ขณะที่เสียงยิงปืนจากสนามยิงปืนดังต่อเนื่องไม่หยุด ที่ห้องชั้นใต้ดินใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยฝูเจี้ยน ชายวัยกลางคนสีหน้าเ็าคนหนึ่งและชายอ้วนหนึ่งคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาล้อมรอบด้วยคนยืนก้มหัวเล็กน้อยราวกับทำความเคารพอยู่อีกยี่สิบสามสิบคนที่ด้านข้างของชายอ้วนมีชายตัวเตี้ยหน้าตาอัปลักษณ์ยืนอยู่ชายอ้วนหันไปคุยกับชายตัวเตี้ยเป็ภาษาญี่ปุ่น ส่วนชายตัวเตี้ยที่เป็ล่ามเมื่อฟังจบก็แปลให้ชายวัยกลางคนสีหน้าเ็าฟัง “คุณเถี่ยโส่ว คุณจายเถิงบอกว่า ถ้าหากครั้งนี้แก๊งของคุณช่วยเขาล่ะก็เขาจะต้องตอบแทนแน่นอน”
ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าเ็าแท้จริงแล้วก็คือหัวหน้าแก๊งที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ใกล้ๆกับมหาลัยฝูเจี้ยน ชื่อว่าเถี่ยโส่วแก๊งที่ว่านี่ไม่ใช่แก๊งแบบในหนังที่มือถือปืนและมีดไล่ฟันคนเขาไปทั่วหรือที่เป็แบบค้ายาอะไรแบบนั้นแต่เป็เหมือนกับองค์กรท้องถิ่นที่ร่วมมือกับคนนอกแล้วตั้งเป็แก๊งขึ้นพวกเขามีหน้าที่ควบคุมร้านคาราโอเกะ ผับบาร์และสถานบันเทิงทั้งหลายที่อยู่ใกล้ๆกับมหาลัยฝูเจี้ยนโดยพวกเขาอาศัยค่าคุ้มครองเลี้ยงชีพ
เนื่องจากมหาลัยฝูเจี้ยนมีขนาดใหญ่ ดังนั้นแก๊งที่อยู่ใกล้ๆจึงแบ่งเป็สามแก๊งด้วยกัน ทิศตะวันออกคือแก๊งเฉาโจว ทิศเหนือคือแก๊งไป๋อิงส่วนทิศตะวันตกและทิศใต้ก็คือแก๊งของเถี่ยโส่วนั่นเองแก๊งเหล่านี้ต่างก็อยู่ในเขตของตัวเอง น้อยมากที่จะปะทะกันถึงจะปะทะกันก็ไม่ใช่แบบกลุ่มใหญ่ๆ มากสุดก็คือสิบกว่าคนเท่านั้น
แก๊งเถี่ยโส่วตั้งมาจากสมญานามของเถี่ยโส่วนั่นเอง กล่าวกันว่าปีนั้นเถี่ยโส่วไปทางเหนือเพื่อปลีกวิเวกและได้เรียนกังฟูมานิดหน่อยจนทำให้มือทั้งสองข้างของเขาแข็งราวกับเหล็กก็ไม่ปานตอนหลังกลับมาที่เมืองฝูเจี้ยนเขาใช้สองมือของตัวเองล้มแก๊งที่อยู่ทิศตะวันตกและทิศใต้ของมหาลัยได้และกลายเป็แก๊งที่คุมพื้นที่มากสุดในสามแก๊ง
“คุณเถี่ยโส่ว คุณจายเถิงบอกว่าจะให้เวลาคุณเก็บไปคิดหนึ่งวันถ้าคุณไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ คุณจายเถิงก็จะมอบเื่นี้ให้แก๊งเฉาโจวจัดการแทน” ชายตัวเตี้ยที่เป็ล่ามพูดแปล
“ได้ แต่ปืนแปดกระบอกนั่นต้องจัดการให้สะอาดล่ะ” เถี่ยโส่วตัดสินใจ
“แน่นอน คุณจายเถิงจัดการให้สะอาดแน่นอน” ชายตัวเตี้ยแปลคำพูดเมื่อสักครู่ให้ชายอ้วนฟังชายอ้วนได้ฟังก็พยักหน้าตกลง ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเรียบเฉยพูดกับล่ามไม่กี่ประโยคจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
“ถ้าเื่นี้จัดการได้เรียบร้อยดีล่ะก็ คุณจายเถิงจะเพิ่มของตอบแทนให้อีกนิดหน่อย” ล่ามบอกกับชายวัยกลางคนสีหน้าเ็าพร้อมทั้งก้มหัวบอกลาก่อนจะเดินตามชายอ้วนออกไป
เหลือไว้แต่เถี่ยโส่วที่นั่งคิดอยู่บนโซฟาคนเดียว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เป็เวลาพลบค่ำ หนิวเิเรียกรวมพลคนในทีมของตัวเองเสร็จก็พามาที่สนามแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงกลางสนามยิงปืนซึ่งตอนนี้มีหลายทีมมายืนรวมกันอยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ทุกทีมจัดแถวเรียบร้อยชายวัยกลางคนยศพันโทคนหนึ่งก็เดินขึ้นไปบนเวทีที่อยู่ข้างๆ เขาหยิบไมค์แล้วพูดขึ้น “นักศึกษาทุกคนวันนี้พวกเธอฝึกยิงออกมาได้ดีมาก ทุกๆ ห้องล้วนแล้วแต่มียอดฝีมือด้วยกันทั้งนั้นดังนั้นทางค่ายจึงได้จัดการแข่งขันยิงปืนขึ้น โดยทุกๆห้องจะต้องส่งตัวแทนออกมาหนึ่งคนคนที่ได้ที่หนึ่งจะได้รับประกาศนียบัตรและปืนไรเฟิล 81 จำลองจากค่าย เอาล่ะตอนนี้ให้ครูฝึกของแต่ละทีมเลือกตัวแทนออกมายืนที่ด้านล่างเวทีแห่งนี้”
สำหรับห้องของจ้าวเถี่ยจู้ หนิวเิเลือกจ้าวเถี่ยจู้เป็ตัวแทนชายหนุ่มมองหน้าของเขาแวบหนึ่งแล้วเดินออกไปยืนที่ด้านล่างเวทีกับเขา
ท่ามกลางตัวแทนของทุกห้องที่ออกมายืนรวมกันที่ด้านล่างเวทีมีหนึ่งในนั้นที่เป็ชาวต่างชาติอยู่ด้วยแต่เมื่อนึกได้ว่ามหาลัยฝูเจี้ยนเป็มหาลัยที่ให้ต่างชาติเข้ามาเรียนได้จ้าวเถี่ยจู้ก็เลิกรู้สึกแปลกใจทันที
“มากับผม” ชายวัยกลางคนยศพันโทลงมาด้านล่างเวทีแล้วบอกกับตัวแทนห้องทุกคน
“ยิงคนละ 5 นัดใครที่ได้คะแนนมากสุดจะเป็ผู้ชนะ” ชายวัยกลางคนยศพันโทพาตัวแทนเดินมาที่สนามยิงปืนหมายเลข 1
ครูฝึกทุกคนต่างก็พาลูกทีมที่เหลือของตนมายืนล้อมอยู่ด้านนอกสนามทุกคนต่างก็มองไปที่ตัวแทนของห้องตัวเองและหวังว่าจะนำเกียรติยศในครั้งนี้กลับมาให้ห้องตัวเองได้
“เถี่ยจู้ๆ ไม่เคยยอมแพ้ เถี่ยจู้ๆ ใครก็ต้านไม่ได้” ฟั่นเจี้ยนและคนอื่นอีกไม่กี่คนในสาขาะโขึ้นมา
จ้าวเถี่ยจู้มองไปที่เพื่อนร่วมสาขาของตนอย่างดีใจ แต่ฟั่นเจี้ยนยังพูดไม่จบจึงพูดต่อขึ้นมาอีก “เถี่ยจู้ๆ ยิงไม่ลังเล เถี่ยจู้ๆ วันนี้ต้องทำลาย ” คนที่อยู่รอบๆ ฟังจบก็หัวเราะออกมาทันที ส่วนเขาได้แต่ชี้ไปทางกลุ่มคนที่ส่งเสียงเมื่อสักครู่ด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างขุ่นเคือง
หนิวเิและครูฝึกคนอื่นๆ ที่ได้ยินฟังยังเผลอยิ้มออกมาสาขาต่างประเทศนี่มีคนตลกๆ เยอะจริงๆ
ไม่นานการแข่งขันก็เริ่มขึ้น นักศึกษาคนอื่นๆ ต่างก็นั่งลงที่พื้นมองไปที่เป้าที่อยู่ห่างออกไป
จ้าวเถี่ยจู้รวบรวมสมาธิพร้อมทั้งตั้งสติให้ไปอยู่เป้ายิงร่างกายของเขาเปลี่ยนมานิ่งสงบ ตาก็มองไปที่จุดๆ เดียว
ตัวแทนคนอื่นๆ ต่างก็ยิงครบ 5 นัดกันหมดแล้วเหลือจ้าวเถี่ยจู้เพียงแค่คนเดียวที่ยังไม่ได้ยิง ชายคนที่ชื่อหลิวซิงคนนั้นยิงครบทั้งห้านัดได้ไปทั้งหมด 49 คะแนน เป็คนที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งอยู่ในตอนนี้คนที่อยู่ห้องเดียวกับชายคนนั้นต่างก็ดีใจกันถ้วนหน้าชายที่ชื่อหลิวซิงมองมาที่จ้าวเถี่ยจู้พร้อมทั้งคิดว่ารังสีที่ออกมาจากตัวของชายหนุ่มนั้นเหมือนกับรังสีที่ออกมาจากอาจารย์ของตนไม่มีผิดอาจารย์ของตนก่อนที่จะยิงปืนทุกครั้งก็จะเป็แบบจ้าวเถี่ยจู้นี้แหละราวกับเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเอง แต่เขาไม่เชื่อหรอกเขาคิดว่าชายหนุ่มแค่เครียดจนตัวแข็งเท่านั้น
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง เสียงยิงทีเดียวห้านัดซ้อนดังขึ้น ปากกระบอกปืนไรเฟิล 81 ถึงกับมีควันออกมา จ้าวเถี่ยจู้ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตาไม่มองไปที่จอคะแนนเลยแม้แต่นิดขณะเดินกลับไปรวมทีมกับคนอื่นในสาขาภาษาต่างประเทศ
ชายที่ชื่อหลิวซิงมองไปที่จอคะแนนอย่างใ 50 คะแนน
แถมยังเป็ 50 คะแนนที่เกิดจากการยิงติดต่อกันอีกด้วยเป็ที่รู้กันว่าเวลายิงปืนมักจะมีปฏิกิริยาช็อกตามมาด้วยต้องรอให้ปฏิกิริยาช็อกนี้หายไปก่อนถึงจะยิงต่อได้ไม่งั้นเป้าที่เล็งไว้จะเบี่ยงเบนได้ง่ายๆแต่นี่ยิงห้าครั้งติดต่อกันโดยตรงเข้าเป้าสิบคะแนนทุกครั้ง เขาเคยเห็นแบบนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือตอนที่อาจารย์ยิงเป็ตัวอย่างเพื่อสอนเขาตัวเขาเคยลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้เลยสักครั้ง ดีสุดคือเข้าเป้าสี่ครั้งติด 40 คะแนนเท่านั้น เป็ไปได้ไงกันที่นักศึกษาคนหนึ่งจะยิงได้แบบนี้อาจารย์ของเขาเป็ถึงยอดฝีมือด้านการยิงปืนอันดับต้นๆ ของประเทศนี้เชียวนะ
“์ เป็ไปได้ไง? หรือว่าตอนนั้นมีเทวดามาเข้าสิงจ้าวเถี่ยจู้? มีฝีมือ มีฝีมือจริง ผมจะให้คุณเป็อาจารย์สอนผม” ชายผิวขาวคนหนึ่งพูดพร้อมทั้งเตรียมจะพุ่งเข้าใส่แต่ถูกเพื่อนในห้องดึงไว้เสียก่อน “ไว้ค่อยทำตัวขายหน้าตอนคนไม่อยู่ได้ไหมตอนนี้ทำตัวดีๆ ก่อน”
นักศึกษาห้องอื่นๆ ที่นั่งอยู่รอบๆสนามต่างก็นั่งอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงกับคะแนนของจ้าวเถี่ยจู้ก่อนจะมีคนถามขึ้นมา “คนๆ นี้เป็ใครกัน”
“นายไม่รู้จักเหรอ จ้าวเถี่ยจู้ที่อยู่สาขาภาษาต่างประเทศไงที่เมื่อกี้คนในห้องะโขึ้นมาว่าวันนี้ต้องทำลายนั่นไง” มีคนๆ หนึ่งตอบกลับมา
“ยิงปืนได้ดีจริงๆ” คนๆหนึ่งพูดขึ้นมาเพียงแต่น้ำเสียงฟังแล้วออกจะแปลกๆ ไปสักหน่อย
จ้าวเถี่ยจู้ถึงกับเซไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟังประโยคเมื่อสักครู่เขาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่กลับโดน วันนี้ต้องทำลาย ประโยคนี้ของฟั่นเจี้ยนทำให้ชื่อเสียงป่นปี้หมด แล้วอีกอย่างเขาก็ยิง ‘เป้า’ ไม่ได้ยิง ‘ปืน’ เสียหน่อย
“นักศึกษา เธอเคยยิงปืนมาก่อนไหม” ชายวัยกลางคนยศพันโทถามเขา
“เคยยิงที่ต่างประเทศมาบ้างครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ
“แล้วมีความคิดอยากจะเข้ากองทัพไหมผมสามารถให้คุณเข้าร่วมกับกองกำลังพิเศษได้นะ” ทหารยศพันโทพูดเชิญชวน
“ไม่ล่ะครับ ผมยังต้องเรียนหนังสืออีก”
“งั้นถ้าอีกหน่อยเธออยากเข้าร่วมกองทัพ มาหาผมได้เลยนะ” ทหารยศพันโทพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแสนเสียดายแล้วจึงเดินจากไป
“เถี่ยจู้ นายเก่งจริงๆ ทำได้ยังไงเนี่ย สอนพวกเราหน่อยสิ” ฟั่นเจี้ยนจับแขนเขาไว้อย่างตื่นเต้น
“เป็พร์น่ะ” เขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ
“ชิ...” คนที่อยู่รอบๆ กลอกตาใส่เขาหลีหลิงเอ่อร์เห็นเขาที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนในสาขาก็ยิ้มให้อย่างสดใส