เฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง “หรือไม่ใช่ ข้าเป็หมอ ในสายตาข้าคนมีสองประเภท ประเภทหนึ่งคือคนป่วย อีกประเภทหนึ่งคือไม่ได้ป่วย เมื่อป่วยต้องรักษา ไม่ได้ป่วยก็ไปให้พ้นหน้า! ข้ามีงานล้นมือ เ้าคิดว่าข้าว่างนักหรือไร”
คนที่อยู่ข้างหลังผ้าม่านร้องฮึ พูดอย่างมีโมโห “ท่านไม่รักษาข้าก็ได้นี่ ข้าไม่ได้ขอร้องท่าน!”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “เ้าไม่ได้ขอร้องข้าจริงๆ นะแหละ เป็ข้าเองที่แส่หาเื่ เป็ข้าเองที่หาเื่ใส่ตัว พอใจแล้วกระมัง”
คนที่อยู่ข้างหลังผ้าม่านพูดงึมงำอย่างไม่พอใจ “เหตุใดท่านจึงแตกต่างกับท่านหมอเ่าั้มากมายเช่นนี้ ท่านถอนพิษได้จริงๆ หรือ”
“เ้ากำลังสงสัยวิชาแพทย์ของข้าหรือ เช่นนั้นต้องให้ข้าพิสูจน์ให้เ้าเห็นจึงจะรู้!” เฟิ่งเฉี่ยนเดินก้าวใหญ่ๆ เข้าไปทันที นางยื่นมือออกไปเลิกม่านขึ้น
ต่อให้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วก็ตาม ทว่าวินาทีที่นางเห็นชายหนุ่มตรงหน้า เฟิ่งเฉี่ยนยังคงถูกภาพตรงหน้าทำให้ตะลึงงัน!
ชายหนุ่มถูกทำให้ใเช่นกัน เขารีบกระชากผ้าห่มขึ้นมาด้วยคิดจะปกปิดร่างกายอันอวบอิ่มของตน
เฟิ่งเฉี่ยนยื่นมือออกมาขัดขวางเขา ดวงตาทั้งคู่จ้องเขาเขม็งและพิจารณาอย่างละเอียด
เรือนร่างเช่นนี้เมื่อปรากฏอยู่บนร่างของบุรุษคนหนึ่ง มองอย่างไรก็ยังคงทำให้ใจนสะดุ้งโหยง!
“ท่านทำอะไร” หานฉู่ชิวถลึงตาใส่นางอย่างขุ่นเคืองใจ เขาถูกทำให้ใและรู้สึกเหมือนตนเองถูกล่วงเกิน
เฟิ่งเฉี่ยนไม่เพียงไม่คลายมือออก แต่กลับเพิ่มน้ำหนักมือที่กดลงไป “รู้สึกเจ็บหรือไม่”
หานฉู่ชิวแค่นเสียงฮึ เขาทั้งโกรธทั้งอาย หน้าแดงก่ำ “ท่านออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่้าให้ท่านรักษาแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนเพิ่งจะละเลื่อนสายตาจากเรือนร่างของเขามาอยู่บนใบหน้าของเขา ชายหนุ่มมีอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี ยังเด็กอยู่มาก หน้าตาชวนมอง ใบหน้าคมสันนั้นแดงก่ำ ดวงตาทั้งคู่ถลึงตามองนางอย่างโกรธๆ ริมฝีปากเม้มแน่น มุมปากคว่ำลงเล็กน้อย โพรงจมูกหดลงเหมือนกำลังแสดงท่าทีว่าเขากำลังโกรธเคือง แต่นางรู้สึกว่าเขาน่ารักเหลือเกิน นางอดที่จะหยอกล้อเขาไม่ได้ “อ้อ เช่นนั้นเกรงว่าจะไม่ทันแล้วล่ะ ไม่เคยได้ยินประโยคนี้หรือ เชิญเทพลงมานั้นง่ายทว่าเชิญเทพกลับไปนั้นยาก”
“ท่าน...ท่าน...” หานฉู่ชิวถูกทำให้โกรธจนพูดไม่ออก
เฟิ่งเฉี่ยนฉีกยิ้มแล้วคว้าข้อมือของเขามาจับชีพจร หานฉู่ชิวทางหนึ่งดิ้นรนต่อสู้ อีกทางหนึ่งร้องะโไปนอกห้อง “เด็กๆ รีบเข้ามา! ข้าไม่้าให้นางรักษาแล้ว พวกเ้ารีบมาไล่นางออกไป!”
“แม่นางเฟิงคนนี้ ทำอะไรอีก” หานไท่ฟู่คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้ง แต่ถูกหานหลินเยว่ขวางไว้อีกครั้งเช่นกัน
“ท่านปู่ ท่านอย่าเพิ่งวู่วามเ้าค่ะ! ท่านไม่เห็นหรือเ้าคะ ตอนนี้เสี่ยวชิวเหมือนคนปกติยิ่งกว่าเวลาใด”
ราวกับคำพูดนี้ทำให้คนตื่นจากความฝัน!
หานไท่ฟู่รู้สึกได้ทันทีว่า ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ ชิวเอ๋อร์แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่มีเรี่ยวแรงกระทั่งจะโมโห นอกจากความรู้สึกสิ้นหวังแล้วก็คือสิ้นหวัง เห็นแล้วทำให้คนปวดใจนัก ตอนนี้เขาเหมือนคนปกติในที่สุด เขาควรดีใจจึงจะถูกต้อง
ทว่าปากคอเขายังคงพ่นวาจาไม่ละเว้นคนอยู่นั่นเอง “แม่นางเฟิงคนนี้ จะพูดจาดีๆ รักษาคนดีๆ ไม่ได้เชียวหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ใส่ใจท่าทางต่อต้านของหานฉู่ชิว นางจับคางของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “อ้าปาก ให้ข้าดูลิ้นของเ้า!”
หานฉู่ชิวจงใจขัดขืนคำสั่งของนาง ริมฝีปากทั้งคู่ปิดสนิท เขาถูกผู้อื่นโจมตีกะทันหัน เ็ปเสียจนต้องอ้าปากร้องออกมาด้วยความใ
เฟิ่งเฉี่ยนกลั้นหัวเราะ “ได้แล้ว ข้าพอจะรู้อาการของเ้าในตอนนี้แล้ว รอข่าวดีจากข้าก็แล้วกัน!”
แขนทั้งคู่หานฉู่ชิวกอดตัวเองเอาไว้ เขาถลึงตามองนาง “ท่าน...ท่านเป็สตรีจอมลามก!”
เฟิ่งเฉี่ยนปัดมือแปะๆ แล้วลุกขึ้นยืน “พอแล้ว ตอนนี้สตรีจอมลามกเช่นข้าต้องไปเตรียมยาถอนพิษให้เ้า ทางที่ดีที่สุดเ้าควรจะอดทนรอให้ได้ อย่าเพิ่งด่วนจากไปก่อนเล่า!”
หานฉู่ชิวตะคอกใส่นาง “ข้าไม่มีทางตายหรอก! ข้าจะเปิดโปงโฉมหน้าท่านหมอจอมปลอมของเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนหมุนกายเดินออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
หานไท่ฟู่เห็นนางออกมาก็คิดจะเข้ามาคิดบัญชี หานหลินเยว่ชิงเดินมาก่อนก้าวหนึ่งแล้วถามว่า “แม่นางเฟิง เป็อย่างไรบ้าง น้องชายของข้าต้องพิษหรือ ถอนพิษได้หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ตอบคำถามทันที “คุณหนูหาน รบกวนเ้าพาข้าไปที่แปลงวัตถุดิบเทพอีกครั้งได้หรือไม่”
หานหลินเยว่รีบผายมือ “เชิญตามข้ามา”
ท่านหมอเห็นเช่นนั้นจึงตามไปด้วย
หานไท่ฟู่ไม่ได้ตามไป เขากลับเดินเข้าไปในห้องด้วยคิดจะปลอบใจหลานชาย “ชิวเอ๋อร์ อย่าโมโห! นางเด็กคนนั้นปากคอเราะรายจนขึ้นชื่อ ปู่เห็นนางขัดหูขัดตามานานแล้ว! ทางที่ดีที่สุดนางต้องรักษาเ้าให้หาย หาไม่แล้วปู่ไม่มีวันปล่อยนาง!”
ยามนี้หานฉู่ชิวสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ดวงตางดงามคู่นั้นเปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน “ท่านปู่ ข้ามีความรู้สึกประหลาดมาก แม่นางเฟิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็คนมีความสามารถจริงๆ หรือนางจะรักษาอาการป่วยของข้าให้หายได้”
หานไท่ฟู่ประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าหลานชายไม่เพียงแต่ไม่โมโหแม่นางเฟิง ในทางตรงข้ามเขากลับฝากความหวังไว้กับนาง ดูท่าแล้วหลานชายมีความรู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ต่อและมีความหวัง ความอบอุ่นชนิดหนึ่งไหลบ่าเข้ามาในหัวใจเขา กระบอกตาจึงแดงเื่
เฟิ่งเฉี่ยนและหานหลินเยว่ย้อนกลับมาที่แปลงวัตถุดิบเทพอีกครั้ง นางพิจารณานาข้าวอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งแล้วตัดสินใจ “คุณหนูหาน รบกวนเ้าช่วยหาคนมาเก็บเกี่ยวข้าวพวกนี้ให้ข้า แล้วนำข้าวเปลือกที่ได้มานี้สีให้เป็เมล็ดข้าวได้หรือไม่”
หานหลินเยว่ประหลาดใจ “แม่นางเฟิง นี่ท่าน้าจะ...”
เฟิ่งเฉี่ยน “ข้า้านำข้าวสารเหล่านี้ไปหุงเป็ข้าวสวย แล้วให้น้องชายเ้ากิน!”
หานหลินเยว่ตะลึงอยู่นาน นางได้สติคืนมาอย่างมิง่ายดาย “แต่แม่นางเฟิง เ้าพูดเองมิใช่หรือว่าธัญพืชงูเมฆานั้นมีพิษมิใช่หรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนตอบ “ถูกต้อง! ธัญพืชงูเมฆามีพิษจริงๆ ทว่าพิษของมันอยู่ที่เปลือกด้านนอก เมล็ดข้าวด้านในกลับไม่มีพิษ ไม่เพียงแต่ไม่มีพิษ ซ้ำยังเป็ยาถอนพิษด้วย!”
“ยาถอนพิษหรือ” หานหลินเยว่ตกตะลึงอย่างที่สุด
เฟิ่งเฉี่ยนพูดอย่างมั่นใจ”ถูกต้อง มันคือยาถอนพิษ!”
ท่านหมอที่ฟังอยู่ด้านข้างเข้าใจทันที “ข้าเข้าใจแล้ว! ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ย่อมมีคู่ปรับของมัน สถานที่ที่มียาพิษ ย่อมต้องมียาถอนพิษด้วย! เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าธัญพืชงูเมฆานี้จะมีลักษณะพิเศษเช่นนี้ เปลือกเป็ยาพิษ เมล็ดข้าวที่อยู่ด้านในเป็ยาถอนพิษ! มหัศจรรย์ มหัศจรรย์จริงๆ!”
กระทั่งท่านหมอยังกล่าวเช่นนี้ หานหลินเยว่จึงไร้ซึ่งข้อกังขาใดๆ อีก นางรีบสั่งให้ข้ารับใช้ไปทำเื่นี้
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ลืมกำชับว่า “ให้พวกเขาทำงานอย่างระมัดระวัง เปลือกและเมล็ดจะผสมกันไม่ได้เด็ดขาด!”
หานหลินเยว่กระจ่างแจ้ง “เข้าใจแล้ว ข้าจะไปดูพวกเขาทำงานด้วยตนเอง!”
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ได้เมล็ดข้าวที่สีจากธัญพืชงูเมฆาหนึ่งโต่ว[1] แต่ละเมล็ดอุดมสมบูรณ์อวบอิ่ม ใสราวกับโปร่งแสงได้ ที่หาได้ยากยิ่งกว่าก็คือแต่ละเมล็ดเปี่ยมไปด้วยพลังเทพ ้าของมันมีแสงเขียวน้ำเงินอ่อนๆ ลอยอยู่ นี่ถึงกับเป็วัตถุดิบขั้นห้า!
นับเป็วัตถุดิบเทพขั้นสูงที่สุดเท่าที่เฟิ่งเฉี่ยนเคยเห็นมาทีเดียว!
หากนำมันมาทำข้าวผัดไข่ จะต้องได้ข้าวผัดไข่รสชาติเอร็ดอร่อยแน่นอน!
นางอดที่จะน้ำลายสอไม่ได้
หานไทฟู่จ้องเมล็ดข้าวในมือของนาง เขายังคงมีท่าทีระแวงสงสัย “เ้าแน่ใจว่าเมล็ดข้าวนี้ไม่มีพิษใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนยักไหล่ “อย่างไรคุณชายน้อยก็ต้องพิษอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่เพิ่มพิษเข้าไปในร่างกาย ผลลัพธ์คงไม่เลวร้ายกว่าสักเท่าใดหรอกกระมัง”
หานไท่ฟู่ถลึงตาพ่นลมใส่หนวดเคราของตน “นางเด็กคนนี้ จะพูดจาดีๆ ไม่ได้หรือไร จะต้องทำให้ข้ามีน้ำโหเ้าจึงจะเบิกบานใจใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนเบะปาก “ช่วยไม่ได้นี่นา เห็นท่านแล้วข้าก็คิดถึงแมวเทพปลอมตัวนั้น ข้านึกถึงคำพูดดีๆ ไม่ออกจริงๆ!”
หานไท่ฟู่หน้าแดงก่ำ เขาคิดจะพูดทว่ากลับพูดไม่ออก
หานหลินเยว่มองคนทั้งสองแล้วอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า “เหตุใดข้าดูแล้ว พวกท่านสองคนเหมือนสองปู่หลานมากกว่าเล่า ข้าเองกลับดูเหมือนคนนอก!”
[1] โต่ว คือ เครื่องตวงข้าวของจีน