แม่บ้านโจวนำน้ำผลไม้วางลงบนโต๊ะกาแฟ“คุณหนูคะ เดี๋ยวฉันช่วยคุณหนูเตรียมอาหารเช้านะคะ”
“แม่บ้านโจว ไม่ต้องหรอก ฉันยังไม่หิว สักพักฉันต้องออกไปข้างนอกแล้วอีกเดี๋ยวให้ลุงตงขับรถพาฉันออกไปในเมืองหน่อยนะคะ” เธอนั่งลงบนโซฟา แล้วเอามือกุมขมับด้วยความเหนื่อยล้า
หยิ่นยวี๋โม่เดินขึ้นไปชั้นสองเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะออกไปข้างนอก แต่จู่ๆ ก็มีสายโทรศัพท์เรียกเข้าจากบริษัทเข้ามา“เลขาโจว?”
“คุณนายมู่ ท่านประธานให้ดิฉันโทรแจ้งคุณว่าคืนนี้ให้คุณแต่งตัวให้เรียบร้อย คุณจะต้องไปงานประมูลเพื่อการกุศลกับท่านประธานค่ะ” แม้โจวลี่ฉีจะไม่ชอบใจนักแต่หล่อนยังคงต้องฟังคำสั่งจากมู่อี้หานที่สั่งให้โทรศัพท์หาหยิ่นยวี๋โม่
หยิ่นยวี๋โม่ฟังออกว่าน้ำเสียงของโจวลี่ไม่พอใจนักเธอไม่เคยออกงานกลางคืนกับมู่อี้หานมาก่อน และเธอก็ไม่ค่อยชอบมันเท่าไรนัก
“เลขาโจว ในเมื่ออี้หานบอกมาแบบนี้ ถ้าฉันบอกว่าไม่ไป เขาคงไม่พอใจแน่ๆคุณคิดแบบนั้นไหม?” ความจริงหยิ่นยวี๋โม่ไม่อยากไปแต่เธอก็ไม่อยากเห็นมู่อี้หานกับโจวลี่ฉีไปด้วยกันหรือว่าที่มู่อี้หานพาเธอไปออกงานด้วย ก็เพื่อเป็การแสดงละครให้คนอื่นเห็นว่าทั้งคู่ยังรักกันดีเท่านั้นและนั่นทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธมันได้
“แต่ถ้าคุณนายมู่ไม่อยากไป ดิฉันจะเรียนท่านประธานให้ค่ะ” โจวลี่ฉีจงใจพูดด้วยน้ำเสียงกระด้างกระเดื่อง เพราะเธอก็ไม่อยากให้หยิ่นยวี๋โม่ไปร่วมงานนี้
ถ้าหยิ่นยวี๋โม่ไม่ไปความสัมพันธ์ระหว่างมู่อี้หานและหยิ่นยวี๋โม่จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ยิ่งถ้าหยิ่นยวี๋โม่ไม่ไปคนที่จะได้ออกงานร่วมกับมู่อี้หาน คนที่จะได้ยืนเคียงข้างเขา อย่างไรเสียก็ต้องเป็เธอโจวลี่ฉี แม้แต่เ้าสัวตระกูลหยิ่น เธอยังทำให้เขายอมลดตัวมาหาเธอได้นับประสาอะไรกับมู่อี้หานที่เป็เพียงแค่คนหนุ่มที่มีความสามารถเท่านั้น
“ไม่รบกวนเลขาโจวดีกว่า ฉันจะไป” เมื่อพูดจบ หยิ่นยวี๋โม่ก็ตัดสายเธอในทันที
โจวลี่ฉีซึ่งนั่งอยู่ในห้องทำงานได้ยินเพียงเสียงตู๊ดๆ ของสายโทรศัพท์ที่ถูกตัดไปสีหน้าของเธอไม่สบอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง เดี๋ยวนี้หยิ่นยวี๋โม่กล้าวางหูใส่เธอ ทั้งยังจะไปร่วมงานการกุศลอีกยังมีอะไรน่าแปลกใจไปกว่านี้อีกไหม
ขณะที่หยิ่นยวี๋โม่วางหูโทรศัพท์เธอรู้สึกว่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้เธอไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่บางเื่เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เธอคือคุณนายมู่ในเมื่อเขายินดีที่จะพาเธอไป เธอก็ควรไป
ั้แ่เล็กจนโตสิ่งที่เธอไม่ชอบที่สุด ก็คืองานเลี้ยงสังสรรค์ แม้กระทั่งเวลาที่หยิ่นยวี๋ซินจัดงานวันเกิดที่บ้านเธอก็เอาแต่หลบหน้าหลบตา หรือเป็เพราะว่า มู่อี้หานอยากเห็นเธอขายหน้า? แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอก็อยากทำให้เขาดูดีในสายตาคนอื่นอยู่ดี
หยิ่นยวี๋โม่ไปพบกับเหอหยาชิงที่ร้านชานมที่บรรยากาศอบอุ่นทั้งคู่นั่งอยู่ชั้นบนในโซนที่นั่งพิเศษ พวกเธอสั่งทีรามิสุมาสองชิ้นและชานมไข่มุกอีกสองแก้ว
“โม่โม่ ฉันรู้ว่าเธอชอบมากินเค้กและชานมที่นี่ที่สุดฉันไปต่างประเทศตั้งนาน ไม่ได้แวะมาที่นี่เลยไม่รู้ว่าชานมจะรสชาติเหมือนเดิมหรือเปล่านะ?” เหอหยาชิงดื่มชานมไปอึกใหญ่ “ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย”
หยิ่นยวี๋โม่หัวเราะขึ้น“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกัน”
“โม่โม่ ตรงนั้นว่างแล้วพวกเราไปนั่งกันเถอะฉันรู้ว่าเธอน่ะชอบดื่มชานมที่นี่ ตอนนี้ฉันทำงานมีเงินแล้ว ดังนั้นฉันเลี้ยงเธอได้ทุกเมื่อเลยนะ”
การดื่มชานมสักแก้วมันทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นไม่น้อย เธอกับเหอหยาชิงเข้ากันได้ดีจนกลายเป็เพื่อนที่รู้ใจเป็เพื่อนที่คอยดูแลกันตลอด
“ได้สิ แต่เธอไม่ต้องเลี้ยงฉันหรอก ฉันเลี้ยงเธอเองดีกว่า” ั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ความสัมพันธ์ของหยิ่นยวี๋โม่กับเ้าสัวหยิ่นไม่ได้สนิทสนมกันมากนักแต่อย่างน้อยเ้าสัวหยิ่นก็ไม่ได้ตระหนี่เื่เงินกับเธอ และให้เงินเธอใช้ไม่น้อยแต่ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว แม้มู่อี้หานจะไม่เคยพูดถึงเื่นี้ แต่เขาก็ให้บัตรเครดิตเธอใช้อยู่หลายใบทว่าเธอยังไม่เคยใช้มันเลยสักครั้ง
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เธอก็สนุกให้เต็มที่นะ” เหอหยาชิงตัดสินใจไม่พูดเื่ของมู่อี้หาน เพราะหล่อนรู้ดีว่าเื่ระหว่างหยิ่นยวี๋โม่กับมู่อี้หานอย่างไรก็คงต้องยืดเยื้อต่อไปดังนั้นถึงหล่อนพูดไป ไม่ว่าอย่างไรหยิ่นยวี๋โม่ก็คงไม่ยอมปล่อยวางมีแต่จะไปเพิ่มความกังวลและความทุกข์ใจให้มากขึ้นเสียอีก
เหอหยาชิงรู้ว่าหยิ่นยวี๋โม่จะต้องไปงานประมูลการกุศลคืนนี้เธอเลยลางาน เพื่อจะได้ไปเลือกชุดเป็เพื่อนเธอ ในร้านเสื้อผ้าสุดหรูหรา หยิ่นยวี๋โม่ลองชุดไปชุดแล้วชุดเล่า แต่เธอก็ยังคงเลือกไม่ได้ซักชุด เพราะไม่ว่าเธอจะใส่ชุดไหน เ้าของห้องเสื้อก็เอาแต่ชมว่าสวยเหอหยาชิงก็บอกว่าสวยเช่นกัน แต่ยังดีที่หยิ่นยวี๋โม่ไม่ใช่คนชอบกว้านซื้อของนักไม่อย่างนั้นเธอคงต้องซื้อกลับมาหมดแน่ๆ
จู่ๆประตูก็ร้านถูกเปิดออก หญิงสาวรูปร่างสูงระหงเดินเข้ามา ผมยาวของเธอถูกเกล้าขึ้นไปอย่างลวกๆพร้อมกระโปรงรัดรูปสีเบจ
“คุณเหลิ่ง คุณมาแล้ว” เ้าของห้องเสื้อพูดจาต้อนรับเธอในทันทีที่เข้ามา
“คุณเหลิ่ง เธอมารับชุดราตรีที่จะใส่ไปงานสำหรับคืนนี้” คนข้างๆ เธอพูดขึ้น คนนั้นคือ ยวี๋ชิว ผู้ช่วยของเหลิงจิ่งชวน
“คุณเหลิ่ง เชิญคุณตามฉันมาที่ชั้นสองได้เลยค่ะ” เ้าของห้องเสื้อพาเหลิงจิ่งชวนเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยตัวเอง
“พี่ชิว รอฉันอยู่ที่ชั้นล่างนะ” เหลิงจิ่งชวนเดินขึ้นไปยังชั้นบนชุดราตรีของเธอล้วนสั่งตัดมาจากร้านนี้
เมื่อเหลิงจิ่งชวนขึ้นมาเธอเดินชนกับหยิ่นยวี๋โม่ซึ่งเดินสวนออกมาจากห้องลองเสื้อพอดี ทำให้รองเท้าส้นสูงเหยียบเข้ากับกระโปรงยาวของหล่อนจนทำให้หล่อนเซไปทั้งตัว แต่โชคดีที่เหลิงจิ่งชวนช่วยประคองหล่อนเอาไว้ทัน
“คุณไม่เป็ไรใช่ไหมคะ?” เหลิงจิ่งชวนถามเธอ หยิ่นยวี๋โม่ยกชายกระโปรงขึ้น “ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็ไรค่ะ” เหลิงจิ่งชวนมองชุดราตรีเปิดไหล่สีม่วงอ่อนบนตัวของหยิ่นยวี๋โม่พลางกล่าวขึ้นว่า
“ชุดราตรีชุดนี้ เหมาะกับคุณมากเลยนะคะ” เธอลองชุดมาหลายชุดแต่ก็ถูกใจชุดนี้ที่สุด
“คุณเหลิ่ง แต่ชุดราตรีชุดนี้เป็ของคุณนะคะ” เ้าของห้องเสื้อไม่ทันได้มอง จึงเกิดความผิดพลาดขึ้นคงจะเป็พนักงานใหม่ที่ไม่รู้ เลยหยิบผิดออกมา
หยิ่นยวี๋โม่ได้ยินเ้าของห้องเสื้อพูดแบบนั้นเธอจึงหันไปทางเหลิงจิ่งชวนทันที “ขอโทษด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบเปลี่ยนคืนให้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ชุดนี้พออยู่บนตัวคุณมันก็เหมาะดีนะเอาเป็ว่าฉันให้แล้วกันค่ะ” เหลิงจิ่งชวนเห็นว่าน้อยคนนักที่จะใส่ชุดราตรีสีม่วงอ่อนแล้วออกมาสวยเช่นนี้
“ช่วยหยิบชุดสีรอยัลบลูมาให้ฉันที ฉันว่าจะใส่ชุดนั้นไปงานคืนนี้” เหลิงจิ่งชวนยิ้มให้เธอ
เหอหยาชิงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำและเห็นหยิ่นยวี๋โม่ในชุดราตรีสีม่วงอ่อนตัวนั้น “โม่โม่ เธอลองมาตั้งหลายชุด ฉันว่าชุดนี้เหมาะกับเธอที่สุดแล้วล่ะ”
“คุณเหลิ่งคะ” หยิ่นยวี๋โม่เรียกชื่อหล่อน
“คุณคงไม่ได้คิดจะบอกให้ฉันคิดค่าชุดนี้กับคุณหรอกใช่ไหม?” เหลิงจิ่งชวนหันหน้ามาหาเธอ “เสื้อผ้าของฉันไม่ได้มีไว้ขายหรอกนะคะ ถ้าฉันอยากให้ฉันก็จะให้”
ที่เหลิงจิ่งชวนพูดหมายความว่าหล่อน้าให้ชุดราตรีชุดนี้เป็ของขวัญ ทำเอาหยิ่นยวี๋โม่ดีใจไม่น้อยที่ได้รับชุดราตรีนี้เป็ของขวัญและแล้วชุดราตรีชุดนี้ก็ทำให้เธอได้เพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่ง
เหอหยาชิงและหยิ่นยวี๋โม่เดินออกจากร้านเสื้อผ้า“เลือกชุดเสร็จแล้ว ต่อไปฉันจะพาเธอไปทำผม แล้วก็แต่งหน้ายังไงคืนนี้เธอต้องเป็คุณนายมู่ที่สวยที่สุดในงานแน่นอน”