“ด้วยจุดยืนของแม่ใหญ่ปิ่นมุกบุปผชาติอันนี้ไม่ว่าจะมอบให้ใคร ล้วนนับเป็ความลำเอียงได้ แต่ด้วยจุดยืนของหม่อมฉัน หากมอบปิ่นมุกบุปผชาติอันนี้ให้หม่อมฉันย่อมยุติธรรมมากที่สุดคนไม่รักตัวเอง ฟ้าดินประหัตปะา อะไรคือความยุติธรรมสิ่งที่ดีต่อตัวเองนับว่าเป็ความยุติธรรมเ้าค่ะ”
เสียงกล่าววาจาสิ้นสุดลงแซ่หลี่กับคุณหนูทั้งสองตระกูลซูต่างมองซูเฟยซื่ออย่างเหลือเชื่อ ก้นบึ้งดวงตาฉายแววยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น
ใครๆต่างรู้ว่าในแคว้นซ่ง อวี้เสวียนจีนับว่าเป็ผู้ที่หยิ่งยโสที่สุด แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องยอมอ่อนข้อให้เขาสามส่วน ทว่าวันนี้ซูเฟยซื่อบุตรสาวอนุน้อยๆ คนหนึ่งกลับกล้ากล่าววาจาอวดดีเช่นนี้ต่อหน้าอวี้เสวียนจี จุดจบใครเล่าจะไม่อาจจินตนาการได้
แต่ประกายตาคมกริบปราดหนึ่งกะพริบผ่านดวงตาของอวี้เสวียนจีไป มีเพียงซูเฟยซื่อที่ยังคงสงวนท่าทีสบายอกสบายใจ ดูลมชมวิวเช่นเดิม
“แปะๆๆ”
เสียงปรบมือระลอกหนึ่งดังขึ้นจากในเกี้ยวหลวน“ด้วยจุดยืนของข้า สิ่งที่ดีสำหรับข้าย่อมเป็สิ่งที่ยุติธรรม พูดได้ดี ปิ่นมุกบุปผชาติอันนี้ก็มอบให้เ้าแล้วกัน พวกเราไป! ”
แม้ว่าซูเฟยซื่อได้เปลี่ยนแนวความคิดของเขา แต่มิอาจบอกว่านางตอบได้อย่างดีเยี่ยม
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำตอบนี้ตรงใจเขา ฟังจนสาแก่ใจยิ่ง
หวังว่าการเล่นละครฉากถัดมาจะเยี่ยมยอดเหมือนคำตอบของนาง
“น้อมคารวะส่งท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”
แบกเกี้ยวหลวนขึ้นออกเดินทางสักครู่ทหารองครักษ์เสื้อแพรดำที่อยู่รอบๆ ต่างจากไปกันจนหมด ทิ้งพวกนางสี่คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไว้
ซูจิ้งเซียงกับซูจิ้งเถียนใจนแข้งขาอ่อน ได้แต่นั่งบนพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้ ส่วนแม่ใหญ่แซ่หลี่ใช้ประกายตาคมกริบจ้องพิจารณาซูเฟยซื่อ
นางมิได้ติดต่อกับคุณหนูสามซึ่งไม่ได้รับความโปรดปรานคนนี้เท่าไรนักแต่ซูเฟยซื่อในความทรงจำย่อมไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงความกล้าที่จะเผชิญต่อกรกับท่านอ๋องเก้าพันปี ด้วยวาจาของซูเฟยซื่อเมื่อสักพักล้วนทำให้นางอกสั่นขวัญแขวนอย่างอดไม่ได้
วาจาเย่อหยิ่งบ้าคลั่ง ทั้งไหนจะน้ำเสียงที่มั่นใจในตนเองเช่นนั้น
ไม่คิดว่าภายใต้เปลือกตานาง จะมีบุคคลเช่นนี้ถูกซ่อนไว้ ไม่คาดว่าหลายปีผ่านมานางกลับไม่เคยสังเกตเห็น ถ้าไม่ใช่เพราะสังเกตพลาด ก็เป็ซูเฟยซื่อที่เก็บงำประกายไว้ได้ดีเกินไป
นางรู้สึกได้รางๆว่าในอนาคตซูเฟยซื่อจะเป็อุปสรรคต่อซูจิ้งเถียน
ซูเฟยซื่อแสร้งทำเป็ไม่สังเกตเห็นแววตาของแม่ใหญ่แซ่หลี่ นางเอื้อมมือไปหยิบปิ่นมุกบุปผชาติอันนั้น แม้จะรู้ว่าความเด็ดขาดของนางกำลังถูกเปิดเผย ถึงจะจงใจปกปิดก็นับว่าเป็การโกหกไปแล้ว
เมื่อครู่อวี้เสวียนจีอยู่จึงไม่กล้าอวดดี ตอนนี้อวี้เสวียนจีไปแล้ว ซูจิ้งเถียนเห็นซูเฟยซื่อถึงกับจะคว้าเอาปิ่นมุกบุปผชาติที่นางชอบไปจึงรีบเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เต็มใจหันไปขอความช่วยเหลือกับแม่ใหญ่แซ่หลี่ทันที
แต่นางแซ่หลี่กลับส่ายหน้าเงียบๆรวบรวมเก็บปิ่นมุกบุปผชาติที่เหลือขึ้นมา “สีท้องฟ้าไม่สว่างแล้ว เรารีบกลับจวนเถิด”
เหมือนยามที่มา หนึ่งคนนั่งเกี้ยวหนึ่งหลัง เพียงแต่จู่ๆ ซูจิ้งเถียนก็ทำตัวออเซาะฉอเลาะ้านั่งเกี้ยวหลังเดียวกันกับแม่ใหญ่แซ่หลี่ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร นางแซ่หลี่ก็อนุญาตแล้ว
“ท่านแม่ วันนี้ท่านลำเอียงให้แก่ซูเฟยซื่อมากเกินไปแล้ว ปิ่นมุกบุปผชาติที่ดีขนาดนั้น ไฉนท่านไม่พูดอะไรสักคำก็ให้นางแล้วเล่า?”ซูจิ้งเถียนเอนพิงในอ้อมแขนของแม่ใหญ่แซ่หลี่กล่าวอย่างข้องใจ
“นั่นเป็สิ่งที่แม่ให้หรือ?ถ้าแม่มีสิ่งดีๆ แบบนี้ ย่อมต้องให้ลูกเป็คนแรกแน่นอน แต่นั่นเป็สิ่งของของท่านอ๋องเก้าพันปี ในเมื่อท่านอ๋องเก้าพันปีได้เอ่ยปากให้ซูเฟยซื่อไปแล้ว ใครจะกล้าแย่งชิงเล่า?” นางแซ่หลี่ลูบศีรษะซูจิ้งเถียน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโปรดปราน
“นี่...”ซูจิ้งเถียนไร้แรงโต้แย้ง
ล่วงเกินท่านอ๋องเก้าพันปีก็เท่ากับรนหาที่ตายเหตุผลข้อนี้นางยังเข้าใจได้
“นอกจากนี้เ้าไม่รู้สึกว่าซูเฟยซื่อเปลี่ยนไปบ้างหรือ? ดูลักษณะท่าทีและสายตาขณะพูดจาเมื่อครู่ ไหนเลยจะเหมือนคุณหนูสามที่เงียบเป็เป่าสากไร้วาจายอมรับความลำบากอย่างไม่ขัดขืน? ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อวานนี้นางยังตัดลิ้นของอาจูคนรับใช้บังคับให้ข้าใช้กฎระเบียบครอบครัวลงโทษหลิวมามาแล้ว ตนเองกลับไไร้ข้อครหาแม้แต่นิด” แม่ใหญ่แซ่หลี่ขมวดคิ้วย่นเหมือนกำลังครุ่นคิด
ซูจิ้งเถียนเงยศีรษะขึ้นอย่างประหลาดใจระคนใ“จริงหรือ? ตอนนี้ซูเฟยซื่อร้ายกาจมากขนาดนั้นเลยหรือเ้าคะ?หรือว่าเมื่อก่อนที่นางเป็แบบนั้นล้วนเป็สิ่งที่นางเสแสร้งแกล้งทำ?”
นางแซ่หลี่ส่ายหน้าแล้ว“ตอนนี้แม่ยังไม่แน่ใจว่านางแสร้งทำหรือไม่ แต่แม่ได้วางหยานเอ๋อร์แทรกไว้ข้างกายนางแล้วขอเพียงมีการนอกลู่นอกทาง ก็ให้รีบกำจัดทิ้งทันที”
เห็นรังสีสังหารแวบผ่านในดวงตาของแม่ใหญ่ ในใจซูจิ้งเถียนปรากฏความสบายใจมากขึ้นไม่น้อย “ในเมื่อนางเป็คนที่มีดาบขวางพาดลำคอไว้เช่นนั้นลูกก็ไม่แย่งชิงกับนางแล้ว แต่น่าเสียดายลูกชอบปิ่นมุกบุปผชาตินั่นจริงๆ นะเ้าคะ”
“เ้าวางใจได้ ปิ่นมุกบุปผชาตินั้น นางไม่แน่ว่าจะรักษาไว้ได้อย่างมั่นคงด้วย” แม่ใหญ่แซ่หลี่หยักริมฝีปากแย้มยิ้มน้อยๆ
“วาจานี้หมายความว่าอย่างไรเ้าคะ?”ซูจิ้งเถียนแปลกใจ
นางแซ่หลี่ใช้หางตาปรายมองไปยังเกี้ยวของซูจิ้งเซียง “คนที่ชื่นชอบปิ่นมุกบุปผชาตินี้ไม่ได้มีเพียงเ้าคนเดียว”
ซูจิ้งเถียนเข้าใจความหมายทันทีรีบหัวเราะขึ้นมาแล้ว “ยังเป็ท่านแม่ที่คิดอ่านรอบคอบ ไม่ต้องกระทำอันใดให้เปื้อนมือของตนเอง”
“ก็ปล่อยให้บุตรอนุสองคนนี้ต่อสู้กันไปเถิดลูกเพียงนั่งบนภูดูเสือกัดกันก็เพียงพอ” นางแซ่หลี่หัวเราะร่วน
แม่รองคิดว่าส่งมอบซูจิ้งเซียงให้นางเลี้ยงดู เพียงเท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของซูจิ้งเซียงบุตรสาวอนุได้หรือ แทบเป็เื่ของคนโง่พูดเพ้อเจ้อเพียงให้นางมีตัวหมากเพิ่มอีกตัวเท่านั้น
นางตามใจซูจิ้งเซียงั้แ่วัยเด็ก ดูราวกับว่านางปฏิบัติต่อบุตรภรรยาเอกกับบุตรอนุภรรยาเท่าเทียมกัน ในความเป็จริงนางเพียงแค่้าตามใจซูจิ้งเซียงให้เสียผู้เสียคนให้เป็ตัวเสริมช่วยซูจิ้งโหยวกับซูจิ้งเถียน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเกิดเื่อะไรขึ้นซูจิ้งเซียงผู้เอาแต่ใจเป็คุณหนูที่ไร้สมองคนนี้ล้วนลอยลำอยู่เหนือปัญหาทั้งมวล
เมื่อมาถึงจวนอัครมหาเสนาบดี ซูเฟยซื่อก็กลับไปยังเรือนของตน แต่ซูจิ้งเซียง ซูจิ้งเถียนกับแม่ใหญ่แซ่หลี่อยู่ในห้องโถงด้านหน้าแบ่งปันปิ่นมุกบุปผชาติที่เหลือ
ซูจิ้งเถียนมองดูซูจิ้งเซียงแล้ว ดูปิ่นมุกบุปผชาติในมือแสร้งทำเป็เสียดาย “โธ่ ตามที่คาดปิ่นมุกบุปผชาติธรรมดาเช่นนี้ไม่สามารถเทียบได้กับของประทานจากฮ่องเต้เดิมยังคิดถ้าข้าได้ปิ่นมุกบุปผชาติแล้ว ก็จะมอบปิ่นมุกบุปผชาติให้พี่รองไม่คิดว่ากลับถูกพี่สามเอาไปก่อนแล้ว พี่รองงดงามน่าพิศสมัย ถ้าได้ปักปิ่นมุกบุปผชาติอันนั้นล่ะก็...”
วาจาท่อนหลังของซูจิ้งเถียนไม่ถูกกล่าวออกมา แต่ซูจิ้งเซียงได้ฝันกลางวันจนลอยละล่องไปแล้ว
“ยังเป็น้องสาวที่รู้ใจข้าที่สุดลูกที่ท่านแม่อบรมเลี้ยงดู ย่อมแตกต่างจากคนคนนั้นที่ไม่มีผู้ใดให้การศึกษา ไม่รู้ว่านางโชคดีมาจากที่ใดกัน ถึงกับเป็ที่โปรดปรานของท่านอ๋องเก้าพันปี” ซูจิ้งเซียงกล่าวด้วยความโกรธเคือง
“ท่านอ๋องเก้าพันปีคงตื่นเต้นเร้าใจชั่วประเดี๋ยวประด๋าว คาดว่าหันหลังให้ก็ลืมแล้ว” แม่ใหญ่แซ่หลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ แต่กลับกำลังชี้แนะซูจิ้งเซียง
ซูจิ้งเซียงไม่นับว่าเป็คนโง่ รีบตอบสนองกลับไป “ท่านแม่ นานแล้วที่ข้าไม่ได้ไปเรือนของน้องสาม ไม่แน่ว่าน้องสามเองก็คิดมอบปิ่นมุกบุปผชาติให้คนอื่นเพียงแต่ไม่สะดวกเอ่ยปากเองเ้าค่ะ”
“ถ้าซูเฟยซื่อมีความคิดเช่นนี้ย่อมเป็สิ่งที่ดีที่สุดแล้ว” แม่ใหญ่แซ่หลี่ประสานสายตาเห็นด้วย
ใช่แล้ว ไม่ว่าซูเฟยซื่อจะมีความคิดแบบนี้หรือไม่ แต่ตอนนี้นางต้องมี
ประกายร้ายกาจผ่านดวงตาซูจิ้งเซียงแวบหนึ่งพาคนรับใช้วิ่งตะบึงมุ่งไปทางเรือนซูเฟยซื่อทันที
แต่เมื่อเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องโถงก็ได้พบกับซูเฟยซื่อที่กำลังเร่งรุดเข้ามาแทน
“ที่แท้เป็ท่านพี่รองพี่รองท่าทีแบบนี้ กำลังจะไปไหนหรือเ้าคะ?” ซูเฟยซื่อยิ้มให้อย่างบริสุทธิ์ทั่วหน้า ในความเป็จริงนางก็อยู่ที่หน้าประตูห้องโถงนานแล้ววาจาของพวกนางสามคนเมื่อครู่ ล้วนได้ยินอย่างไม่ตกหล่นสักประโยค
“อืมใครเป็พี่รองของเ้า นังสารเลวลูกอนุนี่คู่ควรเป็น้องสาวของข้าด้วยหรือ?” ซูจิ้งเซียงจงใจลดเสียงลงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แม่ใหญ่แซ่หลี่ได้ยิน
ซูเฟยซื่อหัวเราะคิกนังสารเลวลูกอนุ? ซูจิ้งเซียงเองไม่ใช่เกิดจากแม่รองหรือ เพียงแต่ถูกแม่ใหญ่เลี้ยงดูเติบโตเท่านั้น นางยังคิดว่าตนเองก็กลายเป็บุตรสาวของภรรยาเอกไปแล้วหรือ?
“เ้าหัวเราะอะไร?”ซูจิ้งเซียงจ้องนางอย่างดุเดือด “ข้าเตือนเ้า ข้า้าปิ่นมุกบุปผชาติอันนั้น ทางที่ดีที่สุดเ้าเอาออกมาซะดีๆ มิฉะนั้นต้องมีเื่ให้เ้าได้ชมแน่ๆ”