เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่บังเอิญเคยเปิดอ่านตำราเล่มนี้เท่านั้น”
หานไท่ฟู่แค่นเสียงฮึทันที “ข้าเดาอยู่แล้วว่าเ้าจะต้องพูดส่งเดช เ้าจะกระจ่างแจ้งในวิชาแพทย์ได้อย่างไร”
ประการแรกนางอายุยังน้อย ประการที่สองนางเป็ยอดฝีมือในการเดินหมากล้อม เขาไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีใครที่จะแตกฉานเื่การเดินหมากล้อมและการแพทย์ในเวลาเดียวกัน เพราะสมองของคนเรามีข้อจำกัด นางไม่มีทางร่ำเรียนทั้งสองอย่างจนแตกฉานได้!
หากว่ากันตามหลักการทั่วไปแล้วจริงๆ ก็เป็เช่นนี้ ทว่าเฟิ่งเฉี่ยนมิใช่คนธรรมดาสามัญ ไม่อาจใช้ทฤษฎีทั่วไปมาตัดสินได้!
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ใส่ใจวาจาถากถางของเขา นางพูดต่ออีกว่า “ที่ข้าเพิ่งกล่าวถึงไปคือบันทึกในตำรา 《หนึ่งพันคำถามหญ้าสมุนไพรร้อยชนิด》ทว่าในตำราโบราณอีกเล่มหนึ่ง 《ตำราบำรุงตับ》ได้บันทึกเอาไว้ว่า ตับ เป็อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ขับพิษในร่างกายของคนเรา แต่ในขณะเดียวกันมันก็อ่อนแออย่างยิ่ง ทันทีที่ตับได้รับความเสียหาย ร่างกายของคนก็จะสูญเสียความสามารถในการขับพิษ ส่วนหญ้าเข็มผี มะแว้งนก และหญ้าเซี่ยคู ทั้งสามชนิดนี้ หากใช้เพียงตัวใดตัวหนึ่ง จะมีสรรพคุณช่วยดูแลและบำรุงตับ ทว่าเมื่อนำมาใช้ร่วมกัน ระยะแรกจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อตับ ซ้ำยังช่วยเื่ตับพร่อง แต่หากกินเป็ระยะเวลานานๆ จะส่งผลให้ตับทำงานหนักขึ้นทุกวัน ยิ่งกินเป็เวลานานเท่าใด ความสามารถในการขับพิษของตับก็จะลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ สุดท้ายพิษจะค่อยๆ สะสมอยู่ในร่างกาย กระทั่งป่วยหนัก...”
หานไท่ฟู่และหานหลินเยว่ที่ฟังอยู่ด้านข้างหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
สีหน้าของท่านหมอซีดเผือดยิ่งกว่า เขาถามเสียงสั่น “ใน《ตำราบำรุงตับ》... 《ตำราบำรุงตับ》ได้เขียนไว้เช่นนี้จริงๆ หรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนหยักหน้าแรงๆ “แน่นอนอย่างที่สุด!”
ท่านหมอทอดถอนใจยาวยืด สีหน้าท่าทางแก่ลงไปเป็สิบปีในชั่วพริบตา “ข้าความรู้ตื้นเขิน เดิมทีคิดว่าหาวิธีรักษาได้แล้ว ผู้ใดจะรู้เล่าว่าเป็การเข้าใจเพียงแค่ครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้ทำความเข้าใจอันตรายที่เกิดจากการใช้เทียบยานี้เป็ระยะเวลานานๆ กลับทำร้ายคุณชายน้อย ข้ายากจะปัดความรับผิดชอบได้!”
เฟิ่งเฉี่ยนปลอบโยนเขา “ท่านหมออย่าได้กล่าวโทษตนเอง! ข้าคิดว่าอาการป่วยของคุณชายน้อยจะต้องอยู่ในขั้นอันตรายยิ่งยวด ท่านจึงเลือกที่จะใช้เทียบยาที่ปกติไม่ใช้กัน หากท่านไม่ได้เลือกใช้เทียบยานี้ทันเวลา เกรงว่าคุณชายน้อยน่าจะทนไม่ไหวแล้ว”
ท่านหมอมองนางด้วยความซาบซึ้งใจ เขาหันมาคารวะให้นางด้วยความนับถือ “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยข้าแก้ต่าง ขอถามว่าควรเรียกขานแม่นางว่าอย่างไรดี”
เฟิ่งเฉี่ยนคารวะตอบอย่างมีมารยาท “ข้าน้อย เฟิงเฉี่ยน”
“เฟิงเฉี่ยนหรือ” ท่านหมอดวงตาเป็ประกาย พูดด้วยความตื่นเต้น “เ้าก็คือแม่นางเฟิง เฟิงเฉี่ยนท่านนั้น ที่หลายวันก่อนรักษาอาการป่วยจากโรคประหลาดของมู่ไท่ฟู่จนหายดีใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “เป็ข้าเอง”
ท่านหมอตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม เขาจับมือหานไท่ฟู่ “หานไท่ฟู่ ไม่แน่ว่าคุณชายน้อยจะมีทางรอดแล้ว!”
หานไท่ฟู่งงงัน “ความหมายของท่านคือ นางรักษาชิวเอ๋อร์ให้หายดีได้หรือ”
ท่านหมอพยักหน้าหนักๆ พร้อมกับนำเสนอสุดกำลัง “วิชาแพทย์ของแม่นางเฟิงท่านนี้เยี่ยมยอด! ก่อนหน้านี้เพื่อรักษาอาการป่วยจากโรคประหลาดของมู่ไท่ฟู่ ท่านหมอทั่วทั้งเมืองมู่หยางก็ไม่มีหนทางรักษา กระทั่งหมอหลวงในวังก็ยังจนปัญญา แต่แม่นางเฟิงกลับรักษาจนหายได้ จนกลายเป็เื่ที่มีแต่คนกล่าวถึง หากคุณชายน้อยได้รับการรักษาจากแม่นางเฟิง ไม่แน่ว่าอาจจะดีขึ้นก็ได้”
หานไท่ฟู่ยืนนิ่งงันอยู่ที่นั่น สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ประเดี๋ยวดำ ประเดี๋ยวแดง ประเดี๋ยวขาว ประเดี๋ยวเขียว
ท่านหมอมากความสามารถคนหนึ่งเดินผ่านไปมาอยู่ต่อหน้าเขา เขากลับมองไม่เห็น ซ้ำยังเอาแมวเทพตัวปลอมไปหลอกนางอีก ล่วงเกินนางไปแล้ว ครานี้ควรทำอย่างไร
ใบหน้าแก่ชราพลันแย้มยิ้มราวกับบุปผาบานสะพรั่ง หานไท่ฟู่ยิ้มกะเรี่ยกะราด “แม่นางเฟิง ข้ามีตาหามีแววไม่ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินแล้ว! เ้าดูสิ เ้าจะ...เื่นั้น...อ่า”
เฟิ่งเฉี่ยนมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็หลังมือของเขาแล้วก็ได้แต่หัวเราะในใจ นางไม่คิดจะสร้างความลำบากใจให้เขาจึงพูดตรงๆ ว่า “ได้ ชีวิตคนสำคัญ การรักษาเป็เื่เร่งด่วน ข้า้าพบคนไข้สักครู่หนึ่งก่อน”
หานไท่ฟู่พยักหน้าหงึกหงัก “ได้! ได้!”
ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เขาทอดถอนใจ “เื่นี้ข้าคงต้องคุยกับชิวเอ๋อร์ก่อน เ้ารออยู่ที่นี่สักครู่”
หานไท่ฟู่เข้าไปในห้อง หานหลินเยว่มองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยความซาบซึ้ง “แม่นางเฟิง ท่านไม่ผูกใจเจ็บในเื่ก่อนหน้านี้ ช่วยรักษาน้องชายของข้า หลินเยว่รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง รับคารวะจากข้าด้วย!”
เฟิ่งเฉี่ยนห้ามปรามทันที “จะรักษาให้หายได้หรือไม่ยังเป็อีกเื่หนึ่ง เ้าอย่าเพิ่งขอบคุณแทนข้าเร็วเกินไป อีกอย่างหนึ่งข้าอาจจะมาช่วยน้องชายของเ้าเพราะหวังจะได้แมวเทพก็ได้”
หานหลินเยว่กลับส่ายหน้ายืนกราน “เมื่อสักครู่แม่นางรู้ว่าแมวเทพนี้ถูกนำมาช่วยคน ท่านได้เลิกล้มความตั้งใจแล้ว ดังนั้นข้าเชื่อว่าตอนนี้ท่านตัดสินใจรักษาน้องชายข้า มิใช่ทำเพราะแมวเทพ!”
เฟิ่งเฉี่ยนฉีกยิ้ม ทว่าไม่พูดจา
หานไท่ฟู่เดินออกมาจากห้องพักมาจากห้อง ทว่าก้มหน้าคอตก
หานหลินเยว่ถาม “ท่านปู่ เกิดอะไรขึ้นเ้าคะ”
หานไท่ฟู่ส่ายหน้า “ชิวเอ๋อร์ไม่ยอมให้แม่นางเฟิงรักษา บอกว่าหากปล่อยให้นางเข้าไป เขาจะชนกำแพงตายทันที!”
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าประหลาดใจ “เหตุใดคุณชายน้อยจึงไม่ยอมรับการรักษา”
หานไท่ฟู่อึกอัก
หานหลินเยว่ก้มหน้าลง
เฟิ่งเฉี่ยนหันไปมองท่านหมอ ท่านหมอส่ายหน้าด้วยท่าทีลำบากใจ “เป็เื่ส่วนตัวของคุณชายน้อย โปรดอภัยด้วยที่ข้าไม่อาจพูด!”
เฟิ่งเฉี่ยนงงหนักขึ้นอีก “แต่หากไม่ทำความเข้าใจต่อโรคที่จะรักษา ไม่พบตัวคนไข้ แล้วข้าจะรักษาได้อย่างไร”
หานหลินเยว่พูดอย่างลำบากใจ “นับั้แ่น้องชายข้าล้มป่วย อารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว นอกจากท่านหมอหลี่แล้ว เขาไม่ยินยอมรับการรักษาจากผู้อื่น พวกเราต่างจนปัญญา!”
หานไท่ฟู่อ้อนวอน “แม่นางเฟิง เ้ายังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่ อย่างเช่นยาสมุนไพรที่รักษาโรคได้นานาชนิด กินแล้วรักษาโรคได้นับร้อย”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขม “ท่านคิดว่าข้าเป็เทพเซียนหรือ บนโลกนี้จะมียาวิเศษเช่นนั้นได้อย่างไร”
แม้ความจริงจะมียาวิเศษเช่นน้ำสมุนไพรร้อยชนิดอยู่ ทว่าโอกาสที่จะได้มันมานั้นน้อยเหลือเกิน นับั้แ่ครั้งนั้นที่นางจับรางวัลได้มาก็ไม่เคยจับได้อีกเลย
หานไท่ฟู่กลัดกลุ้ม “เช่นนั้นทำอย่างไรดี ด้วยอุปนิสัยของชิวเอ๋อร์ หากบีบบังคับให้เขารับการรักษา ไม่แน่ว่าเขาอาจทำเื่น่าใออกมา”
เฟิ่งเฉี่ยนใคร่ครวญครู่หนึ่ง “เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าก่อนหน้าและหลังจากที่คุณชายน้อยล้มป่วยเป็อย่างไรบ้าง”
หานหลินเยว่ตอบ “น้องชายของข้าเริ่มล้มป่วยเมื่อครึ่งปีก่อน จำได้ว่าหลายวันนั้นเขาไปทำงานในไร่ที่อยู่เรือนด้านหลังทุกวัน ตอนเที่ยงของวันหนึ่ง เขาหมดสติอยู่ในไร่อย่างหาสาเหตุไม่ได้ ตอนนั้นทำให้พวกเราใแทบแย่ และเขาก็ป่วยเป็โรคประหลาดนับั้แ่วันนั้นเป็ต้นมา...”
เฟิ่งเฉี่ยนครุ่นคิด “พาข้าไปดูไร่ผืนนั้นสักหน่อยได้หรือไม่”
หานหลินเยว่พยักหน้า “ได้อยู่แล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนมาถึงเรือนด้านหลังภายใต้การนำทางของหานหลินเยว่ เพียงชั่วครู่ก็ถูกทัศนียภาพตรงหน้าดึงดูดความสนใจไปเสียสิ้น นี่มันใช่ไร่นาธรรมดาสามัญที่ไหนกันเล่า ชัดเจนเหลือเกินว่าที่นี่เต็มไปด้วยวัตถุดิบเทพและยาสมุนไพรเทพ!
ข้าวโพด มะเขือ ถั่วฝักยาว พริก...อะไรที่ควรมีก็มีทุกอย่าง!
ถึงขั้นมีต้นข้าวสาลีและข้าว!
วัตถุดิบเทพเหล่านี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายเทพ!
เฟิ่งเฉี่ยนมองจนทึ่มทื่อ
หานหลินเยว่แนะนำ “น้องชายข้าเป็เทพอาหารคนหนึ่ง เขาชอบปลูกและคิดค้นวัตถุดิบเทพเ่าั้ที่สุด...”
นางชี้ไปที่ทุ่งข้าวผืนหนึ่ง “ท่านดูสิ นี่ก็คือ ข้าวสีแดงที่น้องชายข้าฝากคนไปหามาจากแคว้นหนานเยียนก่อนหน้าที่เขาจะล้มป่วย เขาเพาะปลูกและดูแลมันทุกวัน ไม่ง่ายดายเลยกว่าจะรอให้มันเติบโตเป็ต้นข้าว แต่เขากลับต้องล้มป่วย พูดขึ้นมาแล้วก็แปลก ต้นข้าวเหล่านี้เติบโตมาครึ่งปีแล้ว ไม่มีคนมาเก็บเกี่ยว ยังคงเติบโตได้ดีเช่นนี้!”