นี่เขากำลังเตือนนางหรือ?
ที่แท้อวี้เสวียนจีได้ถือเอาการที่จู่ๆนางเปลี่ยนไปจากเร้นกายในอดีตคือการหมดความอดทน เป็เช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยสามารถหลอกสายตาของเขาผ่านไปได้
“ความหมายของเ้าหมายถึงว่าให้ข้าอ่อนข้อให้พวกมันหรือ?”ซูเฟยซื่อถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ช่างโง่เง่าไม่มีใครเกิน”อวี้เสวียนจีใช้นิ้วเคาะศีรษะของซูเฟยซื่อคราหนึ่ง “ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมิอาจเป็ที่ชื่นชอบของซูเต๋อเหยียน”
ไม่คาดคิดว่าอวี้เสวียนจีจะด่าว่านางโง่งม?ซูเฟยซื่ออ้าปากหวอ แต่กลับด่าไม่ออก
อวี้เสวียนจีกำลังชี้แนะเตือนนาง นี่มีความแตกต่างระหว่างคนที่เป็ญาติสนิทกับคนที่ห่างเหินนางไม่ได้เป็บุตรสาวแท้ๆ ของคนตระกูลแซ่หลี่ ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจได้รับความโปรดปรานจากคนในตระกูลแซ่หลี่ นางทำได้เพียงยึดซูเต๋อเหยียนไว้พึ่งพิงจึงสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีได้
อดีตนางเพียงฟังคำสั่งของซ่งหลิงซิวเท่านั้นเพียงเข้าใจวิชาสังหารผู้คน คนที่ติดตามข้าย่อมเจริญรุ่งเรือง แต่คนที่ขวางทางข้าย่อมต้องตาย
ในเมื่อไม่เคยยึดติดพึ่งพิงใครมาก่อนในอดีต จึงยิ่งไม่มีใครพูดวาจาเช่นนี้กับนาง
ในใจซูเฟยซื่ออุ่นวาบ “ทำไมพูดแบบนี้กับข้าเ้ากำลังช่วยข้าหรือ?”
“ช่วย?” ประกายสังหารในตาอันสลัวชั่วร้ายของอวี้เสวียนจีปรากฏในทันใด มือยิ่งบีบคอของซูเฟยซื่อแน่นขึ้น “ผู้ที่อ่อนแอ้าความช่วยเหลือจากผู้อื่น หากมีวันหนึ่งที่เ้าพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของพวกเขาข้า จะช่วยส่งเสริมแทงอีกดาบเพื่อให้แน่ใจว่าเ้าตายแน่นอน”
ร่ำลือกันว่าอวี้เสวียนจีคุ้มดีคุ้มร้ายไม่แน่นอนมีความสุขกับการเข่นฆ่า ดูไปแล้วเป็จริงเช่นนี้
ซูเฟยซื่อกัดฟัน ฝืนเค้นเสียงออกจากลำคอ“ท่านอ๋องเก้าพันปีไม่ได้คิดฆ่าข้าจริง ไยต้องข่มขู่กันเช่นนี้เล่า”
อวี้เสวียนจีคลายมือ ยิ้มอย่างเย้ายวนชวนหลงใหลราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เ้าฉลาดมาก ข้ารอดูละครดีๆ ของเ้า”
“เ้ายังเป็หนี้ชีวิตข้าครั้งหนึ่ง”ซูเฟยซื่อลอบถอนหายใจโล่งอก เมื่อครู่ขอเพียงอวี้เสวียนจีออกแรงอีกสักนิด นางคงเสียชีวิตได้ทันที
“วางแผน้าอะไร?” อวี้เสวียนจีพูดอย่างตรงไปตรงมา
“สาวใช้ที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริงคนหนึ่ง”
ข้างกายนางจำเป็ต้องมีคนที่น่าเชื่อถือได้คนหนึ่งเพื่อช่วยนางทำงานในจวนอัครมหาเสนาบดีไม่มี นางได้แต่หาคนจากอวี้เสวียนจีแล้ว
“ได้” เสียงพูดจาสิ้นสุด อวี้เสวียนจีก็ะโออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ซูเฟยซื่อจึงคลายมือที่กำแน่นไว้ มือนั้นสั่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดของเ้าของ
เดิมทีนางเพียงไม่ได้้าให้อวี้เสวียนจีถูกมือสังหารของซ่งหลิงซิวสังหารตายไปอย่างง่ายดายเท่านั้นกลับคิดไม่ถึงว่าจะดึงดูดความสนใจของอวี้เสวียนจีเข้าเสียแล้ว
ร่วมวางแผนกับเสือนั้นเป็สิ่งที่ดี แต่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเช่นกันด้วยดูไปแล้ววันข้างหน้านางต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในทุกฝีก้าว
“คุณหนูสาม นายหญิงเรียนเชิญท่านเ้าค่ะ” สักพักหยานเอ๋อร์ก็เดินหน้าเขียวหน้าดำเข้ามา ดูลักษณะของนางราวกับกำลังข่มขู่ให้หวั่นเกรง
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วย่นเล็กน้อย ช่างเป็วันที่มีเื่ยุ่งมากจริงๆ
หยานเอ๋อร์ลังเลสักครู่ก่อนกล่าวเสียงเบา “เป็ท่านอ๋องเก้าพันปี การต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อครู่ต่างเป็คนของท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”
อวี้เสวียนจี? เขาได้รับาเ็ขนาดนั้น เหตุใดยังไม่รีบกลับไป มั่ววุ่นวายอะไรอยู่ที่วัดจิ้งิ่นี่
ซูเฟยซื่อค้อนกะหลับกะเหลือกคราหนึ่งในใจให้หยานเอ๋อร์นำทางไป
ได้เห็นทหารองครักษ์นับหลายร้อยยืนเรียงแถวเรียบร้อย แยกซ้ายขวาชัดเจนมาแต่ไกลพวกเขาสวมชุดและหมวกสีดำเหมือนกันหมด
ประกายตาราวกับคบเพลิง รังสีสังหารลุกโชน ทว่าสีหน้าไร้อารมณ์ดุจคนตาย
ท่ามกลางทหารองครักษ์มีเกี้ยวหลวนขนาดมหึมาหลังหนึ่งจอดไว้เกี้ยวหลวนใช้สีดำเป็ส่วนใหญ่ ด้านล่างเป็ัเหินเขี้ยวเล็บสี่เล็บทำจากทองคำแปดแท่งัเหินสีหน้าดุร้ายน่ากลัว กรงเล็บกางร่ายรำ ท่าทีอหังการยากที่จะใช้วาจาพรรณนา
เบื้องหน้าเกี้ยวหลวนมีหญิงสาวสามคนที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มจ้องมองคราหนึ่ง ไม่ใช่เป็แม่ใหญ่แซ่หลี่กับคุณหนูทั้งสองของตระกูลซูหรือ
ไม่รู้ว่าอวี้เสวียนจีคิดจะเล่นละครอะไรอีกซูเฟยซื่อรีบก้าวไปข้างหน้า ตรงเข้าไปคารวะหน้าเกี้ยวหลวน “ข้าน้อยซูเฟยซื่อขอคารวะท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”
“วันนี้เป็เกียรติอย่างมากจริงๆถึงได้ชื่นชมคุณหนูที่ยังงดงามกว่าบุปผาทั้งสามคน” น้ำเสียงยียวนของอวี้เสวียนจีดังมา
เขาจงใจใช้คำว่าชื่นชม ฟังแล้วดูเป็การยกยอ หากความจริงแล้ว ความหมายไม่ได้เป็เื่ดี เขาเอาพวกนางสามคนไปเทียบกับสาวในหอนางโลมที่มอบเป็รางวัลให้ใครชื่นชมก็ได้
ใบหน้าของนายหญิงแซ่หลี่กับคุณหนูตระกูลซูทั้งสองพลันซีดขาว แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่แกล้งทำเป็ไม่เข้าใจ “ท่านอ๋องเก้าพันปีชมเชยเกินไปแล้วเ้าค่ะ”
อวี้เสวียนจีกินอิ่มแปล้มากไปแล้ว จงใจมายุ่งเื่เยาะเย้ยพวกนางเป็พิเศษหรือ?
ซูเฟยซื่อเงยหน้าขึ้น พบว่าม่านมุกกับผ้าม่านสีดำที่ประกอบบนเกี้ยวหลวน ทำให้ไม่สามารถเห็นข้างในได้ชัดเจนจากภายนอก
“ข้าพอดีมีปิ่นมุกบุปผชาติสามอันที่คู่ควรกับคุณหนูสามคนเพียงแต่หนึ่งในสามนั้นเป็สิ่งที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ อีกสองอันก็เป็เฉดสีทั่วไปคล้ายๆ กัน ทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจไปบ้างไม่รู้ว่าควรแบ่งอย่างไรให้ยุติธรรม”
สิ้นสุดเสียงของอวี้เสวียนจี ก็มีคนถือถาดทองเหลืองใบหนึ่งเข้ามาทันที
เพียงเห็นปิ่นมุกบุปผชาติสามอันวางเรียงอยู่บนถาดสองอันที่อยู่ด้านข้างสามารถพบเห็นได้ทุกที่ แต่หนึ่งในนั้นที่อยู่ตรงกลางกลับทำด้วยฝีมือประณีตแม้แต่พู่สีต่างก็เป็แก้วเจ็ดสีเล็กๆ ประกอบสำเร็จ ส่องประกายสุกใสภายใต้แสงอาทิตย์ไม่มีสตรีคนใดที่ดูแล้วจะไม่ชอบ
ทันทีที่นายหญิงแซ่หลี่กับคุณหนูตระกูลซูสองคนได้เห็นปิ่นมุกบุปผชาติอันที่อยู่ตรงกลางนั้นดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาก็พราวประกายวาบวับ
ประกายตาที่คิดอยากนั้นทำให้ซูเฟยซื่อจู่ๆก็เข้าใจเจตนาในการกระทำครั้งนี้ของอวี้เสวียนจีทันที
อวี้เสวียนจีกำลังทดสอบความสามารถของนาง
ถ้านางไม่สามารถแสดงละครฉากนี้ให้ดีได้ เกรงว่าละครฉากใหญ่ต่อจากนี้ กระทั่งบทเริ่มก็ไม่ต้องใช้แล้ว
ทั้งเป็การตัดเส้นทางแนวหลังของนางด้วย เพราะไม่ว่าจะฉวยเอาปิ่นมุกบุปผชาตินี้ไว้ได้หรือไม่ วันข้างหน้าของนางต่างมิอาจผ่านไปได้ด้วยดี
หากได้รับปิ่นมุกบุปผชาติก็เท่ากับเผชิญหน้าเป็ศัตรูกับนายหญิงแซ่หลี่และสตรีสองพี่น้องตระกูลซูอย่างเปิดเผย แต่หากไม่ได้รับปิ่นมุกบุปผชาติ ก็เท่ากับนางไร้ความสามารถ
กระบวนท่านี้ อวี้เสวียนจีช่างเหี้ยมโหดดีจริงๆ
ไม่รอให้ซูเฟยซื่อคิดตก นายหญิงแซ่หลี่ได้เอ่ยปากก่อน “เถียนเอ๋อร์เป็บุตรีคนเล็กสุดในคุณหนูสามคนนี้ ดังนั้นให้ปิ่นมุกบุปผชาติที่อยู่ตรงกลางแก่นางดีหรือไหมจะได้ดูยุติธรรม หรือว่าท่านอ๋องเก้าพันปีคิดเห็นอย่างไรเ้าค่ะ?”
นับว่าเป็เหตุผลที่ดี พี่สาวอ่อนข้อยอมให้น้องสาว
ในบรรดาคุณหนูสี่คนของตระกูลซู มีเพียงซูจิ้งโหยวคุณหนูใหญ่กับซูจิ้งเถียนคุณหนูสี่ที่เป็บุตรสาวแท้ๆของแม่ใหญ่แซ่หลี่ แต่ซูจิ้งเซียงคุณหนูรองเป็บุตรสาวของแม่น้ารอง
เพื่อให้บุตรสาวมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีแล้วแม่น้ารองก็ให้ซูจิ้งเซียงติดตามแม่ใหญ่แซ่หลี่ ดังนั้นแม้ซูจิ้งเซียงเป็บุตรสาวอนุภรรยาเช่นเดียวกับนาง ทว่าสวัสดิการกลับดีกว่านางมากโข
แต่น่าเสียดายที่มีความแตกต่างระหว่างญาติสนิทกับคนที่สายเืห่างไกล ใน่คับขันแซ่หลี่ยังคงคิดเผื่อบุตรสาวของตน
“นายหญิงแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีฉลาดกว่าข้าอุปราชคิดไว้ เพียงแต่... เคารพผู้สูงวัยรักผู้เยาว์เคารพผู้สูงวัยยังอยู่ข้างหน้า ให้ผู้ที่เยาว์กว่าไปแล้ว แล้วผู้ที่โตกว่าจะทำอย่างไร?” อวี้เสวียนจีเล่นปลอกนิ้วทองคำบนนิ้วโป้งพูดอย่างใจเย็น แต่กลับทำเอานางแซ่หลี่ใจนเหงื่อเย็นท่วมตัว
วาจาแบบนี้เอ่ยออกจากปาก ใครยังกล้ารับตอบได้?
ต่อคำผิดไปชื่อเสียงของจวนอัครมหาเสนาบดีก็ถูกทำลายป่นปี้ แต่ถ้ารับคำตอบได้ถูกต้อง ก็เท่ากับยอมรับว่าตนเองฉลาดกว่าท่านอ๋องเก้าพันปี
ท่านอ๋องเก้าพันปีผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็คนเ้าคิดเ้าแค้นเคยมีนายหญิงของขุนนางคนหนึ่ง เพราะเคยด่าเขาว่าเป็ขันที เพียงประโยคเดียวก็ถูกถลกหนังทั้งเป็ย่างพร้อมกับหมูขณะที่ตายไม่มีเนื้อที่เป็ชิ้นดีสักชิ้น
ภาพที่สยองน่ากลัวนั้น ต่อให้แม่ใหญ่แซ่หลี่หลับตา ยังสามารถระลึกจดจำได้
แต่ก็มิอาจไม่ตอบรับคำ มิฉะนั้นหากท่านอ๋องเก้าพันปีตั้งข้อกล่าวหาว่าลบหลู่ดูถูกเขาพวกนางเองก็รับไม่ไหวเช่นกัน
ตอนนี้นายหญิงแซ่หลี่สำนึกเสียใจจนแทบพลิกม้วนลำไส้ออกมาหมดแล้วจริงๆ หากรู้แบบนี้ ไม่มาชมบุปผชาติในวัดจิ้งิ่เสียก็สิ้นเื่ เวลาเช่นนี้จะทำเช่นไรดี
“ตามที่หม่อมฉันคิดเห็นประทานปิ่นมุกบุปผชาติตรงกลางอันนี้ให้แก่หม่อมฉันเป็สิ่งที่ยุติธรรมที่สุดเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อมองเหงื่อเย็นบนหน้าผากนายหญิงแซ่หลี่คราหนึ่งก็เอ่ยปากพูดในเวลาที่เหมาะสม
นางรู้มานานแล้ว ปิ่นมุกบุปผชาติอันนี้ นางต้องชิงมาให้ได้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงจงใจรอจนถึงตอนนี้ เพื่อให้แม่ใหญ่แซ่หลี่รู้สึกว่าเป็นางที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
“อ้อ?” อวี้เสวียนจีจงใจลากเสียงยาวคิดฟังว่านางจะกล่าวต่ออย่างไร