ตามคาด... สุนัขเห่าล้วนไม่กัดคน
ซูเฟยซื่อเหยียดหยามในใจ ขณะเดินอ้อมซูจิ้งเซียงเพื่อไปหาแม่ใหญ่แซ่หลี่ “เฟยซื่อน้อมพบแม่ใหญ่เ้าค่ะ”
“เป็เฟยซื่อนั่นเอง มานั่งข้างๆแม่ใหญ่เถอะ” บนใบหน้าของแม่ใหญ่ประดับรอยยิ้มบางเบาเสมือนกล่าวลอยๆ แต่ก็ดูเหมือนจงใจเอ่ยขึ้น “เอ้ ปิ่นมุกบุปผชาติอันนั้นที่ท่านอ๋องเก้าพันปีประทานแก่เ้าเล่า? ไฉนจึงไม่ปักมา?”
“ปิ่นมุกบุปผชาติอันนั้นเป็ของพระราชทานจากฮ่องเต้ของล้ำค่าเช่นนี้เฟยซื่อไม่กล้าใช้เ้าค่ะ จึงนำมาให้น้องสี่ผู้เป็น้องสาวแท้ๆของพระสนม หากได้สวมของที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ถึงจะเหมาะสมเ้าค่ะ” กล่าวแล้ว ซูเฟยซื่อก็นำปิ่นมุกบุปผชาติออกมาสองมือประเคนส่งมอบ
ทั้งซูจิ้งเซียงกับซูจิ้งเถียนต่างชื่นชอบปิ่นมุกบุปผชาติอันนี้ที่ตนเองส่งมอบออกมา ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าเก็บไว้กับตัวให้ผู้อื่นริษยา
ในเมื่ออวี้เสวียนจีใช้สิ่งนี้วางแผนใส่นางถ้าเช่นนั้นนางก็จะเล่นไปตามสถานการณ์ ผลักเรือตามน้ำให้รู้แล้วรู้รอด ใช้ของสิ่งนี้วางกับดักต่อไป
ในดวงตาของแม่ใหญ่แซ่หลี่เผยความประหลาดใจวาบผ่านไป มุมปากกระดกขึ้นเป็รอยยิ้ม “ที่พูดนี่เป็วาจาอะไรกัน เ้ากับเซียงเอ๋อร์เป็น้องสาวแท้ๆของพระสนมด้วย นับว่าครอบครัวเดียวกันที่แท้”
“ในเมื่อเป็ครอบครัวเดียวกัน ปิ่นมุกบุปผชาตินี้ยิ่งต้องให้น้องสี่แล้ว มีเหตุผลใดที่พี่สาวจะแย่งของรักจากน้องสาวหรือเ้าคะ?” กล่าวจบแล้ว ซูเฟยซื่อไม่สนใจด้วยว่าซูจิ้งเถียนจะรับหรือไม่รับ นางยัดปิ่นมุกบุปผชาติให้แก่น้องสี่โดยตรง
ซูจิ้งเถียนมองดูปิ่นมุกบุปผชาติที่ใจชื่นชอบ ในที่สุดก็ตกอยู่ในมือของตน นางดีใจจนแทบจะกัดลิ้นตนเอง
เมื่อครู่เพิ่งบอกว่าหากนางได้ปิ่นมุกบุปผชาติแล้วก็จะมอบมันแก่ซูจิ้งเซียง
เวลานั้นยังไม่ได้รับ วาจานี้ย่อมถูกพูดออกมาง่ายๆ ทว่าตอนนี้ได้รับมาแล้วอย่างยากลำบาก คาดไม่ถึงว่านางยังต้องส่งต่ออีก
นี่ไม่เท่ากับเฉือนเนื้อของนางเองหรือ?!
แม่ใหญ่แซ่หลี่ทราบว่าซูจิ้งเถียนตัดใจไม่ลงแต่เมื่อวาจาได้กล่าวไปแล้ว เวลานี้มาสำนึกเสียใจไม่มอบให้ นั่นมิใช่ว่าคำพูดเ่าั้ที่พวกนางแม่ลูกกล่าวกันเมื่อครู่ล้วนเป็การหลอกลวงซูจิ้งเซียงหรอกหรือ
นางไม่อาจสูญเสียทั้งหน้าตาและชื่อเสียงอันดีงามที่สั่งสมไว้ได้
“เถียนเอ๋อร์ เฟยซื่อมอบปิ่นมุกบุปผชาติให้เ้าเป็ความตั้งใจอย่างหนึ่ง ก็ควรรับน้ำใจนี้ไว้ ส่งมอบปิ่นมุกบุปผชาติให้เซียงเอ๋อร์ต่อเถิด” แม่ใหญ่แซ่หลี่กล่าวอย่างอ่อนโยน
นางได้เอ่ยปากแล้ว ซูจิ้งเถียนจำต้องปฏิบัติตามเพียงแต่ไม่รู้ว่าในใจก็คิดอย่างไร
“พี่รองคู่ควรกับปิ่นมุกบุปผชาตินี้ แม้แต่น้องสาวเองก็หลงใหลเ้าค่ะ” ซูจิ้งเถียนฝืนยิ้มส่งปิ่นมุกบุปผชาติให้
ซูจิ้งเซียงรับปิ่นมุกบุปผชาติมาด้วยความปีติยินดี ประกายในดวงตานั้นทำให้ผู้คนอิจฉา “น้องสี่ช่างดีที่สุดแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าเป็นางเอาปิ่นมุกบุปผชาติออกมาตอนนี้กลายเป็ซูจิ้งเถียนดีที่สุด เพียงแต่นางไม่สนใจสิ่งเหล่าของนอกกายเหล่านี้ สิ่งที่นาง้าคือชีวิตของครอบครัวนี้ทุกคน
“แม่ใหญ่ วันนี้เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องเก้าพันปี้าเหยียดหยามจวนอัครมหาเสนาบดีของเราลูกร้อนใจกล่าวอวดดีไปชั่วขณะ ดังนั้นขอให้แม่ใหญ่ลงโทษด้วยเถิดเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อคุกเข่าลงต่อแม่ใหญ่แซ่หลี่ทำท่าทีละอายใจออกมา
ในใจของนางแซ่หลี่ประหลาดใจระคนใเดิมนางคิดรอให้ซูเต๋อเหยียนกลับมาก่อน ใช้เื่นี้หาเหตุ แต่ตอนนี้ซูเฟยซื่อกลับมามอบตัวขอการลงโทษด้วยตนเอง
ในทางกลับกันนางได้แต่เพียงชมว่าซูเฟยซื่อทำได้ดีแล้ว
แม่ใหญ่ก้าวมาข้างหน้าพยุงซูเฟยซื่อขึ้นมา“เื่นี้โทษเ้าไม่ได้ เป็ท่านอ๋องเก้าพันปียั่วยุก่อเหตุไว้ก่อน เ้าวางใจเถิดแม่ใหญ่มองดูอยู่ในสายตา ไม่โทษเ้าหรอก”
“แม่ใหญ่กล่าวแบบนี้ เฟยซื่อก็โล่งใจแล้วถ้าเช่นนั้นเฟยซื่อก็ขอตัวไปก่อนแล้วเ้าค่ะ” เห็นแซ่หลี่อนุญาต ซูเฟยซื่อจึงหันหลังเดินจากไปเพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องอยู่ดูการแสดงของพวกนางจิ้งจอกอีก
แม่ใหญ่แซ่หลี่มองเงาหลังที่จากไปของซูเฟยซื่อในดวงตาเต็มไปด้วยแววครุ่นคิด
ความอ่อนโยนคล้อยตามของซูเฟยซื่อเมื่อครู่เป็เื่ปกติหรือเป็เื่จริงดั่งที่นางกล่าวอ้างว่าเป็เพราะอารามรีบร้อนชั่วขณะ?
ซูเฟยซื่อเพิ่งก้าวเข้าไปในเรือนก็พบว่าในห้องมีคนมากขึ้นผู้หนึ่ง คนนั้นพบเห็นนางแล้วก็วิ่งมาคุกเข่าตรงหน้านาง“บ่าวซางจื่อน้อมคารวะคุณหนูสามเ้าค่ะ”
“ซางจื่อ? เ้าเป็คนที่แม่ใหญ่จัดมาหรือ?”ซูเฟยซื่อพิจารณานาง เพียงเห็นหญิงสาวตรงหน้าผุดผาดเกลี้ยงเกลา คิ้วตายังแฝงความเป็ผู้ฉลาดหลักแหลมต่างจากคนรับใช้ธรรมดา
ซางจื่อก้มศีรษะกล่าวตอบราวกับท่องหนังสือว่า “บ่าวเป็บุตรสาวของจางชุนฮวาที่ดูแลห้องครัวทางบ้านเกิดประสบเภทภัยมิอาจดำรงชีวิตต่อไปแล้วมารดาของบ่าวก็ขอนายหญิงให้ช่วยเก็บบ่าวไว้ ไม่เอาค่าจ้าง เพียงขอให้มีอาหารกินมีที่ให้นอน นายหญิงบอกว่าที่นี่ขาดคน ก็ให้บ่าวเข้ามาเ้าค่ะ”
ที่แท้เป็แรงงานเปล่า ยังไม่เคยปรนนิบัติใครมาก่อน แม่ใหญ่แซ่หลี่ใช้ซางจื่อมาที่นี่ เพียงกลัวว่าบ่าวนางนี้จะดูแลคุณหนูอื่นๆ ไม่ดีเท่านั้น
คำกล่าววาจาชุดนี้ไม่เลว แต่ซูเฟยซื่อกลับรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง“เ้าชื่อซางจื่อ? ซางตัวไหน จื่อตัวไหน”
ซางจื่อไม่ได้คิดมาก ก็ตอบอย่างโอนอ่อนคล้อยตามว่า“ซางของต้นหม่อน ไม้ซินจื่อเ้าค่ะ”
แววเฉียบขาดในดวงตาซูเฟยซื่อแวบผ่านอย่างรวดเร็ว“แม้แต่ลูกสาวของห้องครัวยังสามารถอ่านตัวอักษรได้ จวนอัครมหาเสนาบดีของข้าเป็พยัคฆ์สถิตัซ่อนเสียจริง”
ร่างซางจื่อสั่นทันที กระซิบเสียงต่ำว่า“คุณหนูสามอย่าเอะอะไป เกรงว่ากำแพงมีหู บ่าวจะอธิบายให้ท่านฟังเองเ้าค่ะ”
เกรงว่ากำแพงมีหูวาจาแบบนี้ต่างะโออกมาจากปาก ย่อมเป็การยอมรับว่าฐานะของนางไม่ธรรมดาแล้ว
แต่ในเมื่อกล่าวเช่นนี้ ซูเฟยซื่อก็ให้โอกาสแก่นางนางคิดเพียง้าดูว่าครั้งนี้เป็แผนของผู้ใด มีแผนกลยุทธ์อะไร
“หยานเอ๋อร์ ข้าหิวนิดหน่อย เ้าไปที่ครัวทำอะไรมาให้กินที”ซูเฟยซื่อไม่สนใจซางจื่ออีก เดินเข้าไปในห้องโดยตรง
หยานเอ๋อร์ขมวดคิ้วจนย่น ดูเหมือนไม่พอใจที่ซูเฟยซื่อเรียกใช้นางแต่ไม่กล้าพูดอะไรก็เดินถอยออกไปทำตามที่รับสั่ง
ทันทีที่หยานเอ๋อร์เดินไป ซางจื่อรีบเข้าไปในห้องคุกเข่าให้ซูเฟยซื่อท่าทีเคารพยำเกรง “เมื่อครู่บ่าวเล่นการแสดง ดังนั้นขอให้คุณหนูสามลงโทษ ชดใช้ความผิดบ่าวเป็ผู้ที่ท่านอ๋องเก้าพันปีส่งมา มิอาจใช้นามท่านอ๋องเก้าพันปีเข้าจวน ได้แต่เปลี่ยนฐานะเ้าค่ะ”
ที่แท้เป็คนของอวี้เสวียนจี ดูไปแล้วเขายังนับว่ารักษาสัจจะ
“เป็เขาให้เ้ามาทดสอบข้าหรือ?” ซูเฟยซื่อกล่าวเจตนาของซางจื่อออกมาในหนึ่งประโยค
ซางจื่อได้รู้จักความเฉลียวฉลาดของซูเฟยซื่อมาก่อนแล้วไม่ประหลาดใจหรือใอะไรทั้งสิ้น “ท่านอ๋องเก้าพันปีสั่งว่าถ้าคุณหนูสามรู้เท่าทันฐานะของบ่าวได้ถ้าเช่นนั้นั้แ่นี้เป็ต้นไปบ่าวก็เป็คนของคุณหนูสามแล้ว ถ้าคุณหนูสามมิอาจรู้เท่าทันตัวตนของบ่าวก็ให้บ่าวคิดวิธีกำจัดคุณหนูสามทิ้งเสียเ้าค่ะ”
ตามที่คาดอวี้เสวียนจียังไม่เชื่อนางแม้แต่โอกาสจะทดแทนบุญคุณแบบนี้ยังนำมาใช้ประโยชน์ในการทดสอบ เป็จิ้งจอกเฒ่าจริงๆ
เมื่อครู่หากนางประมาทไปเพียงเล็กน้อยตอนนี้เกรงว่าคงได้ตายไปแล้ว
ซูเฟยซื่อไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ “เ้าเปิดโปงคำสั่งของเขาโจ่งแจ้งแบบนี้ก็ไม่กลัวว่าเขาจะลงโทษเ้าหรือ?”
“ท่านอ๋องเก้าพันปีสอนว่า คุยกับคนฉลาดไม่จำเป็ต้องปิดบังยิ่งไปกว่านั้น บ่าวเป็คนของท่านแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์กับท่านอ๋องเก้าพันปีอีกแล้วเ้าค่ะ” ซางจื่อตอบ
ดวงตาของซูเฟยซื่อสว่างขึ้นทันที คนรับใช้ที่อวี้เสวียนจีส่งมาไม่เลวจริงๆเพียงแต่...
คนรับใช้ถึงจะดีมากเท่าใด ถ้าไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก็ไม่มีประโยชน์
ถึงแม้ว่าปากของซางจื่อจะบอกว่าเป็คนของนางไม่มีความสัมพันธ์กับอวี้เสวียนจีอีก แต่ทุกประโยคในตอนเริ่มต้นยังคงเป็ท่านอ๋องเก้าพันปี ซึ่งเป็สิ่งที่เรียกว่าใจคิดอะไร ปากก็พูดอะไร
ความคิดนี้ของซางจื่อ ชัดเจนโจ่งแจ้งราวกับคลี่ปมปริศนา
“ไม่ว่าอวี้เสวียนจีพูดอะไรกับเ้าข้าเพียงถามเ้าประโยคเดียว เ้าเต็มใจที่จะรับใช้ข้าหรือไม่?” ในใจซูเฟยซื่อรู้คำตอบนี้
เพียงแต่ซางจื่อเดิมก็เป็คนของอวี้เสวียนจีถ้าบอกว่าลืมก็ลืมแล้ว นางกลับรู้สึกว่าซางจื่อไร้เยื่อใย
คนไร้เยื่อใยไม่มีคุณค่าจะถูกเก็บไว้
แต่ถ้าซางจื่อตอบว่าเต็มใจ เพื่อให้เป็ที่โปรดปรานของนาง ถ้าเช่นนั้นคนไม่ซื่อสัตย์ไม่จงรักภักดีเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บไว้ข้างกาย