ซูเฟยซื่อฝืนยิ้มขมขื่น ทำไม? นางไม่ได้รู้ว่าทำไมด้วยคาดว่าเพียงไม่อยากให้เขาตายด้วยน้ำมือคนอื่นเท่านั้น
คนที่สามารถทำให้อวี้เสวียนจีาเ็ได้ขนาดนี้กลัวว่ามีเพียงมือสังหารซึ่งซ่งหลิงซิวส่งมาเท่านั้นแล้ว
“คาดว่า... ข้ารู้สึกว่าเ้าต่างไปจากคำร่ำลือน่ะ”แม้ว่านี่ไม่ได้เป็ส่วนทั้งหมด ทว่ากลับเป็เื่จริง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้ัักับอวี้เสวียนจี ทว่าในสายตาของนางในอดีตเต็มซึ่งไปด้วยความคับแค้นและการเข่นฆ่า ดังนั้นสิ่งที่นางได้เห็นจึงเป็ด้านที่น่าตายของอวี้เสวียนจีเพียงด้านเดียว
แต่เพราะในครั้งนี้จิตใจได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อลองดูอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับมีด้านที่น่าชื่นชมชวนให้หาคำตอบอยู่ไม่น้อย
นางชื่นชมสติปัญญาอันหลักแหลมและความสงบของเขาที่ยิ่งชวนให้แปลกใจจริงๆ คือเื่ที่ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็คนอย่างไรกันแน่
“งั้นหรือ?” อวี้เสวียนจีมองนางด้วยสายตาลึกซึ้งแต่ไม่ได้ถามอะไรอีก
พิษจากาแถูกซูเฟยซื่อดูดจนหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเืสีแดงสดไหลออกมา นางรีบฉีกชายกระโปรงซีกหนึ่งออกมาพันแผลให้เขา“น่าจะใช้ได้แล้ว ข้าได้ทำสิ่งที่สามารถทำได้ไปหมดแล้วส่วนที่ว่าเ้าสามารถมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับลิขิตของ์แล้ว”
กล่าวจบ ซูเฟยซื่อก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไป
ออกมานานขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพวกคนแซ่หลี่กำลังเพลิดเพลินชมดอกไม้อยู่หรือไม่แต่ถ้าพวกนั้นพบว่านางไม่ได้อยู่ในห้องอย่างเชื่อฟัง ก็เกรงว่าจะมีปัญหาตามมาภายหลัง
“สร้างบุญคุณให้แก่ข้ายิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่คิดทิ้งชื่อเสียงเรียงนามไว้เลยหรือ?”อวี้เสวียนจีมองแผลที่ซูเฟยซื่อห่อพันไว้ ประกายในแววตาคลุมเครือ
“ทิ้งชื่อเสียงเรียงนามอันใด?หรือว่าท่านคิดจะพลีกายมอบทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนให้ข้า? อย่าเลย ตัวข้าเป็เพียงสตรีไร้ตัณหามิชื่นชมยินดี ไหนเลยจะให้ท่านสละชีวิตอันสูงส่งเพื่อข้า หากท่านคิดจะตอบแทนละก็ มิสู้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อข้าไม่ดีกว่าหรือ เื่ในวันนี้ก็ถือเสียว่ามิเคยเกิดขึ้นมาก่อน” ซูเฟยซื่อรีบเร่งฝีเท้าหายไปท่ามกลางทะเลดอกไม้ผืนหนึ่ง
อวี้เสวียนจีอึ้งงันไปชั่วครู่ เมื่อได้สติกลับมาก็หัวเราะราวกับปีศาจดอกบัว “ไร้ตัณหามิชื่นชมยินดี? น่าสนใจๆ!”
ซูเฟยซื่อเร่งฝีเท้ากลับไปที่ห้อง หยานเอ๋อร์ที่ร้อนใจจนหัวหมุนไปหมด เมื่อเห็นนางกลับมาก็รีบก้าวเข้ามาข้างหน้า “คุณหนูสาม ท่านไปอยู่ที่ไหนมาเ้าคะ? เกิดนายหญิงรู้เข้าว่าข้ามิได้ดูแลคุณหนูเป็อย่างดี เกรงว่าข้าคงถูกตำหนิหนักแน่”
ตามที่คาดไว้ ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนางเพียงแต่กลัวตนเองถูกนายหญิงแซ่หลี่ตำหนิเท่านั้น
ในใจซูเฟยซื่อหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ข้าไปห้องน้ำแล้วหลงทาง”
ประโยคหนึ่งกลบเื่ผ่านไป หยานเอ๋อร์ไม่ได้ถามมากความ เพราะถึงอย่างไรเสียคนกลับมาก็ดีแล้ว
“แม่ใหญ่กับพี่ๆ น้องๆ ได้เพลิดเพลินชมดอกไม้เรียบร้อยแล้วหรือไม่?”นี่จึงเป็สิ่งที่ซูเฟยซื่อเป็ห่วง
“ยังไม่เสร็จสิ้น แต่เมื่อครู่นายหญิงสั่งให้ผู้คนถ่ายทอดวาจาดูเหมือนวัดจิ้งิ่เกิดการต่อสู้ขนานใหญ่ ขอคุณหนูสามอยู่ในห้องอย่าได้วิ่งหนีวุ่นวาย เพื่อมิให้จวนอัครมหาเสนาบดีเสียหน้าอับอายได้เ้าค่ะ” ประโยคที่ล่องลอยแ่เบาของหยานเอ๋อร์แสดงความเหยียดหยามของนายหญิงแซ่หลี่ที่มีต่อนางอย่างถึงพริกถึงขิง
ซูเฟยซื่อย่นคิ้วแล้ว การต่อสู้อย่างหนัก?
มีอวี้เสวียนจีปีศาจผู้นั้นอยู่ การต่อสู้อย่างหนักก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง
เพียงแต่ไม่รู้ว่าการต่อสู้รอบนี้เป็ของอวี้เสวียนจีหรือเป็ของคนที่จะฆ่าเขา
เป็ของอวี้เสวียนจียังดี แต่ถ้าไม่ใช่...
าแอวี้เสวียนจียังพันไว้ด้วยชายกระโปรงของนางวันนี้การช่วยชีวิตของนางมิใช่เพียงเปิดเผยตัวตนของนางเท่านั้น ยังทิ้งพิรุธอันหนึ่งไว้ให้คนอื่นอีกด้วย
วันนี้ นางสะเพร่าแล้ว
“ข้าเหนื่อยนิดหน่อย เ้าออกไปก่อนเถิด” ซูเฟยซื่อแกล้งทำเป็นวดขมับอย่างเหนื่อยๆ
ตอนนี้ได้แต่ส่งหยานเอ๋อร์ให้ออกไปก่อน หลังจากนั้นตนเองไปแอบสอดแนม ถ้าไม่ใช่คนของอวี้เสวียนจี สามารถเอาชายกระโปรงกลับมาได้ก็ดี
“ถ้าเช่นนั้น คุณหนูสามคนพักผ่อนก่อนเถิดเ้าค่ะ”หยานเอ๋อร์อยากรีบไปแทบอดรนทนมิไหว
ทันทีที่ประตูปิดลง ดวงตาทั้งคู่ของซูเฟยซื่อพลันสว่างวาบ นางวิ่งโผไปทางหน้าต่าง ทว่าจู่ๆ ข้างหลังกลับมีเสียงของเสื้อผ้าแหวกอากาศดังมา
ไม่รอจนนางหันกลับไป ลำคอก็ได้ถูกคนกุมไว้จากด้านหลังแล้ว
ฝีมือรวดเร็ว
ซูเฟยซื่อใขยาดกลัวทันที แต่กลับรีบสงบใจตนเองลงอย่างรวดเร็ว“เ้าเป็ใคร?”
“ซูเฟยซื่อบุตรสาวคนที่สามเกิดจากอนุภรรยาของซูเต๋อเหยียนดูเหมือนเ้าจะแตกต่างจากข่าวลืออยู่บ้าง” เสียงลุ่มหลงน่าสยองสุดขีดดังมาจากด้านหลัง เหมือนเสียงแมวร้องในยามวิกาลน่าฟังนัก แต่ก็ทำให้ผู้ฟังอดเย็นสันหลังไม่ได้
“เ้าเข้ามาั้แ่เมื่อไร?” ทำไมนางไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด
ได้ยินเสียงของอวี้เสวียนจี ในที่สุดหัวใจที่แขวนไว้ของซูเฟยซื่อก็สงบลง
เขาไม่ฆ่านาง อย่างน้อยก็ตอนนี้ มิฉะนั้นเมื่อครู่นางคงตายไปนานแล้ว
“ไม่นานมากนัก ช้ากว่าเ้าเพียงนิด” อวี้เสวียนจีไม่ปิดบัง
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วย่น ดูไปแล้วอวี้เสวียนจีคงตามนางมาแต่นางกลับไม่ได้สังเกตเห็นสักนิด
ดูไปแล้ว ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไปมาก หากยังเป็แบบนี้ต่อไป ตายไปตอนไหนก็คงไม่รู้
แต่อวี้เสวียนจียังสามารถมาที่นี่เพื่อหยอกนางได้ นางก็ไม่ควรกังวลใจแล้ว
“ท่านอ๋องเก้าพันปีตามข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ใด ตอนนี้วัดจิ้งิ่ไม่สงบ หากท่านอ๋องเก้าพันปีไม่คิดตอบแทนพระคุณหรือแก้แค้นให้เหนื่อย ก็รีบไปเสียเถิด” ซูเฟยซื่อตบมือของอวี้เสวียนจีที่กุมลำคอของนางไว้คราหนึ่งหันกลับไปสบตาเขา
ไม่คิดว่าจู่ๆ อวี้เสวียนจีก็ก้มตัวลง ปลายจมูกทั้งสองคนชนกัน ท่าทางไม่ชอบมาพากลมากเท่าใด “เ้ากลัวหรือ?”
ซูเฟยซื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาเรียวยาวของอวี้เสวียนจี ทั้งลุ่มลึกทั้งอันตราย ไม่ได้ปกปิดประกายกระหายเือันบ้าคลั่งสักนิด ทว่ายังสวยงามราวกับคร่าชิงิญญา ทำให้ผู้คนยากที่จะถอนสายตาออกไป
นางเป็คนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไหนเลยจะถูกดึงดูดได้ง่ายๆ แต่มิอาจปฏิเสธได้ว่าอวี้เสวียนจีสวยจนน่าตื่นตาตื่นใจเกินไปจริงๆ
ซูเฟยซื่อเบนสายตาไปจากใบหน้าของอวี้เสวียนจี “ท่านอ๋องเก้าพันปีก็พูดล้อเล่นเกินไปแล้ว ข้าเป็เพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ได้เห็นฉากแบบนี้ไหนเลยจะไม่กลัวได้”
“งั้นหรือ?” มุมปากอวี้เสวียนจีเผยรอยยิ้มลึกลับดูน่าค้นหา “ตัดลิ้น ใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนข้อเท็จจริง แท้จริงแล้วคุณหนูสามช่างมีฝีมือ ข้าเองยังคิดว่าเ้าไม่เข้าใจคำว่าน่ากลัวเขียนด้วยวิธีการใดเสียอีก”
เขารู้เื่พวกนี้ได้อย่างไร? ซูเฟยซื่อประหลาดใจ
ตามเหตุผลที่กล่าวมา เื่เหล่านี้ต่างเป็เื่ราวในจวนอัครมหาเสนาบดีไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปรบกวนตงฉ่าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำให้อุปราชอวี้เสวียนจีตื่นตระหนกเว้นแต่...
ในดวงตาซูเฟยซื่อมีแววดุดันปราดหนึ่งกะพริบผ่านไปอย่างรวดเร็ว“เ้าเฝ้าดูจวนอัครมหาเสนาบดีตลอดเวลาหรือ?”
“เฝ้าดูหรือ? มองไปทั่วเมืองหลวงผู้ที่กล้าพูดว่าข้าเฝ้าดูจวนอัครมหาเสนาบดี เกรงว่าคงมีเพียงเ้ากับคนคนนั้นเท่านั้นแล้ว” อวี้เสวียนจีหยุดสักพัก ประกายในดวงตาที่สวยงามดูเหมือนกำลังระลึกย้อนความทรงจำ
ซูเฟยซื่อจดจำวาจาที่หยานเอ๋อร์ได้พูดกับนางในวันนี้ ดวงตาหลุบต่ำทันที คนคนนั้นที่เขาพูดถึง หรือว่า...
ไม่รอให้นางคิดมาก อวี้เสวียนจีได้เก็บงำซ่อนประกายตาลงแล้ว“หน้าที่ความรับผิดชอบของตงฉ่างก็เป็การพิทักษ์เมืองของฮ่องเต้กับขุนนางเชื้อราชวงศ์ ไม่ส่งคนหลายคนมาเฝ้าดู หากเกิดเื่แล้วใครรับผิดชอบ?”
ช่างเป็เหตุผลอันทรงเกียรติสง่าผ่าเผยข้อหนึ่ง แต่มีเพียงอวี้เสวียนจีคนหน้าด้านแบบนี้จึงสามารถพูดออกมาได้เท่านั้น
แต่ในเมื่อเขาส่งคนไปเฝ้าดูจวนอัครมหาเสนาบดีไว้จวนของขุนนางคนอื่นๆ เกรงว่าไม่น่าโชคดีได้รับการยกเว้นด้วย รวมทั้งตระกูลกู้ที่ถูกล้างบาง
ไม่คิดว่ามือของอวี้เสวียนจีถึงกับเหยียดออกไปยาวเช่นนี้เกรงว่าเมืองหลวงนี้หากมีการเคลื่อนไหวเพียงลมพัดหญ้าพลิ้วครา เขาก็ล่วงรู้ได้ทันที
ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดปีนั้นทั้งตระกูลร่วมมือกับซ่งหลิงซิวก็ไม่สามารถสังหารเขาคนเดียวได้
“ท่านอ๋องเก้าพันปีพูดกระไรก็เป็เช่นนั้น” ซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะสูญเสียความสนุกในการพูดคุยกับเขาไปแล้วเมื่อคิดถึงว่าทุกอิริยาบถของตนล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา
“คุณหนูสามทำให้อุปราชอย่างข้าเปิดหูเปิดตาขนานใหญ่จริงๆ”จู่ๆ อวี้เสวียนจีเบาเสียงลงต่ำ ดวงตาสีดำคลุมเครือปานกระหายโลหิตกำลังไหลเคลื่อน“อีหนู อดทนเร้นกายไว้นานขนาดนั้น ไยต้องออกหน้าในเวลานี้ คิดเรียกฝนเรียกลมได้ในจวนอัครมหาเสนาบดีเ้ายังไม่มีคุณสมบัตินี้”