้างตระกูลอ๋าวสองสามร้อยคนในคืนเดียว คงเป็กลุ่มอิทธิพลที่ไม่ธรรมดาเป็แน่
จิ่งเซียงไม่เคยถามเื่ราวทั้งหมดจากอ๋าวหราน นางกลัวจะไปเสียดแทงจิติญญาของอ๋าวหรานจนทำให้เขาเ็ป แต่เื่ที่คนในยุทธภพพูดถึงกันนั้นนางย่อมรู้ดี
“ตระกูลอ๋าวของเ้าก็เป็ตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ ในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ก็ถือว่าเป็ที่เคารพนับถืออยู่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับพวกโหดร้ายพวกนั้นก็แทบจะไม่มีแรงต่อกรอะไรได้เลย มีเพียงเ้าที่หนีตายมาได้อย่างหวุดหวิด เกือบจะไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ เ้าจะเอาอะไรไปแก้แค้น? ไปรนหาที่ตายหรือ?”
จิ่งเซียงพูดออกมาอย่างไร้ความปราณี พุ่งตรงไปที่าแคนฟัง ถ้าเป็เ้าของร่างคนเก่าคงจะเหมือนถูกตีเข้าอย่างจังแน่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ถึงแม้จิ่งเซียงจะอายุยังน้อย แต่ก็มีความโดดเด่นกว่าใครอื่น นางสามารถพูดปัญหาเหล่านี้ออกมาได้อย่างตรงจุด แน่นอน อ๋าวหรานเองก็เข้าใจ ตอนนี้ถึงแม้ตัวเขาจะเป็คนในนิยาย ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเองก็เป็คนฉลาดคนหนึ่ง ในฐานะที่เคยเป็คนนอกมาก่อน สิ่งที่เห็น สิ่งคิดได้นั้นล้วนมีมากกว่าจิ่งเซียงมากมายนัก ถึงแม้ว่าเ้าของร่างคนก่อนจะไม่รู้ว่าศัตรูของตระกูลตนเองเป็ใคร แต่อ๋าวหรานในตอนนี้รู้ว่าศัตรูของตระกูลตนเองคือผู้ใด แล้วก็รู้ว่าหากไปแก้แค้นตอนนี้ก็เหมือนกับตั๊กแตนไปห้ามรถ เป็การรนหาที่ตายอย่างแท้จริง บอกว่าจะไปแก้แค้นตอนนี้ก็เป็เพียงแค่คำพูดที่เลือกสรรมาเท่านั้น แค่เพียง้าหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลให้กับตัวเองในการไปจากหมู่บ้านสกุลจิ่งก็เท่านั้น อ๋าวหรานไม่ใช่คนโง่ คงไม่ไร้ความคิดถึงขนาดจะบุกเดี่ยวไปแก้แค้น นอกจากนี้อิทธิพลของคนชุดดำกลุ่มนั้นก็ยิ่งใหญ่มาก ต่อให้เป็ตัวเอกเอง ตอนที่บุกไปทลายรังลับนี่ก็ยังต้องใช้ความยาวถึงร้อยบท ถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่สามารถกำจัดหัวหน้าใหญ่ได้ คนผู้นี้ยังะโโลนเต้นเป็ได้อีกนานทีเดียว เพราะฉะนั้นจึงถือว่าเป็ความคิดเพ้อฝันโดยแท้
จิ่งเซียงเห็นอ๋าวหรานความคิดหลุดลอย นางจึงพูดเกลี้ยกล่อมต่อไปว่า “ข้ารู้ว่าเ้าคิดจะแก้แค้นจริงจัง แต่เ้าก็ต้องใช้สมองบ้าง เ้าจะไปแก้แค้นไม่ใช่ไปรนหาที่ตายนะ เข้าใจใช่หรือไม่?”
พูดตามจริงแล้ว อ๋าวหรานซาบซึ้งใจจริงๆ ในหนังสือนิยาย อายุของตนกับจิ่งเซียงใกล้เคียงกัน ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนจริงๆ ของเขาโตกว่าจิ่งเซียงถึงสิบปีเต็มๆ แต่ตอนนี้จิ่งเซียงกลับแสดงท่าทางเป็ผู้ใหญ่กว่าอายุมาเกลี้ยกล่อมเขา ทำให้คนรู้สึกขบขันในขณะเดียวกันก็รู้สึกสึกซาบซึ้ง
“เ้ากลัวว่าจะทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยหรือ?” จิ่งฝานที่เงียบไปนานอยู่ๆ ก็พูดขึ้นมากะทันหัน ทำให้อ๋าวหรานกับจิ่งเซียงต้องหันไปมองเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ในดวงตานั้นมีแววตาที่ทำให้คนอ่านไม่ออกเปล่งประกายอยู่ จิ่งฝานพูดต่อไปว่า “คิดว่าเ้าเองก็คงจะรู้ว่าศัตรูของเ้าแข็งแกร่ง แล้วพวกนั้นก็ไม่มีทางปล่อยปลาที่รอดอวนออกมาอย่างเ้าไปแน่ เ้าไม่อยากอยู่ที่หมู่บ้านสกุลจิ่งต่อ ด้านหนึ่งเป็เพราะอยากแก้แค้น อีกด้านหนึ่งคือไม่อยากนำภัยพิบัติมาสู่พวกเราสินะ!”
“อ๋าวหรานเ้าคนโง่!” จิ่งฝานเพิ่งจะพูดจบ จิ่งเซียงก็อดไม่ได้ที่จะะโด้วยความโมโหใส่อ๋าวหราน
“เอ่อ...เซียงเซียง นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเ้าเป็เพื่อนข้ามีบุญคุณช่วยชีวิตข้าไว้ ต่อให้เป็คนธรรมดาที่ไม่รู้จัก ข้าก็ไม่ควรนำเหตุร้ายมาสู่ตัวพวกเ้า ข้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าจะแทนคุณ แต่ข้าก็รู้ดีว่านี่เป็คำพูดปากเปล่าที่ไม่รู้จะได้ทำเมื่อไร นอกจากจะไม่ได้แทนคุณแล้ว ข้ายังทำให้พวกเ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้นข้าไม่กลายเป็คนชั่วไร้คุณธรรมหรือ?”
“ถึง...ถึงอย่างนั้นเ้าก็ไม่ควรไปรนหาที่ตายอยู่ดี”
“ตระกูลจิ่งของข้าถึงแม้จะดูราวกับหลบเร้นจากโลกภายนอก แต่ก็ยังมีน้ำหนักมากพอบนแผ่นดินใหญ่นี้ ยังไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดกล้ามาหาเื่เราตามอำเภอใจ เ้าอยู่ที่ตระกูลจิ่งนี่แหละ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกนั้นยังไม่รู้ว่าเ้าอยู่ที่นี่ ต่อให้รู้แล้ว พวกนั้นก็ต้องไว้หน้าพวกเราตระกูลจิ่ง ไม่มีทางลงมือโดยไม่เกรงกลัวหรอก” เมื่อจิ่งฝานพูดจบ จิ่งเซียงก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแข็งขัน
แต่อ๋าวหรานกลับได้แต่น้ำตานองหน้า อยากจะบอกจิ่งฝานว่า เ้าหนุ่มเอ๋ย แกรู้น้อยเกินไปแล้ว ตระกูลจิ่งแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะล่วงเกินไม่ได้เสียหน่อย ขอแต่ผู้เขียน้า ไม่ว่าใครก็สามารถโผล่มาสู้กับเ้าได้ทั้งนั้น แต่อ๋าวหรานต้องเก็บไว้จนแทบจะช้ำในตายอยู่แล้ว!
จิ่งฝาน “หากเ้าอยากแก้แค้น แค่เ้าคนเดียวทำไม่ได้หรอก ตระกูลจิ่งของเราช่วยเ้าได้”
จิ่งเซียง “อืมอืม ท่านพี่พูดถูกแล้ว อ๋าวหราน เ้าไม่ควรออกปฏิบัติการโดยไร้แผน รั้งอยู่ที่ตระกูลจิ่งก่อน ค่อยๆคิดแผนเถิด”
ถึงแม้อ๋าวหรานจะเคยอ่านนิยายมาแล้วแต่ตอนนี้ก็ยังััได้อย่างลึกซึ้งว่าตัวเอกใน่ต้นเป็คนดีจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าตนเป็ภาระใหญ่ ยังกล้าที่จะให้คำสัญญาที่จะช่วยเหลือเขาแบบนี้
แต่อ๋าวหรานเองก็คิดว่าตนเหมือนจะรีบร้อนเกินไป ในนิยายเล่มนี้จิ่งฝานต่างหากที่เป็ตัวเอก เื่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามเขา ตนเองเป็แค่คนรับะุแทน ต่อให้เขาจากไปแล้ว เื่ส่วนใหญ่ที่ควรเกิดขึ้นกับตัวเอกก็คงยังต้องเกิดต่อไปสินะ?
ถ้าอยู่ที่นี่ก็อาจจะได้เป็คนเริ่มลงมือก่อนก็เป็ได้
จิ่งเซียงถามอ๋าวหรานที่กำลังจมอยู่กับความคิดว่า “อ๋าวหราน ตกลงว่าเ้าคิดอย่างไร?”
อ๋าวหรานที่คิดตกแล้วสบตาสองพี่น้องแล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์ตอบว่า “ต่อไปเกรงว่าคงจะต้องสร้างความลำบากให้พวกเ้าแล้ว”
ได้ยินคำตอบของอ๋าวหรานจิ่งเซียงยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่จิ่งฝานกลับสงบนิ่ง มุมปากเพียงแต้มรอยยิ้มน้อยๆ แฝงความนัย ดูงดงามไปอีกแบบ อ๋าวหรานตะลึงมองจนตาค้าง
......
เมื่อตัดสินใจจะรั้งอยู่ต่อ สิ่งที่อ๋าวหรานต้องทำก็มีไม่มากนัก เขาต้องวางแผนให้ดีๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องหาโอกาสพูดคุยกับพวกจิ่งฝานสองพี่น้องเสียหน่อย
อ๋าวหราน “ระบบ อยู่ไหม? เรียกด่วน!”
เงียบไปสักพัก อ๋าวหรานเกือบจะยอมแพ้แล้วถึงได้ยินเสียงระบบตอบกลับมา “ทำไมหรือ?”
อ๋าวหราน “ฉันอยากจะบอกเื่บางเื่กับตัวเอก พอจะเป็ไปได้ไหม?”
ระบบ “เื่บางเื่ที่ยังไม่เกิดขึ้นเ้าไม่สามารถพูดได้ แต่ต่อให้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์”
อ๋าวหราน “บางเื่? ยังไม่เกิดขึ้น? มีมาตรฐานที่เฉพาะเจาะจงไหม?”
…
เยี่ยม หายไปอีกแล้ว