ซางจื่ออึ้งไปเป็เวลานานกว่าจะค่อยๆ เอ่ยปาก “บ่าวเป็เพียงคนรับใช้คนหนึ่ง เ้านายว่าอย่างไร บ่าวก็ทำเช่นนั้น ไม่มีทางเลือกยิ่งไร้คุณสมบัติที่จะคุยได้ว่าสมัครใจเต็มใจอะไรเ้าค่ะ”
“ก็เป็ความจริงเสียด้วย อวี้เสวียนจีเป็ท่านอ๋องสมญานามเก้าพันปีมีอำนาจเหนือคนนับหมื่น แต่ข้าที่เป็เพียงคุณหนูสามที่ไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่งในจวนอัครมหาเสนาบดีให้เ้าติดตามข้าเป็สิ่งที่น่าคับข้องใจแล้วจริงๆ แต่เ้าต้องคิดให้ดี อวี้เสวียนจี... เป็คนที่มุทะลุพยศเช่นนี้ถ้าคนที่เขาส่งออกไปถูกตีส่งคืนกลับ เ้าคิดว่าจุดจบของคนที่โดนส่งกลับจะเป็เช่นไร? ข้าได้ยินว่าในตงฉ่างมีวิธีการทรมานคนไม่น้อยแต่ละวิธีต่างสามารถทำให้คนเป็ๆ อยู่มิสู้ตายยังดีเสียกว่า”
ซูเฟยซื่อยิ้มเบาๆ กล่าวพลาง น้ำเสียงค่อนข้างช้าเนิบ
ประทานพระเดชพระคุณพร้อมสรรพจึงสามารถทำให้ผู้คนสงบนิ่ง
สีหน้าซางจื่อขาวซีด เดิมนางก็เป็คนของอวี้เสวียนจีทำไมจะไม่เข้าใจวิธีการทรมานคนของเขาได้เล่า “คุณหนูสามวางใจได้ ชีวิตของบ่าวชีวิตนี้เป็คุณหนูสามช่วยไว้ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป ต้องจงรักภักดีไม่เป็สองแน่นอนเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อพยักหน้าอย่างพอใจ “ถ้าเช่นนั้น เ้าช่วยข้าจัดการเื่หนึ่งก่อน”
“คุณหนูสามโปรดสั่งการเ้าค่ะ” ซางจื่อโล่งใจแล้ว ท่าทีก็จริงใจขึ้นไม่น้อย
“ช่วยข้ากระจายข่าวออกไปว่าจวนอัครมหาเสนาบดีได้รับปิ่นมุกบุปผชาติที่ลือเลิศมาอันหนึ่ง ฝีมือการทำประณีต แม้แต่พู่ห้อยล้วนทำจากแก้วที่มีสีสันงดงามดั่งรุ้งกินน้ำ ถ้าได้สวมใส่ ต้องเปล่งรัศมีสะดุดตาแน่นอน” ซูเฟยซื่อหยุดสักพัก กล่าวเสริมต่ออีก “โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องแจ้งให้ต่งชิงหว่านบุตรสาวของต่งจิ้งท่านบัญชาการศาลต้าหลี่ทราบ”
ตามที่คาด ประสิทธิภาพการทำงานของซางจื่อไม่เลวหลับไปตื่นหนึ่ง บัตรคารวะของต่งจิ้งได้ถูกส่งมายังจวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว
สรรพสิ่งพร้อมพรักเพียงขาดลมบูรพา ต่งจิ้งจูงต่งชิงหว่านบุตรสาวมาเยี่ยมแน่นอนว่าจวนอัครมหาเสนาบดีต้องให้ซูจิ้งเซียงกับซูจิ้งเถียนไปเป็เพื่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้แม่ใหญ่แซ่หลี่จะเรียกหานางหรือไม่
ทว่าตามความเข้าใจที่นางมีต่อแม่ใหญ่ผู้นี้ นางแซ่หลี่เป็คนช่างสงสัย จึงเป็ไปไม่ได้ที่เื่ราวของเมื่อวาน แม่ใหญ่จะเชื่อในตัวนางทั้งหมดแน่นอนว่าต้องหาโอกาสที่จะทดสอบ และแล้วครั้งนี้ก็เป็โอกาสที่ดี แม่ใหญ่แซ่หลี่ไม่น่าปล่อยผ่าน
ตามที่คาดคิด สักพักหยานเอ๋อร์ก็ปรากฎตัวขึ้น “คุณหนูสาม ท่านบัญชาการศาลต้าหลี่พาคุณหนูต่งมาเยี่ยม นายหญิงให้ท่านไปร่วมต้อนรับด้วยกันเ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” ซูเฟยซื่อหยักมุมปากขึ้น นางให้ซางจื่อช่วยนางหวีผมแต่งตัวก่อนเนิ่นๆ นั่งรออยู่ที่นี่แล้ว
หยานเอ๋อร์ใแกมประหลาดใจจนเกือบไม่ทันตอบสนองกลับไป นี่เป็เื่บังเอิญหรือ?
แต่ซางจื่อมีเพียงสีหน้าหวาดระแวงสงสัยไปทั่ว เดิมนางคิดว่าซูเฟยซื่อเป็เพียงคุณหนูในเรือนหอธรรมดา ตอนนี้จึงได้พบว่าซูเฟยซื่อกับอวี้เสวียนจีล้วนเหมือนกันต่างทำให้นางคาดเดาไม่ถูก
งานเลี้ยงจัดอยู่ในสวนบุปผชาติของจวนอัครมหาเสนาบดีตอนที่ซูเฟยซื่อมาถึง คนอื่นได้มาถึงกันหมดแล้ว ดังนั้นการที่จู่ๆ นางปรากฏตัวขึ้นกลับกลายเป็ทำลายการสนทนาอย่างออกรสสนุกสนานของพวกเขาแล้ว
“เฟยซื่อน้อมคารวะท่านพ่อแม่ใหญ่เ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อน้อมคำนับทำความเคารพ
ซูเต๋อเหยียนขมวดคิ้วย่น น้ำเสียงตำหนิต่อว่า“ทำไมเ้ามาสายขนาดนี้?”
สายหรือ? แต่นางได้รับข่าวก็มาเลยทันที กระทั่งหวีผมแต่งตัวล้วนเป็เื่ที่ได้ทำเสร็จเรียบร้อยไว้ก่อนทั้งสิ้น
ซูเฟยซื่อเงยหน้าขึ้น ปะทะกับความเกลียดชังในดวงตาของซูเต๋อเหยียนเข้าพอดี นางอดไม่ได้ที่จะเข้าใจ
ดูไปแล้ว ไม่ใช่นางมาสายแต่เป็แม่ใหญ่จงใจวางอุบายเล่นงานนาง ก็เพื่อทำให้นางไม่ต้องเป็ที่ชื่นชมต่อหน้าซูเต๋อเหยียน
คิดไม่ถึงว่านางที่คำนวณมาก่อนเป็พันเป็หมื่นครั้งยังคงพลาดตรงจุดนี้ไป นางแซ่หลี่ช่างหารูลอดสอดเข็มได้จริงๆ
“เฟยซื่อรู้ผิด ขอท่านพ่อโปรดลงโทษด้วยเ้าค่ะ”รอบขอบตาซูเฟยซื่อแดงเล็กน้อย ดูไปแล้วกลับเหมือนเื่ราวเป็เช่นนั้นจริงๆ
ทว่าเพราะมีแขกอยู่ที่นั่นด้วย ซูเต๋อเหยียนเห็นเช่นนี้ก็มิอาจกล่าวอะไรมากความ เพียงโบกมือเท่านั้น “เข้าที่นั่งเถิด”
“ขอบคุณท่านพ่อเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อสูดจมูก ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วนั่งลงบนที่นั่ง
บนใบหน้าไม่เคยแสดงคลื่นอารมณ์อันใดออกมาเลยสักนิดแต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ ในใจนางก็เป็คลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง ไม่สามารถยับยั้งได้มานานแล้ว
ซูเต๋อเหยียน ในที่สุดเราก็เจอหน้ากันแล้ว
เป็เขาที่นำทหารไปล้างบางตระกูลกู้ของนางทั้งตระกูล มือของเขาเปื้อนไปด้วยเืของคนตระกูลกู้ นางถึงกับได้เห็นิญญาตายโหงของคนตระกูลกู้ที่อยู่เื้ัเขา
มือของซูเฟยซื่อกำแน่นเสียจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือมาตั้งนานแล้ว
เจ็บร้าวเท่าไร... ใจของนางยิ่งปวดร้าวเท่านั้น
แต่นางต้องอดทน
อวี้เสวียนจีกล่าวถูกต้องตอนนี้นางยังไม่มีทุนเดิมที่จะเรียกลมเรียกฝนได้
การปรากฏตัวของนางไม่มีผลก่อให้เกิดการกระทบต่องานเลี้ยงมากมายสักครู่ซูเต๋อเหยียนกับต่งจิ้งก็เริ่มพูดคุยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ทว่ายามนี้ จู่ๆ ต่งชิงหว่านก็เอ่ยปาก“ท่านลุงซู ข้าได้ยินว่าจวนอัครมหาเสนาบดีได้รับปิ่นมุกบุปผชาติอันหนึ่ง ไม่ทราบว่าสามารถเอาออกมาให้ชิงหว่านชมดูได้หรือไม่เ้าค่ะ?”
วาจาของต่งชิงหว่านออกจากปากทันทีสีหน้าซูจิ้งเซียงเปลี่ยนไปทันใด
ซูเฟยซื่อหยักมุมปากขึ้นเบาๆ ละครสนุกกำลังเริ่มขึ้นแล้ววันนี้ละครชุดนี้เปรียบเป็เพียงการแก้แค้นของนางก้าวแรก
ย้อนไปตอนที่นางยังเป็ฮองเฮา นางรับรู้ว่าหลานชายของซูเต๋อเหยียนได้ก่ออาชญากรรมกำลังหาโอกาสที่จะติดสินบนต่งจิ้ง แต่กลับไม่กล้าอุกอาจทำอย่างโจ่งแจ้งได้
ตอนนี้นางส่งต่งจิ้งมาตรงหน้าเขาเขายังไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ดีๆ
สำหรับต่งจิ้งในแคว้นซ่งขึ้นชื่อว่ารักถนอมบุตรสาว ขอเพียงเป็สิ่งที่ต่งชิงหว่านคิดอยากได้ ล้วนกระทำวิธีการสังหารคนจุดไฟเผา วิธีต่างๆ ที่เขาคิดเพื่อนำสิ่งที่นาง้ามาให้ ล้วนเป็เหตุตามใจจนต่งชิงหว่านไร้ระเบียบกฎเกณฑ์
วันนี้ต่งชิงหว่านมาเพื่อปิ่นมุกบุปผชาติไม่ผิดแน่ นางกลับอยากดูว่าซูจิ้งเซียงที่ถูกตามใจจนเสียคนเหมือนกันจะจัดการอย่างไร
“ชิงหว่านเกรงใจมากไปแล้วจริงๆ” ซูเต๋อเหยียนมองต่งจิ้งปราดหนึ่งก่อนหันไปหานางแซ่หลี่ กล่าวว่า “ฮูหยิน ในเมื่อชิงหว่านชอบ ก็ให้คนไปเอาปิ่นมุกบุปผชาติในคลังของจวนมาให้หมดเถิด”
“เ้าค่ะ” แม่ใหญ่แซ่หลี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เมื่อได้ยินว่าเป็ปิ่นมุกบุปผชาติในคลังของจวนซูจิ้งเซียงก็ถอนใจโล่งใจในทันที ปิ่นมุกบุปผชาติในคลังของจวนต่างเป็ของเหลือเลือกจากบรรดาคุณหนูของไม่เอาจึงเก็บใส่เข้าไป แต่ปิ่นมุกบุปผชาติของนางยังเก็บอย่างดีไว้ในกล่องเครื่องประดับ
หลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ก็เอากล่องที่บรรจุปิ่นมุกบุปผชาติเข้ามา
ต่งชิงหว่านไม่สนใจกฎระเบียบอะไร ก็วิ่งไปตรงหน้ากล่องทันที เลือกเอาด้วยตาทั้งคู่ที่เป็ประกายสดใส
ซูเต๋อเหยียนย่อมรู้ว่าต่งจิ้งรักบุตรสาวคนนี้ที่สุด เขาจึงเอ่ยปากในเวลาที่เหมาะสม “ถ้ามีที่ชิงหว่านชอบก็เลือกเอาเต็มที่อย่าได้เกรงใจเด็ดขาด”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของซูเต๋อเหยียนต่งจิ้งหรี่ตาด้วยความพึงพอใจในทันที
แต่คิ้วของต่งชิงหว่านกลับขมวดย่น นางค้นกล่องปิ่นมุกบุปผชาติสุดชีวิตราวกับกำลังหาบางอย่าง
ทุกคนต่างตื่นเต้นเพราะการเคลื่อนไหวของนางมีเพียงซูเฟยซื่อที่รับประทานอาหารอย่างใจเย็น
ปฏิกิริยาของซูเต๋อเหยียนกับต่งชิงหว่านล้วนอยู่ในความคาดหวังของนางถัดมาก็จะดูซูจิ้งเซียงกับต่งชิงหว่านคุณหนูจอมเผด็จการสองคนนี้ ว่าจะสามารถเล่นละครต่อกรให้สนุกกันอย่างไร
“ท่านลุงซู ท่านหลอกลวงชิงหว่านที่นี่ไม่มีปิ่นมุกบุปผชาติที่ชิงหว่านคิดอยากได้เ้าค่ะ” ต่งชิงหว่านสะบัดมืออย่างโกรธเคือง ก่อนจะกลับไปยังที่นั่ง
สีหน้าซูเต๋อเหยียนพลันหนักอึ้ง หลอกลวง? ว่าเขาซึ่งเป็อัครมหาเสนาบดีแท้ๆ หลอกลวงหญิงสาววัยแรกแย้มสิบขวบปีคนหนึ่ง?
ถ้าคำพูดนี้แพร่กระจายไป ในอนาคตใบหน้าของตาเฒ่าอย่างเขาจะเอาไปไว้ที่ไหน!
เห็นสีหน้าของซูเต๋อเหยียนมืดครึ้มลงทันที แม่ใหญ่แซ่หลี่รีบเอ่ยปากพูด“ชิงหว่านล้อเล่นแล้วจริงๆ ท่านลุงซูรักเ้ามากขนาดนั้น เขาจะหลอกเ้าได้อย่างไร?”
“ข้าได้ยินชัดๆ ว่าจวนอัครมหาเสนาบดีได้รับปิ่นมุกบุปผชาติมาใหม่อันหนึ่งฝีมือการทำประณีต แม้แต่พู่ห้อยต่างทำจากแก้วเจ็ดสี แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นนี่ไม่ใช่การหลอกลวง แล้วนับเป็อะไร? หรือกระทั่งปิ่นมุกบุปผชาติอันหนึ่ง ท่านลุงซูก็มิอาจตัดใจให้ชิงหว่านได้?”ต่งชิงหว่านที่ถูกตามใจจนเคยตัว พูดจาไม่คำนึงถึงความหนักเบาแม้แต่น้อย