เหอหยาชิงและหยิ่นยวี๋โม่เดินออกจากร้านเสื้อผ้า “เลือกชุดเสร็จแล้ว ต่อไปฉันจะพาเธอไปทำผม แล้วก็แต่งหน้ายังไงคืนนี้เธอต้องเป็คุณนายมู่ที่สวยที่สุดในงานแน่นอน”
เหอหยาชิงขับรถพาหยิ่นยวี๋โม่มาถึงร้านเสริมสวยแม้ว่าเธอจะเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน แต่กับเื่พวกนี้ เธอคุ้นเคยเป็อย่างดีและเธอยังเป็สมาชิกวีไอพีของร้านนี้อีกด้วย
ตลอดทั้งบ่าย หยิ่นยวี๋โม่ปล่อยผมยาวของเธอให้สไตลิสต์เป็คนดูแลใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย เธอเปลี่ยนชุดราตรีแล้วยืนอยู่หน้ากระจกหยิ่นยวี๋โม่แทบไม่เชื่อสายตาว่าคนในกระจกเป็ตัวเธอเอง
เหอหยาชิงพยักหน้า “ไม่เลวเลยนะเนี่ย! ทั้งสวยทั้งมีระดับฉันว่าถ้ามู่อี้หานเห็นต้องหลงเธอแน่ๆ ”
อย่างไรเสียการแต่งตัวแต่งหน้าของผู้หญิง ก็เพียงเพื่อให้คนที่เรารักเห็น เธอเองก็เช่นกันแม้เธอจะรู้ว่าการกระทำแบบนี้มันดูน่าขัน กว่าทั้งคู่จะออกจากร้านเสริมสวยก็จวนจะถึงเวลาเลิกงานพอดี หยิ่นยวี๋โม่ไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ เหอหยาชิงจึงบึ่งรถพาเธอไปส่งที่บริษัทหยิ่นซื่อกรุ๊ปแทน
“คุณหนู คุณมาแล้ว”พนักงานต้อนรับพาเธอเข้าไปยังบริษัท
หยิ่นยวี๋โม่ยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์รอลิฟต์ที่กำลังลงมา ทีละชั้น ทีละชั้น แต่เมื่อลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นหนึ่งเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เธอกลับไม่กล้าเดินเข้าไป
เธอเดินกลับไปกลับมาอย่างไม่มั่นใจสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะรอจนมู่อี้หานเลิกงานอยู่ที่ห้องรับรองชั้นหนึ่งแทน
มู่อี้หานมองดูเวลาหยิบชุดสูทจากไม้แขวนแล้วออกจากห้องทำงานไป
“ท่านประธานมู่”โจวลี่ฉีรีบเดินเข้ามาทันที
“มีธุระอะไร?”มู่อี้หานมองเธอ ไม่รู้ว่าโจวลี่ฉีเปลี่ยนมาใส่ชุดราตรีั้แ่เมื่อไหร่ชุดเดรสสีดำรัดรูปเผยให้เห็นเนินอกอิ่ม เรียวขายาว แม้กระทั่งรองเท้าส้นสูงหนังงูก็ยังเป็สีดำอากัปกิริยาของเธอในตอนนี้ แทบจะทำให้พวกผู้ชายเืกำเดาไหลแล้ว
“ท่านประธานมู่ งานประมูลการกุศลคืนนี้ ฉันไปกับคุณด้วยนะคะ!” เื่การปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน โจวลี่ฉีไม่มีทางพลาดแต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ งานประมูลการกุศลครั้งนี้ถูกจัดโดยคนสำคัญของกลุ่มเหยี่ยนกรุ๊ปทั้งยังมีเหลิงจิ่งชวนเป็ผู้ดำเนินรายการด้วยตัวเองอีก
บางทีประธานและภรรยาของกลุ่มเหยี่ยนกรุ๊ปพวกเขาอาจเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าเพื่ออะไรก็ตามแต่โอกาสครั้งนี้ โจวลี่ฉีอยากจะคว้ามันเอาไว้
แววตาของมู่อี้หานดูเคร่งเครียด “ผมบอกให้คุณโทรหาโม่โม่ คุณได้โทรหาเธอหรือยัง?” ั้แ่ครั้งก่อนที่หยิ่นยวี๋โม่มาเห็นพวกเขาทั้งคู่ในห้องทำงานมู่อี้หานก็เริ่มจะไม่ไว้ใจเธอ
ผู้หญิงคนนี้มีความมักใหญ่ใฝ่สูงครั้งนั้นเธอได้เป็เลขาข้างกายเ้าสัวหยิ่นผู้มีตำแหน่งสำคัญที่สุดและในตอนนี้เขาได้ในสิ่งที่เขาอยากได้แล้วความทะเยอทะยานที่มากจนเกินไปของโจวลี่ฉี ทำให้เขาไม่ชอบใจนัก
ยิ่งไปกว่านั้นงานสำคัญอย่างงานประมูลการกุศลครั้งนี้ เขาควรที่จะพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ไปเปิดตัวเขา้าให้เธอเข้าใจ ว่าเธอคือคุณนายมู่ หรือถ้าเธอไม่คิดแบบนั้น จะไม่ไปก็ไม่เป็ไร
“แจ้งแล้วค่ะ” โจวลี่ฉีใกับสายตาแบบนั้นของเขา
“เธอบอกว่าเธอไม่อยากไปเหรอ?” มู่อี้หานถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ในสายตาของเขา หยิ่นยวี๋โม่ไม่มีความกล้าขนาดนั้น
โจวลี่ฉีคิดไม่ถึงว่ามู่อี้หานจะแสดงท่าทีไม่พอใจเธอเพราะเื่นี้ “คุณนายมู่เธอบอกว่าเธอจะมาค่ะ”
“อืม” มู่อี้หานขานรับเบาๆ หลังจากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัว
โจวลี่ฉีเดินตามเข้าไปด้วย “ท่านประธานมู่ เครื่องประดับของคุณนายเดี๋ยวเราไปรับด้วยกันเลยนะคะ”หลังจากโทรศัพท์เมื่อเช้า มู่อี้หานยังสั่งให้เธอสั่งเครื่องประดับมาอีกหนึ่งชุดด้วย
มู่อี้หานไม่ได้คัดค้านอะไรทั้งสองคนลงจากลิฟต์มาด้วยกัน หยิ่นยวี๋โม่ที่เดินออกมาจากห้องรับรองพอดีและบังเอิญเห็นโจวลี่ฉีทำท่าทางสนิทสนมกับมู่อี้หานเข้าเธอพลันยกยิ้มมุมปากขึ้น “ที่รักคะ”
แค่คำว่าที่รักคำเดียวทำเอาสีหน้าของโจวลี่ถึงกลับเปลี่ยนไป มู่อี้หานมองเธอและอดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆโจวลี่ฉีเห็นชุดราตรีบนตัวของหยิ่นยวี๋โม่ ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงอ่อนๆหล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า หยิ่นยวี๋โม่จะเป็คนที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลได้เหมือนกัน
มู่อี้หานเดินเข้าไปหาเธอ “รอผมนานไหม?”เขาเพิ่งเห็นเธอเดินออกมาจากห้องรับรอง หมายความว่าเธอมาถึงแล้ว แต่กลับไม่ได้ขึ้นไป
“ไม่นานค่ะ” จริงๆ แล้วหยิ่นยวี๋โม่รอเขาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงสำหรับเธอ การรอคอยแบบนี้ นับได้ว่าทั้งสุขสมและหอมหวาน
“อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ” วงแขนของมู่อี้หานโอบไปที่เอวบางของเธอ ชุดราตรีสีม่วงอ่อนชุดนี้ห่อหุ้มร่างกายของเธอไว้ไม่มีเครื่องประดับอะไรมากมาย มีเพียงสายคาดเอวเส้นเล็กๆ สีเดียวกับชุดและสร้อยคอลายผีเสื้อที่อยู่ตรงเนินอก ส่องประกายระยิบระยับราวเพชรน้ำงาม ชุดราตรียาวที่ลากไปกับพื้นทำให้ทุกๆย่างก้าวของเธอพลิ้วไหว ยิ่งทำให้เธอเป็จุดสนใจมากขึ้น
หยิ่นยวี๋โม่มองโจวลี่ฉีเพียงครู่หนึ่ง “เลขาโจว คืนนี้คุณจะไปงานประมูลการกุศลด้วยใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันสิ” สิ่งที่หยิ่นยวี๋โม่เอ่ยออกมา ทำให้มู่อี้หานและโจวลี่ฉีถึงกับอึ้งไป
ผู้หญิงคนนี้ใจกว้างพอจะออกงานกับโจวลี่ฉี ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับสามีตัวเองไม่รู้ว่าเธอใจกว้างหรือมีจุดประสงค์ใดแอบแฝงกันแน่
หยิ่นยวี๋โม่กับมู่อี้หานนั่งอยู่เบาะหลังของรถโจวลี่ฉีนั่งอยู่ข้างคนขับ บรรยากาศในรถหรู กลับดูอึมครึมจนทำให้คนที่นั่งอยู่หายใจไม่ออก
หยิ่นยวี๋โม่นั่งเงียบแล้วทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนมู่อี้หานนั่งกุมมือเธอไว้ตลอด ทั้งสองต่างไม่พูดอะไรในสายตาคนนอก คงมองว่าทั้งคู่เป็สามีภรรยาที่รักใคร่กันดี
แต่ในสายตาของโจวลี่ฉีมันขัดหูขัดตาเธอไม่เบา หยิ่นยวี๋โม่ตั้งใจทำให้เธอรู้ว่า คุณหนูตระกูลหยิ่นคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของมู่อี้หานใช่ไหม? และเธอ โจวลี่ฉีเป็ได้แค่มือที่สามหน้าไม่อายแค่นั้นสินะ?
หมายถึงเธอสินะ? มู่อี้หานมีผู้หญิงอยู่ข้างกายมากมาย ความจริงอาจไม่ใช่แค่เธอก็ได้เพียงแค่ในทุกๆ ครั้งเธอจะเป็ฝ่ายเริ่มก่อน แต่มู่อี้หานก็ไม่เคยปฏิเสธเธอสำหรับเธอ เขาไม่เคยเริ่มก่อนเลยสักครั้ง
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่รู้ว่าเป็แบบไหนอาจจะเป็แค่การสนองความ้าของตัวเอง และไม่มีอะไรมากกว่านั้น โจวลี่ฉีใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของเธอกับมู่อี้หานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็คาดไม่ถึงเื่ที่หยิ่นยวี๋โม่ไม่กระโตกกระตากอะไรออกมาตอนนี้เหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แถมเธอยังได้รับคำเชิญให้ไปร่วมงานประมูลการกุศลด้วยกันอีก
รถจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าร้านอัญมณีแห่งหนึ่งหยิ่นยวี๋โม่และมู่อี้หานลงจากรถ โจวลี่ฉีกำลังคิดที่จะเปิดประตูรถลงมาเช่นกันแต่ถูกมู่อี้หานห้ามไว้ “คุณรออยู่บนรถดีแล้วล่ะ”
หยิ่นยวี๋โม่ได้ยินแต่ทำเหมือนไม่ได้ยิน ทำเพียงเดินเข้าไปในร้านโดยไม่พูดไม่จา แท้จริงแล้ว สำหรับเธอเครื่องประดับเหล่านี้ล้วนเป็เพียงแค่สัญลักษณ์บ่งบอกสถานภาพของเธอเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่อาจปฏิเสธมันได้