เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วแน่นเมื่อย่อกายลงไปพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนิ่นนานนางจึงลุกขึ้น “ข้าคิดว่าข้ารู้สาเหตุการต้องพิษของน้องชายเ้าแล้ว”
หานหลินเยว่มีสีหน้าตกตะลึง ต่อมาคือความรู้สึกยินดี
เมื่อคนทั้งสองกลับยืนหน้าห้องของคุณชายน้อย เฟิ่งเฉี่ยนเดินไปหยุดหน้าประตูเพียงลำพังแล้วะโเสียงดัง “คุณชายหาน ข้าคือเฟิงเฉี่ยน ข้าขอสนทนากับท่านเป็การส่วนตัวได้หรือไม่”
ภายในห้องเงียบกริบ จากนั้นมีเสียงดังเคร้ง ด้วยมีสิ่งของถูกเขวี้ยงใส่บานประตู ต่อมามีเสียงของเด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงดังขึ้น “เ้าไปซะ! ข้าไม่้าให้เ้ามารักษาข้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนเม้มปากพลางครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ได้ เ้าไม่ยินดีที่จะสนทนากับข้า เช่นนั้นเ้าฟังข้าพูดได้กระมัง”
มีเสียงแค่นดังฮึออกมาจากในห้อง ทว่าไม่พูดอะไรอีก
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ใส่ใจ นางพูดต่อว่า “ข้าเป็เทพอาหารคนหนึ่งเช่นเดียวกับเ้า! เมื่อสักครู่พี่สาวของเ้าพาข้าไปดูแปลงวัตถุดิบเทพของเ้าแล้ว ข้าเลื่อมใสในสติปัญญาและความขยันหมั่นเพียรของเ้าอย่างยิ่ง การเพาะปลูกและดูแลวัตถุดิบมากมายเช่นนี้ มิใช่เื่ง่าย!”
มีเสียงแค่นดังฮึออกมาจากในห้องอีกครั้งหนึ่ง ทว่าในน้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความลำพองใจอย่างชัดเจน
เฟิ่งเฉี่ยนเปลี่ยนน้ำเสียง “กระทั่งข้าเห็นแปลงธัญพืชสีแดงแปลงหนึ่ง ความคิดของข้าเปลี่ยนไปทันที ข้าคิดว่าเ้าเป็เพียงเทพอาหารชื่อเสียงจอมปลอม เ้าไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอะไรคือวัตถุดิบเทพ!”
หานไท่ฟู่และหานหลินเยว่ที่อยู่ด้านหลังสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอดพร้อมๆ กัน สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ความภาคภูมิใจที่สุดของคุณชายน้อยก็คือแปลงวัตถุดิบเทพผืนนั้นที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพาะปลูกและดูแล ตอนนี้กลับมีคนบอกว่าเขาไม่เข้าใจวัตถุดิบเทพ หากเขาไม่โมโหจึงจะเป็เื่แปลก!
เป็ไปตามที่คาด ประตูห้องถูกข้าวของเขวี้ยงปาหนักๆ อีกครั้ง เสียงเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้น “เ้าน่ะสิไม่เข้าใจวัตถุดิบ! วัตถุดิบเทพทุกอย่างล้วนเป็ข้าที่เพาะปลูกและดูแลพวกมันตามลักษณะเฉพาะของพวกมัน ไม่มีทางที่จะมีปัญหา! โดยเฉพาะอย่างยิ่งธัญพืชสีแดงแปลงนั้น เป็วัตถุดิบที่ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจส่วนใหญ่ จึงทำให้มันเติบโตได้ในดินและสภาพอากาศของที่นี่ มันจึงแตกออกเป็รวงข้าว! ตอนนี้เ้ากลับบอกว่าข้าไม่กระจ่างแจ้งในวัตถุดิบเทพ หากเ้าพูดเช่นนี้อีก ข้า ข้าจะ...”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเยาะเย้ย “เ้าจะทำอะไรได้ เ้าเป็คนใกล้ตายคนหนึ่ง จะทำอะไรข้าได้เล่า”
ภายในห้องเหลือเพียงความเงียบงัน
ทั้งๆ ที่มีประตูกั้นอยู่ ทว่านางกลับััได้ถึงความทุกข์ทรมานและสิ้นหวังของเขา
หานไท่ฟู่ปวดใจกับหลานชายของตน เขาสอดปากขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “แม่นางเฟิง ชิวเอ๋อร์น่าสงสารเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ไฉนเ้ายัง...”
เฟิ่งเฉี่ยนยกมือขึ้นตัดบทเขา “ที่ข้าพูดเป็เื่จริง ไม่ใช่หรือ เขาไม่ยอมรับการรักษา แล้วยังจะมาใส่ใจว่าวัตถุดิบเทพเ่าั้จะเป็หรือตายไปเพื่ออะไรกัน รอให้เขาตายไปแล้ว วัตถุดิบในแปลงเ่าั้ของเขาย่อมต้องแห้งเหี่ยวตายไปด้วย ต่อไปคงไม่มีใครสนใจวัตถุดิบเทพเ่าั้อีก สุดท้ายกลายเป็ผืนนาที่ถูกทิ้งร้าง เฮ้อ คิดแล้วน่าเสียดายจริงๆ!”
ได้ยินเสียงขว้างปาข้าวของดังขึ้นภายในห้องติดๆ กันหลายครั้ง นางถอนหายใจราวกับทนไม่ได้อยู่บ้าง “หากข้าบอกกับเ้าว่า สาเหตุของการเจ็บป่วยของเ้านั้นมาจากธัญพืชสีแดงที่เ้าเฝ้าฟูมฟักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เ้าจะเชื่อหรือไม่”
เสียงขว้างปาข้าวของภายในห้องพลันหยุดลง คุณชายน้อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังขา “จะเป็ไปได้อย่างไร”
เฟิ่งเฉี่ยน “เป็ไปได้แน่นอน! อีกทั้งข้ายังบอกเ้าได้อย่างแน่ใจว่า สาเหตุการเจ็บป่วยของเ้ามาจากมันจริงๆ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง หานไท่ฟู่ หานหลินเยว่ และท่านหมอทั้งสามคนต่างตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากภายในห้องมีเพียงความเงียบงันอยู่นาน คุณชายน้อยพูดขึ้นว่า “เพราะเหตุใด”
คำพูดของเฟิ่งเฉี่ยนทำให้คนทั้งหมดตกตะลึง “เพราะเ้ามิได้ป่วย แต่ต้องพิษ!”
ลูกะเิถูกทิ้งออกมาอีกลูกหนึ่ง!
หานไท่ฟู่และคนอื่นๆ ตะลึงงัน
ท่านหมอเอ่ยปากเป็คนแรก “ต้องพิษหรือ จะเป็ไปได้อย่างไร ข้าตรวจพบอาการต้องพิษของเขาไม่ได้แม้แต่น้อย”
หานไทฟู่พูดเสริมเช่นกัน “ถูกต้อง มีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้า “ข้าไม่มีทางตรวจผิดพลาด คุณชายน้อยต้องพิษจริงๆ!”
คนทั้งหมดต่างหมดคำพูด
คุณชายน้อยที่อยู่ในห้องใอย่างที่สุด เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก ถามขึ้นว่า “ข้าต้องพิษอะไรกันแน่”
เฟิ่งเฉี่ยนพูดเนิบๆ “เ้าเข้าใจมาโดยตลอดว่าสิ่งที่เ้าไหว้วานสหายไปนำกลับมาจากแคว้นหนานเยียน คือ ธัญพืชสีแดง กระมัง”
“หรือไม่ใช่” คุณชายน้อยถาม
เฟิ่งเฉี่ยนตอบ “ไม่ใช่แน่นอน! และเป็ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง!”
คุณชายน้อยถามอย่างมิพึงใจ “ผิดพลาดตรงไหน”
เฟิ่งเฉี่ยน “สิ่งที่สหายของเ้านำกลับมา ไม่ใช่ธัญพืชสีแดง แต่เป็ธัญพืชงูเมฆาชนิดหนึ่ง!”
“ธัญพืชงูเมฆาหรือ” คุณชายน้อยตกตะลึง
เฟิ่งเฉี่ยนอธิบาย “ลักษณะภายนอกของธัญพืชงูเมฆา จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับธัญพืชสีแดง แต่ธัญพืชงูเมฆานั้นมีพิษ มันเป็ที่โปรดปรานของแม่งูเป็ที่สุด ดังนั้นมันจึงมีชื่อว่า ธัญพืชงูเมฆา”
“ธัญพืชงูเมฆาหรือ ที่แท้เป็ธัญพืชงูเมฆา” คุณชายน้อยพูดกับตนเอง เขายังตกตะลึงไม่หาย
เฟิ่งเฉี่ยนหยุดไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “เ้าคลุกคลีอยู่กับธัญพืชงูเมฆาทุกเมื่อเชื่อวัน ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะถูกพิษของมันแพร่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงล้มป่วย! ธัญพืชงูเมฆามีธาตุหยินอยู่ในปริมาณมาก ดังนั้นจึงดึงดูดให้แม่งูชื่นชอบ ทว่าหากบุรุษคนหนึ่งถูกพิษของธัญพืชงูเมฆา ก็จะ...ร่างกายก็จะมีการเปลี่ยนแปลงจากลักษณะของบุรุษเป็ลักษณะของสตรี...”
พูดมาถึงตรงนี้นางพอจะกระจ่างแจ้งแล้วว่าเหตุใดคุณชายน้อยจึงยืนกรานไม่ยอมให้นางรักษา รวมไปถึงเข้าใจหานไท่ฟู่และหานหลินเยว่ที่ไม่อาจบอกสาเหตุและอาการป่วยของคุณชายน้อย เพราะโรคชนิดนี้ยากแก่การเอ่ยปากโดยแท้
ภายในห้องพลันมีเสียงสะอึกสะอื้นเป็พักๆ ราวกับความรู้สึกที่ต้องเก็บกดมานานเกินไปถูกะเิออกมาในคราวเดียว!
ไม่นานนักคุณชายน้อยก็ควบคุมสติอารมณ์ของตนได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย“แม่นางเฟิง ท่านเข้ามาเถิด ท่านช่วยรักษาอาการป่วยของข้าด้วย!”
คุณชายน้อยยอมเอ่ยปากในที่สุด
หานไท่ฟู่และหานหลินเยว่ดีใจจนออกนอกหน้า
คิดไม่ถึงว่าแม่นางเฟิงท่านนี้จะมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ!
เฟิ่งเฉี่ยนผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง ภายในห้องค่อนข้างมืด หน้าต่างทุกบานปิดสนิท กลิ่นยาลอยอบอวลอยู่ทั่วทั้งห้อง และยังมีกลิ่นผุๆ ของเครื่องเรือนที่ทำมาจากไม้ทำให้บังเกิดความรู้สึกสิ้นหวัง
หากต้องอยู่ในห้องที่ไม่พบแสงเดือนพบแสงตะวันเช่นนี้เป็เวลานาน ต่อให้เป็คนปกติก็ยังต้องป่วยแน่นอน ซ้ำยังเป็ผู้ที่ป่วยหนักคนหนึ่ง และเป็คนไข้ที่มีความรู้สึกกดดันตัวเองอีก
หลังจากกวาดสายตามองไปรอบๆ นางช้อนตามองไปยังทิศทางที่เตียงตั้งอยู่ ด้านหน้าเตียงแขวนผ้าม่านหนาๆ ชั้นหนึ่ง เห็นเงาร่างของคนรางๆ อยู่ในนั้น
นางก้าวเท้าเดินเข้าไป ยังไม่ทันรอให้นางเข้าไปใกล้เตียง คนด้านในพลันส่งเสียง “ช้าก่อน!”
น้ำเสียงของเขาลังเลใจอยู่บ้าง “ข้าต้องพิษจริงๆ...ไม่ใช่...ไม่ใช่ตั้งครรภ์เป็พิษแน่นะ”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน นางกระจ่างแจ้งโดยพลัน พูดหนักแน่น “ข้ารับรองได้ เ้าเพียงแต่ถูกพิษ อีกทั้งข้าถอนพิษได้ แต่ตอนนี้ข้าต้องตรวจดูอาการของเ้าเสียก่อน หลังจากแน่ใจแล้วจึงจะเขียนเทียบยาให้เ้าได้”
ลมหายใจของคนด้านหลังม่านมุ้งรัวเร็วขึ้น น้ำเสียงสั่นสะท้านอยู่บ้าง “เช่นนั้น...เช่นนั้นเ้ารับรองว่า เมื่อเ้าเห็นข้าแล้วเ้าจะไม่หัวเราะเยาะข้าได้หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “หัวเราะเยาะหรือ ข้าอยากหัวเราะเยาะเ้าในตอนนี้ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในมากกว่า”
“เ้า...” คนด้านหลังม่านมุ้งโกรธแล้ว
หานไท่ฟู่ได้ยินเช่นนั้นร้อนใจทันที เขาคิดจะเข้าไปต่อว่านางสักหน่อย หานหลินเยว่คว้าตัวเขาเอาไว้ได้ทันพร้อมกับส่ายหน้าให้เขา