ที่น่าขายหน้าที่สุดก็คือ อ๋าวหรานสลบไปบนหลังม้า
ทำให้ต้องถูกจิ่งฝานอุ้มท่าเ้าหญิงกลับไปยังที่พักของตนเอง ประเด็นก็คือ ตนเองกลับสลบไปถึงสามวันเต็มๆ ไข้สูงไม่ลด ตอนที่ฟื้นขึ้นมาจิ่งเซียงตื่นเต้นเป็อย่างมาก อธิบายอย่างแข็งขันว่าพี่ชายนางอุ้มเขากลับมาอย่างไร ดูแลเขาใกล้ชิดไม่ห่างกายอย่างไร
อ๋าวหรานรู้ว่าความตั้งใจของแม่นางน้อยคนนี้คือไม่้าให้เขากล่าวโทษพี่ชายของนาง พูดตามจริง อ๋าวหรานค่อนข้างมีอคติต่อตัวเอก เกือบตายด้วยน้ำมือของเขาโดยไม่รู้เื่รู้ราวอะไร ต่อให้จะเป็คนใจกว้างแค่ไหนก็คงไม่สามารถไม่ติดใจอะไรเลยได้
นอกจากนี้ ตัวเอกยังทำให้เขาสงสัยจริงๆ ว่าใน่แรกๆ ทั้งๆ ที่อบอุ่นใจดี ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางมีจิตสังหารแรงกล้า และแววตาที่ทำให้คนหวาดกลัวจับใจเช่นนั้นแน่ ตามต้นฉบับบรรยายไว้ว่าการที่ตัวเอกนั้นค่อยๆเข้าสู่ด้านมืดอย่างช้าๆ นั้น
เริ่มจากตระกูลของตัวเอกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตัวเขาเองต้องพบเจอกับความยากลำบากนับไม่ถ้วน ถึงอย่างนั้น ตอนที่เขาสังหารหมู่พวกคนที่เคยทรยศหักหลังเขา แล้วพบกับท่าทางร้องขอชีวิตต่อเขาจากคนเ่าั้ ภายในใจของเขาก็ยังสับสนและต่อสู้กันเอง ตอนหลังถูกทรยศอีกครั้งจึงได้ตัดสินใจสังหาร ความโหดร้ายเืเย็นของตัวเอกไม่ได้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ผ่านเหตุการณ์เกี่ยวกับชีวิตและความตายมานับไม่ถ้วน ถึงทำให้นิสัยของตัวเอกเกิดการเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจาก่แรกๆ เหมือนเป็คนละคน แต่ที่แปลกคือจิตสังหารที่ตัวเอกคนนั้นแผ่ออกมาในวันนั้นไม่ได้เกิดจากการบ่มเพาะใน่ระยะเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอน นี่ทำให้อ๋าวหรานรู้สึกคับข้องใจอย่างประหลาด
แต่ตอนนี้มองดูจิ่งเซียงพยายามอธิบายว่าพี่ชายนางดูแลเขาอย่างไรบ้าง หวังเพียงแค่ให้พวกเขาสองคนเป็เพื่อนกัน อ๋าวหรานก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาไร้เรี่ยวแรงจะปฏิเสธความจริงใจจากแม่นางน้อย คิดแค่อยากตามใจนาง ไม่ว่าเื่ใดก็ล้วนแล้วแต่นางเท่านั้น
ในตอนที่อ๋าวหรานกับจิ่งเซียงกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ตัวเอกที่ถือถ้วยอยู่ใบหนึ่งผลักประตูเข้ามา มองไม่เห็นจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมปากที่ประดับด้วยยิ้มน้อยๆ อย่างเป็ธรรมชาตินั่น รูปร่างสูงโปร่งยิ่งพอรวมกับใบหน้าที่งดงามจนเกือบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ทำให้คนยากที่จะเกิดความสงสัยหรือไม่พอใจ อ๋าวหรานคิดว่าใบหน้านี้ช่างก่อกรรมจริงๆ
“คุณชายอ๋าว เซียงเซียงบอกว่าท่านฟื้นแล้ว ข้าก็เลยมาดู โจ๊กนี้ผสมยาดีๆ ลงไปมากมาย ช่วยบำรุงร่างกาย หลายวันมานี้ท่านได้แต่สลบไสล แทบจะไม่ได้ทานอะไรเลย กินโจ๊กรองท้องไปก่อน อีกสักพักค่อยกินยา”
ไม่พูดถึงเื่ที่คอยดูแลเขาแม้สักประโยค จิตใจบริสุทธิ์กว้างขวาง ตัวเอกนี่ช่างทำให้คนเกิดความรู้สึกดีด้วยจริงๆ
“ขอบคุณคุณชายจิ่ง หลายวันมานี้ลำบากท่านทั้งสองแล้ว อ๋าวหรานจะตอบแทนเป็เท่าตัวอย่างแน่นอน”ไม่ว่าจะอย่างไรชีวิตนี้ก็เป็ชีวิตที่เขาเก็บมาได้ อีกทั้งจิ่งเซียงเองมีบุญคุณต่อเขาอยู่ เขาก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร
“วันหน้าข้าก็เรียกเ้าว่าอ๋าวหรานแล้วกัน เ้าก็อย่าเอาแต่เรียกคุณชายจิ่งคุณชายจิ่งอยู่เลย เรียกข้าว่าจิ่งฝานก็พอ ดูจากอายุเ้าน่าจะเด็กกว่าข้า เ้าจะเรียกข้าว่าพี่เหมือนเซียงเซียงก็ได้”
รอยยิ้มนี้ทำให้อ๋าวหรานทัดทานไม่ได้จริงๆ ยากที่จะตอบปฏิเสธออกไป จึงเรียกออกไปคำหนึ่งว่า “จิ่งฝาน”
“อ๋าวหราน”
ดวงตาที่โค้งขึ้น รอยยิ้มบางๆ คนคนนี้ช่างเป็ลูกรักของพระเ้าจริงๆ ผิดแล้ว เป็ลูกรักของผู้เขียนต่างหาก ใบหน้านี้ดีกว่าใบหน้าของตนเองที่พอจะนับได้ว่าน่ามองอยู่มากโข
“อ๋าวหราน เ้ารีบกินโจ๊กเถอะ ไม่อย่างนั้นจะเย็นเสียหมด”
มองเห็นจิ่งฝานถือถ้วยอยู่ อ๋าวหรานรีบรับมาทันทีขอบคุณหนึ่งเสียงทันที จะอย่างไรก็นับได้ว่าหิวอย่างยิ่งแล้ว ถึงอ๋าวหรานจะมีมารยาทดีแค่ไหนตอนกินก็ยังดูตะกละตะกลามอยู่บ้าง
“อ๋าวหราน เ้าก็อยู่ที่นี่รักษาตัวให้สบายใจเถิด หมู่บ้านสกุลอ๋าวสิ้นไปแล้ว ก็ถือเสียว่าที่นี่เป็บ้านของเ้า วันนั้นขอโทษจริงๆ ข้าบุ่มบ่ามเกินไป ไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบก็ลงมือทำร้ายเ้า ขออภัยจริงๆ จะขอให้เ้าลืมเื่เมื่อครั้งก่อนคงจะเป็การกระทำที่เห็นแก่ตัวอีกทั้งยังไร้ยางอายมากเกินไป แต่วันข้างหน้า ข้าจะชดเชยให้เ้าอย่างแน่นอน ขอเ้าอภัยให้ข้าด้วย”
น้ำเสียงที่จริงใจเช่นนี้ ความไม่พอใจเล็กๆ ที่ยังติดอยู่ในใจของอ๋าวหรานก็สลายไปราวกับภาพฝัน
“เื่นี้ไม่โทษเ้า เ้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ข้าเองก็ไม่ได้เป็อะไรไม่ใช่หรือ ยังกินดื่มอยู่ในบ้านเ้าอีก เ้าอย่าโทษตัวเองเป็อันขาด อีกทั้ง ชีวิตข้าเดิมทีก็เป็เซียงเซียงที่ช่วยไว้ ถ้าหากไม่มีนางข้าคงตายไปนานแล้ว ควรเป็ข้าที่ต้องขอบคุณพวกเ้ามากกว่า”
มองดูสีหน้าสำนึกผิดของตัวเอก อ๋าวหรานรีบพูดต่อว่า “ถ้าอย่างไรเ้าก็ถือเสียว่าเราเสมอกันละกัน ถ้าจะให้พูดจริงๆละก็ เป็ข้าที่เอาเปรียบเสียด้วยซ้ำ”
“ท่านพี่ ท่านก็อย่ามัวแต่เกรงใจอยู่เลย ข้าฟังจนรู้สึกสับสนจะตายแล้ว อ๋าวหรานไม่ติดใจอะไรแล้ว ท่านจะคิดมากไปไย”
ถ้าจะบอกว่าเมื่อก่อนอ๋าวหรานยังระแวดระวังตัวเอกอยู่ละก็ตอนนี้อ๋าวหรานก็ไม่อาจใช้ความคิดชั่วร้ายของตนเองไปบังอาจคาดเดาความคิดของสุภาพบุรุษท่านนี้ได้อีกแล้ว ตัวเอกใน่แรกนี้ช่างเป็นักบุญอย่างแท้จริง ไม่ต้องพูดถึงว่าชีวิตของตนเป็ตระกูลจิ่งช่วยเอาไว้ แค่ที่ตนเองกิน ดื่ม อาศัยโดยอยู่ที่ตระกูลจิ่งมาตั้งหลายวันโดยต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายสักนิด ก็นับว่าเขาใจกว้าง มีคุณธรรมมากพอแล้ว
“เซียงเซียง พูดถูกแล้ว เป็ข้าที่มากมารยาทเกินไป ถ้าอย่างนั้นอ๋าวหราน ก็ถือเสียว่าพวกเราไม่ทะเลาะไม่รู้จัก ข้า จิ่งฝานขอนับเ้าเป็สหายแล้ว”
“ข้า อ๋าวหรานเป็เกียรติอย่างยิ่ง”
สองคนสบตากัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ตาของอ๋าวเกือบจะถูกความเจิดจ้าทำให้บอดเอาเสียแล้ว
อ๋าวหรานกับจิ่งฝานสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดในอดีตแล้วกลายเป็เพื่อนกันได้ คนที่ดีใจที่สุดก็คือจิ่งเซียง มองดูคนสองคนสบตายิ้มแย้ม จิ่งเซียงเองก็ดีใจจนยิ้มออกมา
อ๋าวหรานก็ดีใจเช่นกัน นี่ถือเป็เพื่อนคนที่สองที่เขาคบในต่างโลกนี้ คนแรกแน่นอนว่าคือเซียงเซียง