ภายใต้แรงกดดันของประชาชน หน่วยงานที่เป็แรงขับเคลื่อนของประเทศแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่น่าเหลือเชื่อ เพียงหนึ่งสัปดาห์ศาลก็พิพากษาคดี
ในฐานะผู้นำจัดทำคดี ด้วยความเกลียดชังและความเห็นของประชาชน หลิงเมิ่งถูกตัดสินจำคุกสามปี แต่ว่าเธอเพิ่งจะอายุสิบหกปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงถูกส่งเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วค่อยส่งเข้าเรือนจำ
เวลาสามปีเต็มถือเป็บทลงโทษสูงสุดสำหรับความผิดของเธอ บทลงโทษนั้นยาวนานกว่าต้าหู่ที่ลงมือทำร้ายคนถึงครึ่งปี
เมื่อได้ยินคำตัดสินของศาล หลิงเมิ่งตะลึงงัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าใจ มันเป็เพียงความคิดชั่ววูบที่เธออยากสั่งสอนซูอินให้หลาบจำไม่มีวันลืม ที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่ได้เป็อะไรเลยสักนิด แต่เธอกลับต้องได้รับโทษหนักเช่นนี้
คุณแม่บอกไม่ใช่หรือว่าจะหาทางช่วยเธอออกไป
น้ำตาของเธอไหลพรากอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัดเจน เธอหันไปมองผู้ที่มาร่วมฟังก่อนจะหยุด ณ ที่นั่งซึ่งอยู่ตรงกลาง แม้ว่าคนคนนั้นจะพยายามปกปิดตัวตน แต่หลิงเมิ่งก็จำได้
“คุณแม่คะ ช่วยหนูด้วย!”
คดีที่มีการพิพาทอย่างดุเดือดนี้ การพิจารณาคดีที่เปิดให้ผู้คนเข้าร่วมชมเรียกความสนใจจากผู้คนได้มาก ห้องพิจารณาคดีมีขั้นบันไดเหมือนกับในห้องเรียน ห้องที่เคยโล่งจนชินตากลับมีคนมากมายนั่งเต็มทุกที่นั่ง
หลิงจื้อเฉิงเป็นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง เคยปรากฏหน้าในหนังสือพิมพ์และออกโทรทัศน์ จึงมีคนรู้จักไม่น้อย แต่อู๋อู๋มีน้อยคนนักที่จะรู้จัก
การะโของหลิงเมิ่งทำให้ตัวตนของเธอถูกเปิดเผย
เพียงครู่เดียว สายตาจากทุกสารทิศก็จ้องไปที่อู๋อู๋อย่างรวดเร็ว
“เธอนี่เอง”
“ในโทรทัศน์เคยรายงานข่าว เธอไม่เพียงไม่ขอโทษ ยังบุกเข้าไปทำร้ายคนอื่นในโรงพยาบาลด้วย”
“บ้านพวกเขามีเงิน ก่อนหน้านี้ก็หาคนช่วยเพื่อทำให้เื่นี้เงียบไม่ใช่หรือ หากทำให้เื่นี้เงียบได้ แล้วเธอไปทำร้ายคนอื่นอีก จะทำยังไง”
เสียงซุบซิบนินทาดังมาให้ได้ยิน ถึงแม้จะพยายามพูดเบาๆ แต่ก็เข้าหูอู๋อู๋ให้ได้ยินอย่างชัดเจน หลายปีมานี้ธุรกิจของหลิงจื้อเฉิงขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ตำแหน่งของอู๋อู๋ก็เหมือนน้ำขึ้นเรือย่อมสูงตาม ออกไปข้างนอกเมื่อไร ผู้คนก็ให้การต้อนรับเป็อย่างดี
เมื่อเปลี่ยนเป็การต้อนรับเช่นนี้ทำให้อู๋อู๋ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เธอดึงผ้าพันคอที่ปิดหน้าลง สายตารอบข้างจ้องมาที่เธอ จนเธอต้องรีบหาที่หลบ
หญิงสาวอายุน้อยคนหนึ่งเอ่ยซ้ำเติมอีกว่า “นี่…นั่นลูกสาวของคุณจริงหรือ ว้าว หน้าตาเหมือนกันมาก ต้องเป็แม่ลูกกันแน่นอน เห็นลูกสาวถูกลงโทษตั้งหลายปียังทนได้อีกหรือ”
“แต่พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง เด็กที่สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งเกือบตายเชียวนะ พวกคุณยังจะตามไปทำร้ายเธอถึงในโรงพยาบาล ไม่เกินไปหน่อยหรือ”
อู๋อู๋ขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรสักหน่อย แต่มีเสียงเรียกะโอีกครั้ง
“คุณแม่!”
เมื่อหันไปมองต้นเสียงก็เห็นบุตรสาวโดนใส่กุญแจมือและกำลังถูกเ้าหน้าที่ตำรวจหญิงสองคนคุมตัวออกไป เธอเบือนหน้าหนี ใบหน้าที่เหมือนกับตนเองมีน้ำตาไหลริน แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ภาพเหตุการณ์ที่เสียดแทงหัวใจ เธอไม่สามารถอดทนได้อีก เธอลุกขึ้นก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป
หน้าประตูศาลพิจารณาคดี ภายใต้วงล้อมของไมโครโฟนมากมายจากสื่อ หลิงเมิ่งถูกเ้าหน้าที่ตำรวจเปิดทางเพื่อพาไปที่รถตำรวจ
ด้านข้างมีรถ BMW จอดอยู่ กระจกของเบาะหลังถูกเลื่อนลงมา สองพี่น้องที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน 90 เปอร์เซ็นต์ชะโงกหน้าออกมา
“คุณตำรวจจับคนเลวไปเลยครับ!”
เด็กชายตัวน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา มือเล็กๆ กำหมัดแน่น
ซูอินนั่งอยู่ด้านหลังน้องชาย ศีรษะอยู่สูงกว่าเ้าตัวน้อยเล็กน้อย มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าตาไม่กะพริบ
ความโกรธแค้นที่เธอมีต่อหลิงเมิ่งมากกว่าที่เด็กชายตัวน้อยมีหลายเท่า การได้เห็นสิ่งเหล่านี้เองกับตา เธอคิดแค่ว่ามันน่าสนุก
บางทีอาจเป็เพราะเธอเพ่งมองมากจนเกินไป ทำให้หลิงเมิ่งที่กำลังถูกเ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวหันมามองกะทันหัน ดวงตาสองคู่สบกัน ความเกลียดชังเผยขึ้นในดวงตาของหลิงเมิ่งทันที
“ซู…”
คำที่สองยังไม่ทันหลุดจากปาก เธอก็ถูกเ้าหน้าที่ตำรวจจับยัดเข้าไปในรถ
“เมิ่งเมิ่ง!”
อู๋อู๋ที่รีบวิ่งตามออกมาเห็นประตูรถคุ้มกันปิดลง และเห็นซูอินที่อยู่ในรถอีกคัน
“นี่เธอ!”
ใบหน้าที่คล้ายกันเผยความเกลียดชังในแบบเดียวกัน อู๋อู๋กำลังจะโถมตัวเข้าไป แต่มีหรือสื่อที่รออยู่จะปล่อยเธอไป ผู้ปกครองคนนี้บุกเข้าไปในห้องผู้ป่วยเพื่อด่าทอและทำร้าย นี่คือประเด็นใหม่ที่ทุกคนกำลังพูดถึงในตอนนี้
ไมโครโฟนมากมายหันมาทางอู๋อู๋ “คุณผู้หญิงคะ ขอสอบถามหน่อยค่ะว่าหลังจากที่ผลการพิจารณาคดีออกมา คุณมีความคิดเห็นอะไรบ้างคะ”
“จะมีการขอโทษผู้เสียหายไหมคะ”
“จะมีการยื่นอุทธรณ์ไหมคะ”
สื่อมากมายรายล้อมอู๋อู๋เพื่อทำข่าว ในเวลานี้เธอเคลื่อนไหวไปไหนก็ลำบาก
ซูอินที่นั่งอยู่ในรถ BMW ของตระกูลอวี๋กอดเด็กชายตัวน้อย ก่อนจะมองภาพเหตุการณ์นี้อย่างมีความสุข
“ไปกันเถอะ”
“ไม่ดูต่อหรือ” สีหน้าของคุณหนูอวี๋เต็มไปด้วยความสงสัย
“หากดูต่อคงออกไปจากที่นี่ยากแล้วละ”
ซูอินคาดการณ์ไว้ไม่ผิด อู๋อู๋ที่กำลังถูกสื่อล้อมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและกำลังจะส่งมอบความลำบากนี้มาให้เธอ
“นั่นไง…ผู้เสียหายอยู่ที่นี่ด้วย พวกคุณไปสัมภาษณ์เธอสิ”
“ไหน”
“อยู่ตรง…นั้น...”
เมื่อมีโอกาสหลุดจากตรงนี้ อู๋อู๋ก็หมุนตัวก่อนจะชี้ออกไป สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้มีเพียงท้ายรถ BMW ที่กำลังขับออกไป
อู๋อู๋ : …
ในรถ BMW อวี๋ฉิงที่เห็นภาพนั้นอดหัวเราะไม่ได้
“เธอนี่เก่งจริงๆ เห็นสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นไหม หน้าอย่างกับโดนอิฐทุบหน้าผาก”
แน่นอนว่าซูอินย่อมไม่พลาดภาพเหตุการณ์นั้น ริมฝีปากของเธอยกยิ้มสูง
เด็กชายตัวน้อยที่เห็นพี่ๆ ทั้งสองคนมีความสุข ทำให้ตาที่โตราวกับผลองุ่นเป็ประกาย
หลังจากการพิจารณาคดีแบบเปิดสิ้นสุดลง สื่อก็ได้รายงานข่าว
กล่าวได้ว่าครั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานได้ดีมากจริงๆ ไม่มีเหตุการณ์กล้องวงจรปิดเสีย ไม่มีแพะรับบาป มีอะไรก็พูดออกไป ปฏิบัติด้วยความเป็กลางบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง
ชาวบ้านรอด้วยแววตาเป็ประกาย หลังจากที่ผลการพิจารณาออกมา ผู้ที่ตามข่าวนี้มาตลอดพากันส่งเสียงเชียร์
คนที่มีอำนาจมักอยู่เหนือผู้อื่นเสมอเป็เพียงส่วนน้อย แต่คนส่วนมากบนโลกล้วนเป็เพียงคนธรรมดา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า ตนเอง เพื่อน หรือคนในครอบครัวอาจพบเจอเื่แบบนี้เข้าสักวัน
อำนาจในการใช้กฎหมายอย่างเป็กลาง สำหรับทุกคนแล้ว มันเป็เพียงสิ่งที่ทำให้ตนเองสบายใจเท่านั้น
ตอนแรกที่พากันก่นด่าก็เปลี่ยนไป พากันชื่นชมว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเื่นี้ได้อย่างสวยงาม
และในเวลาเดียวกัน รายการการศึกษาเชิงอุดมการณ์สำหรับเยาวชนก็ได้ออกอากาศ ผู้เสียหายอย่างซูอินถูกสัมภาษณ์และปรากฏในรายการนี้เช่นกัน
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดจะให้อภัยเธอ เพราะฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้อภัยค่ะ”
“คนทำผิดก็ควรได้รับโทษ หากพูดอีกมุมหนึ่ง หากเธอไม่ได้รับโทษเพื่อเป็บทเรียน และทำเื่แบบนี้อีกในภายหลัง ก็ไม่รู้ว่าเหยื่อรายอื่นๆ จะโชคดีแบบฉันกับน้องชายหรือเปล่า หากมีคนถูกทำร้ายอีก คนที่ไม่ยอมติดตามเื่นี้ั้แ่แรกอย่างฉันจะต้องรับผิดชอบเื่นี้ด้วยไหมคะ หรือในทางกฎหมายไม่ต้อง แต่ฉันมั่นใจว่าหากเกิดเื่แบบนั้นขึ้น ฉันคงรู้สึกทรมานไปชั่วชีวิต”
“การให้อภัยเป็คุณธรรมอย่างหนึ่ง แต่การให้อภัยไม่ใช่การปล่อยให้กระทำผิดโดยไม่หยุดยั้งไว้”
“เื่สำคัญที่สุดของนักเรียนคืออะไรคะ คำถามนี้คงมีหลายคนเคยพูดแล้ว แน่นอนว่าคือการศึกษา หากเธอใส่ใจกับการเรียนก็คงไม่เกิดเื่มากมายเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอคงไม่โดนลงโทษรุนแรงเช่นนี้ เื่นี้…คงเป็หัวข้อหลักของวันนี้ใช่ไหมคะ”
ทางรายการได้เซนเซอร์ใบหน้าของเด็กสาว แต่ฟังจากน้ำเสียง รับรู้ได้ว่าเธอมีท่าทีผ่อนคลาย
คนที่คอยติดตามเื่ของเธอก็รู้สึกสบายใจ
เด็กสาวหน้าตาดีและเรียนเก่ง หากเป็คนทั่วไปต่างก็คงคาดหวังให้เธอมีชีวิตที่ดี
เื่การทะเลาะวิวาทของเหล่าอันธพาลโด่งดังมาก ผลกระทบที่ตามมายังคงอยู่ หลังจากที่รายการนี้ออกอากาศก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย โดยเฉพาะประโยคที่ซูอินกล่าว “การให้อภัยไม่ใช่การปล่อยให้กระทำผิดโดยไม่หยุดยั้งไว้” เป็ประโยคที่จุดประกายการอภิปรายและความคิดมากมาย
เื่วุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างนอกไม่ส่งผลกระทบเลยสักนิดต่อสองพี่น้องที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
เมื่อมั่นใจแล้วว่าหลิงเมิ่งถูกส่งเข้าสถานพินิจและโดนคุมตัวอย่างแ่า เมื่อไม่มีะเิเวลาลูกนี้ ซูอินก็สบายใจและอารมณ์ดีมาก
เมื่ออารมณ์ดี เธอก็มีกะจิตกะใจไปทำเื่อื่นๆ อีกหลายอย่าง
แต่เมื่อความสนใจของเื่นี้ลดลง คนที่มาเยี่ยมและเขียนจดหมายหาเธอก็น้อยลงมากเช่นกัน ซูอินไม่เสียใจเลยสักนิด อันที่จริงระหว่างเหตุการณ์นี้ เธอมีเพื่อนเพิ่มมากมาย หลายคนในนั้นมีนิสัยค่อนข้างดีจนเป็เพื่อนทางจดหมายที่มีการส่งถึงกันทุกสัปดาห์
การมีเพื่อนเพิ่มขึ้นทำให้ซูอินมีความสุขมาก
แต่คุณหนูอวี๋กลับมีอาการหวง มีเพื่อนในวัยเดียวกันเพียงไม่กี่คนที่จะทำให้คุณหนูอวี๋สนใจ โดยเฉพาะเด็กสาวนุ่มนิ่มอย่างซูอินยิ่งหายาก ยิ่งไปกว่านั้นเป็เพราะซูอินมีน้องชายที่น่ารัก
หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอินอิน ใน่ปีนี้ทำให้เธอได้เจอเพื่อนที่เข้าขากันมากที่สุด
เดิมทีก่อนหน้านี้ซูอินมีเพื่อนไม่เยอะ สวีเหวินเหวินก็เป็คนเรียบร้อย หากลองนับดูมีเพียงสวีเหวินเหวินที่เป็เพื่อน แต่ตอนนี้จู่ๆ เธอก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากมาย
ความรู้สึกอึดอัดใจเพียงเล็กน้อยนั้น อวี๋ฉิงไม่ได้เอ่ยออกไป เธอยังคงแสดงท่าทางคุณหนูผู้เย่อหยิ่ง แต่ก็ขยันมาที่โรงพยาบาลมากขึ้น
ซูอินยุ่งอยู่กับการทบทวนเนื้อหาทั้งหมดของชั้นมัธยมต้น เมื่อเป็เพื่อนสนิทกัน ซูอินจึงเรียกให้อวี๋ฉิงมานั่งเรียนด้วยกัน
“เรียนหรือ กว่าจะปิดเทอมได้ไม่ง่ายเลยนะ แต่เธอพูดเื่เรียนกับฉันเนี่ยนะ”
เธอมองหน้าคุณหนูอวี๋ที่แสดงออกว่า “เธอโง่หรือเปล่าเนี่ย” ซูอินก็ยกริมฝีปากก่อนจะอธิบายอย่างอารมณ์ดี
“ฉันเคยพูดในโทรทัศน์ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของนักเรียนคือการศึกษา ฉันจะทำให้ตัวเองเสียหน้าไม่ได้ อีกทั้ง…เธอก็รู้เื่คะแนนของฉัน การสอบขึ้นมัธยมปลายครั้งนี้เป็ความโชคดี แต่การได้เข้าเรียนด้วยคะแนนสูงแบบนี้ หากสอบประจำเดือนครั้งแรกหลังจากเปิดเรียน ฉันสอบได้คะแนนไม่ดี…ฉันก็เสียหน้าสิ”
เมื่อซูอินเอ่ยเช่นนี้ อวี๋ฉิงก็นึกขึ้นได้เช่นกัน
เธอเองก็ฉวยโอกาสเพื่อให้ได้คะแนนดีๆ เช่นกัน พึ่งพาอินอินโดย “เก็งข้อสอบ” จึงได้เข้าเรียนที่ห้องเรียนทดลอง หากถึงเวลานั้นคะแนนของเธอตกลง เธอคงเสียหน้ามากเช่นกัน
ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอจะมีเงิน สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยก็คงไม่เป็อะไร แต่คุณหนูอวี๋ก็ห่วงศักดิ์ศรีเหมือนกัน
“ตกลง ฉันจะทำเป็เพื่อนเธอก็ได้”
คุณหนูอวี๋แสดงสีหน้าจนใจ แต่ก็ดึงเก้าอี้มานั่งข้างซูอิน
จะว่าไปก็แปลก ปกติเวลาที่คุณครูสอนในคาบเรียนอวี๋ฉิงอดไม่ได้เป็ต้องงีบหลับ แต่เมื่ออินอินสอน เธอกลับตั้งใจฟังและเข้าใจง่าย ในตอนแรกมีเพียงเพื่อนสนิทสองคนที่นั่งทบทวนบทเรียน ต่อมาไม่นานก็มีซูเล่อ สวีเหวินเหวิน สี่สาวน้อยนั่งอยู่ด้วยกันตั้งใจอ่านหนังสือใน่ปิดเทอมฤดูร้อนที่มีความสุข
เื่นี้กระจายไปทั่วโรงพยาบาลทำให้มีคนชื่นชมเด็กสาวคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบกับอู๋อู๋ที่กลับมาทำงานในโรงพยาบาลกลับพบเจอบรรยากาศที่ลำบากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ต่างก็มีคนแทงข้างหลังเธอ
เวลาผ่านไปแต่ละวัน จนเมื่อซูอินเข้าใจบทเรียนของระดับมัธยมต้น และนำหนังสือเรียนของมัธยมปลายมาอ่านศึกษาล่วงหน้าอีกรอบหนึ่ง ก็ถึงวันเปิดภาคเรียน