คุณปู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง “สาวน้อย เธอชอบหินพวกนั้นจริงๆ เหรอ ราคาไม่ใช่ถูกๆ เลยนะ”
“คุณตาฉันชอบน่ะค่ะ แต่ฉันต้องกลับไปถามคุณตาก่อน แต่ฉันขอถามถึงที่มาที่ไปของหินพวกนี้ได้ไหมคะ” ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายรู้หรือไม่ว่า หินพวกนั้นคือหยกดิบ เซี่ยโม่เองก็ไม่กล้าถามเลยได้แต่ตอบออกไปแบบนั้น
คุณปู่นึกว่าที่เด็กสาวตรงหน้าพูดมาคือเื่จริงจึงเล่าพื้นเพให้ฟัง
“หินพวกนี้เป็ของพ่อเพื่อนฉันที่ซ่อนเอาไว้ในห้องใต้ดิน ปีที่แล้วพ่อของเขาเสียไป ฉันเห็นเขากับแม่น่าสงสารก็เลยเอาพวกอาหารกับของใช้ในชีวิตประจำวันไปให้ หมอนั่นเลยให้หินที่เธอซื้อไปเมื่อคราวที่แล้วกับฉันเป็การตอบแทน ตอนนี้แม่ของหมอนั่นป่วย เขา้าใช้เงิน เลยอยากขายหินก้อนละสิบหยวน”
ที่แท้ก็แบบนี้เอง
เธอทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “คุณปู่คะ งั้นวันนี้เดี๋ยวขอกลับไปปรึกษากับคุณตาก่อนนะคะ ถ้าคุณตาอยากซื้อ พรุ่งนี้ตอนเที่ยงฉันค่อยมาที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าจะทันไหม เพราะตอนบ่ายฉันต้องกลับไปเรียนอีก”
คุณปู่รีบเอ่ยออกมาทันที “ทันแน่นอน พอพรุ่งนี้เธอมาเดี๋ยวฉันไปเป็เพื่อนเอง บ้านของหมอนั่นอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก และถ้าเลือกได้แล้วฉันค่อยช่วยเธอขนกลับมาที่นี่ วันไหนเธอมีเวลาค่อยมาเอาไปก็ได้”
เธอพอดูออกว่าคุณปู่อยากจะช่วยเหลือเพื่อนคนนี้ พอได้ยินว่าเธออยากซื้อก้อนหินก็รีบเสนอตัวช่วยทันที
“ค่ะ งั้นตกลงตามนี้”
เซี่ยโม่คุยกับคุณปู่อีกไม่กี่ประโยคก็บอกลา เพราะยังมีเื่สำคัญที่ต้องไปทำอีก จากนั้นจึงขี่จักรยานออกไปนอกตำบล เธอจำได้ว่านอกตำบลมีป่าเขียวชอุ่มผืนไม่ใหญ่มากอยู่แห่งหนึ่ง เธอสามารถไปที่นั่นแล้วเข้าไปในโกดังสินค้าได้
เด็กสาวขี่จักรยานไปที่ป่าผืนนั้น พอเห็นว่ารอบบริเวณไม่มีคนอยู่ เธอก็จูงจักรยานเข้าไปในโกดังสินค้า
หลายคืนที่ผ่านมาเธอลังเลมาตลอดว่าจะถอดความคิดเข้าไปในโกดังสินค้าเพื่อตัดหินดีหรือไม่
ใจหนึ่งก็กลัวว่าหากทำแบบนั้น ร่างกายจะอ่อนเพลียจนส่งผลกระทบต่อการเรียนและคะแนนสอบกลางภาคได้
เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เธอกลัวว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาแล้วจะจัดการไม่ได้
ถ้าเธอเอาตัวเองเข้าไปในโกดังสินค้าก็กลัวน้องชายจะตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก หากเฉินเฟิงเห็นเธอหายไปคงต้องรู้สึกกลัวและอาจไปปลุกคนอื่น ซึ่งถ้าคนทั้งบ้านไม่เห็นเธอจะต้องออกตามหาตัวเธอกันให้วุ่นเป็แน่
แต่วันนี้เซี่ยโม่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าการคาดเดาของเธอนั้นถูกต้องหรือไม่ ถึงจะตัดสินใจได้ว่าควรหรือไม่ควรที่จะซื้อหินในวันพรุ่งนี้ ซึ่งโชคดีที่มีเวลาเพียงพอให้เธอเข้าไปตัดหินในโกดังสินค้าด้วยตัวเอง
เธอเสียบปลั๊กเครื่องตัดหิน
ก่อนจะเหลาดินสอสีแดงสำหรับตรวจข้อสอบ จากนั้นหยิบก้อนหินทั้งห้าก้อนออกมา
ในบรรดาหินทั้งห้าก้อนมีอยู่หนึ่งก้อนที่เธอััไม่ได้ถึงความเย็น เธอลองหยิบมันขึ้นมา พบว่าพอลองจับมันคราวนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม เธอตัดสินใจว่าจะลองตัดหินก้อนนี้ก่อน
ส่วนก้อนที่เหลือจับแล้วรู้สึกเย็นตรงไหน เธอก็ถอยห่างออกมาเล็กน้อยแล้วใช้ดินสอสีแดงขีดเส้นทำสัญลักษณ์ไว้
เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอราดน้ำลงไปบนใบมีดและหินที่้าตัดเพื่อให้อุณหภูมิของมันเย็นลง
หลังจากเตรียมใจได้แล้ว เซี่ยโม่พลันใช้มีดผ่ากลางก้อนหิน
เสียงเสียดสีที่ฟังแล้วเสียวฟันดังขึ้น ก่อนที่หยกดิบก้อนนี้จะถูกตัดออกเป็สองซีก
เธอใช้น้ำราดซ้ำอีกรอบ ข้างในมีแต่สีเทาไม่ปรากฏสีเขียวของหยก
ผลเป็อย่างที่คาดเดาไว้ เธอรู้สึกดีใจเหลือเกิน
แต่บางทีอาจเป็แค่เื่บังเอิญก็ได้ เธอเลยลงมือตัดหินก้อนต่อไปเพื่อพิสูจน์
เซี่ยโม่เลือกหินที่จับแล้วให้ความรู้สึกเย็นเล็กน้อยออกมา ถ้าการคาดเดาของเธอถูกต้อง หยกดิบก้อนนี้คุณภาพคงไม่ค่อยดีนัก
เธอใช้มีดตัดตามเส้นสีแดงที่ขีดเอาไว้จนมันถูกแบ่งออกเป็สองท่อน
สภาวะอารมณ์ยามนี้ทั้งตึงเครียดและลุ้นระทึก ไม่รู้ว่าถ้าจับแยกออกจากกันแล้วด้านในจะเป็อย่างไร
เซี่ยโม่ยิ้มกับตัวเอง นี่เธอเป็อะไรไป หยกดิบที่ใช้ลูกอมนมแลกมาพวกนี้ต่อให้คาดเดามูลค่าผิดก็ไม่เห็นเป็อะไร อย่างมากก็แค่ไม่ซื้อหินพวกนี้อีก
เธอมีโกดังสินค้าติดตัว อยากได้อะไรล้วนมีทั้งนั้น ยังจะต้องไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับหินพวกนี้ คิดได้ดังนั้นก็เริ่มมีความกล้าขึ้นมา
เธอสาดน้ำลงบนหินเพื่อลดอุณหภูมิ ก่อนจะจับแยกออกจากกัน
หยกข้างในเป็สีเขียวขุ่น
ชาติที่แล้วเธอพอจะมีความรู้เื่หยกอยู่บ้าง เซี่ยโม่จำได้ว่าหยกที่ดีที่สุดคือหยกจักรพรรดิ ส่วนความโปร่งใสของหยกแบ่งเป็ระดับได้ดังนี้ หยกเนื้อแก้ว หยกเนื้อแข็ง หยกเนื้อข้าวเหนียว หยกเนื้อดอกไม้เขียว หยกเนื้อดอกพุดตาน และหยกเนื้อถั่วเขียว
ที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะเป็หยกเนื้อข้าวเหนียว
เซี่ยโม่ค่อยๆ ใช้มีดตัดตรงส่วนที่เป็หินสีเทาออก จนได้หยกขนาดเท่ากำปั้นที่คุณภาพไม่นับว่าดีมากมา เธอรู้สึกดีใจเหลือเกินที่การคาดเดานั้นถูกต้อง
จากนั้นจึงจัดการตัดหยกดิบอีกก้อน ซึ่งเป็หินที่เธอััแล้วให้ความรู้สึกเย็นเด่นชัด
ขณะที่ใบมีดกำลังผ่าเนื้อหิน เธอพบว่าส่วนที่ร่วงตกลงมามีเศษสีเขียวเล็กๆ ปนอยู่ด้วย
การคาดเดาของเธอถูกต้องอีกแล้วใช่หรือไม่
เซี่ยโม่รู้สึกดีใจเป็อย่างยิ่ง
ชาติที่แล้วเคยได้ยินว่า การตัดหินจะนำความตื่นเต้นมาให้ ที่แท้ก็หมายถึงแบบนี้นี่เอง
เครื่องตัดหินหยุดการทำงานชั่วครู่ เธอสาดน้ำลงไปบนใบมีดเพื่อลดอุณหภูมิ
ั์ตาใสกระจ่างมองหยกดิบที่ถูกตัดออกเป็สองซีก ภายในนั้นเป็สีเขียว ช่างน่ายินดีเหลือเกิน
หยกในยุคนี้ราคาไม่สูงมาก แต่อนาคตราคาของหยกจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนทุกคนต้องใเลยทีเดียว
หยกเป็แร่ที่ขุดเจอจากไหนไม่ได้อีกแล้ว เป็อัญมณีที่นับวันจะยิ่งหายาก
ทุกคนทราบดีว่าหยกยิ่งมีสีอ่อนราคาจะยิ่งถูก ผิดกับหยกสีเขียวเข้มเช่นนี้ซึ่งเป็ที่ชื่นชอบของผู้คน จึงไม่ต้องพูดถึงราคาของมันเลย
เธอตัดตรงส่วนที่เป็หินสีเทาออกจนเหลือแต่ส่วนที่เป็สีเขียว
ขนาดของมันไม่ใหญ่นัก เทียบเท่าอิฐก้อนหนึ่งเห็นจะได้ แต่หยกชิ้นนี้มีเนื้อละเอียดและสีใสกว่าก้อนที่ทดลองตัดไปก่อนหน้า ดูแล้วคงจัดอยู่ในประเภทหยกเนื้อแข็ง
เมื่อได้ััแล้วรู้สึกถึงความเป็หยกชัดเจนกว่าตอนที่ััผ่านเนื้อหิน
ตอนอยู่ที่ร้าน ในบรรดาหินสามก้อนที่เธอััได้ชัดถึงความเย็น หากเทียบกันแล้วก้อนนี้มีความเย็นน้อยสุด นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะนำพาเื่น่ายินดีขนาดนี้มาให้ เธอจึงตั้งตารอเป็อย่างมากว่า หินที่เหลืออีกสองก้อนจะมาพร้อมเื่น่ายินดีขนาดไหน
เธอเข้ามาในโกดังสินค้าก็นานแล้ว เมื่อมองดูนาฬิกา เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ได้เวลาเลิกเรียนตามปกติพอดี
เซี่ยโม่ตัดหยกดิบไปแล้วสามก้อน แม้้าตัดหินก้อนที่เหลือต่อ แต่สำหรับเธอนั้นความปลอดภัยของน้องชายย่อมมาก่อนเสมอ
เธอถอดความคิดออกไปดูข้างนอกโกดังสินค้า พอเห็นว่าไม่มีคนก็เดินจูงจักรยานออกมา ภายในป่ายังคงเงียบสงบเช่นเดิม จากนั้นปั่นจักรยานตรงไปยังโรงเรียนประถม
พอไปถึงพบว่าหลังประตูโรงเรียนมีพวกเด็กๆ กำลังล้อมวงดูอะไรบางอย่างอยู่
กวาดสายตาสำรวจแล้วเธอไม่เห็นน้องชาย สือโถว และโฉ่วหวาเลย ทันใดนั้นเองมีเสียงร้องไห้ดังออกมาจากกลางวง ฟังดูน่าสงสารเหลือเกิน
สีหน้าเซี่ยโม่เคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด หรือว่าจะเป็เสียงร้องไห้ของน้องชายเธอ?
วินาทีนั้นเธอไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็เื่ตัดหินหรือเื่สร้างฐานะ ล้วนถูกโยนทิ้งไว้ข้างหลัง จิตใจจดจ่ออยู่แค่เื่ของน้องชาย
เซี่ยโม่รีบเดินเข้าไปกลางวงด้วยความกระวนกระวาย “ขอทางหน่อย ฉันเป็พี่สาวเขา…”
พอแทรกตัวมาถึงกลางวงก็ได้เจอกับพวกน้องชายของเธอ ทั้งสามคนอยู่กลางวงจริง เพียงแต่กำลังปลอบนักเรียนคนหนึ่งอยู่
พอเห็นว่าน้องชายไม่ได้เป็อะไร เธอพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก “เฉินเฟิง เกิดอะไรขึ้น”
ครั้นเห็นพี่สาว เซี่ยเฉินเฟิงก็วิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ มือเล็กป้อมยื่นไปจับมือของผู้เป็พี่สาวเอาไว้แน่น “พี่ครับ เพื่อนคนนั้นทำข้อสอบได้ไม่ดีก็เลยร้องไห้ พวกเรากำลังปลอบเขาอยู่”
จะเป็ลม เื่แค่นี้ถึงกับต้องร้องไห้จนนักเรียนคนอื่นพากันมามุงดู นักเรียนคนนี้นี่ไม่ไหวเลย
