ผ่านไปไม่กี่วันเื่ของ “ทายาทเศรษฐีทำร้ายเด็กนักเรียนยากจน” ที่เงียบไปก็แพร่สะพัดไปทั่วทุกพื้นที่อีกครั้ง
ซึ่งการพูดถึงในครั้งนี้แตกต่างจากคราวก่อน โดยเื่ที่แพร่กระจายออกไปมีบางสิ่งเพิ่มเข้ามาด้วย
สิ่งหนึ่งที่เรียกความสนใจจากผู้คนมากที่สุดคือ ครอบครัวของทายาทมหาเศรษฐีได้ติดต่อคนเพื่อขอความช่วยเหลือ และทำให้เื่นี้เงียบ ดังนั้นเมื่อหลายวันก่อนเื่นี้จึงเงียบไป และสาเหตุที่มันถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะเื่ที่เกิดขึ้นทำให้ทางมณฑลตื่นตระหนก เมื่อทางมณฑลส่งคนมา ข้าราชการในเมืองก็ไม่กล้ายุ่งกับเื่นี้อีก
คนจำนวนไม่น้อยคิดว่าข้าราชการในมณฑลฉลาดปราดเปรื่อง ส่วนพวกข้าราชการในเมือง…รับเงินมืดโดยไม่คำนึงถึงความเป็ความตายของคนจน
เหล่าเ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมือง : …
กล่าวหากันชัดๆ! พวกเขาจัดการคดีนี้ด้วยใจเช่นกัน อดกลั้นต่อเงินสินบนล่อใจจากตระกูลหลิง ละทิ้งหน้าที่ในมือเพื่อรับผิดชอบดูแลคดีนี้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด แต่ขณะที่จะมีการดำเนินคดี ทางมณฑลก็แจ้งมาว่าเื่นี้อาจส่งผลกระทบในทางลบ จึงสั่งให้หยุด
เมื่อเ้าหน้าที่ระดับสูงสั่งห้าม พวกเขาจะกล้าดำเนินการต่อได้อย่างไร
และด้วยเหตุผลเดียวกัน ตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
ทั้งที่ตั้งใจทำงานเต็มที่สุดท้ายกลับโดยด่า น่าโมโหจริงๆ!
แต่ว่าเสียงด่าทอนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
กรรมาธิการท่านนี้ที่ทางมณฑลส่งมาให้ตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้เื่ก็เกินขีดความสามารถที่ตระกูลหลิงจะจัดการได้แล้ว
อู๋อู๋เคยไปเยี่ยมหลิงเมิ่งที่สถานพินิจ เธอส่งเงินเข้าไปในนั้นไม่น้อย ทำให้บุตรสาวของเธอไม่มีความเป็อยู่ที่แย่ แต่สีหน้าหวาดกลัวรวมถึงน้ำตาที่ไหลริน ทำให้หัวใจทั้งดวงของเธอรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทง
ความอดทนมีขีดจำกัด เธอไม่สนใจสิ่งที่หลิงจื้อเฉิงเคยกล่าวเตือน ก่อนจะเรียกน้องชายและน้องสะใภ้โจวกุ้ยฮวาที่ให้ความร่วมมือกับเธอเดินทางไปยังโรงพยาบาล
“ยัยเด็กคนนี้ อยู่ในห้องพักผู้ป่วยใหญ่โต เคยกินเคยอยู่ที่บ้านของเรา ไหนจะเื่ข่มขู่ แถมตอนนี้ยังไม่ยอมหยุดรังควานพวกเราอีก”
“พี่คะ ฉันว่ายัยเด็กนี่คงอยากโดนดี!”
โจวกุ้ยฮวาที่มาด้วยท่าทางกระตือรือร้นมากกว่าอู๋อู๋เสียอีก เพราะเื่นี้ทำให้เธอต้องเสียงานที่เอาไว้เชิดหน้าชูตากับคนในชนบท
เธอกัดฟันก่อนจะพุ่งตรงไป
ในตอนที่พี่สาวสามีและน้องสะใภ้บุกเข้าไป ซูอินและน้องชายตัวน้อยกำลังนั่งต่อจิ๊กซอว์ปราสาทน็อยชวานชไตน์อยู่ด้วยกัน จิ๊กซอว์นี้สวีเหวินเหวินเป็คนมอบให้ โดยบอกว่าทนายในมณฑลที่ดูแลคดีฟ้องหย่าของหยางอวี้หลานนำสิ่งนี้มาให้
เด็กชายตัวน้อยร่างกายไม่แข็งแรง ไม่ควรขยับตัวมากเกินไป ระหว่างที่เขาพักฟื้น นอกจากแช่น้ำพุแห่งจิติญญา ความบันเทิงมากที่สุดที่มีอยู่ก็คือต่อจิ๊กซอว์ จิ๊กซอว์หนึ่งพันตัว แต่สองพี่น้องช่วยกันต่อไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โครงสร้างหลักของปราสาทและส่วนของทะเลสาบด้านข้างต่อครบแล้ว เหลือเพียงต่อเติมมุมให้เต็ม
ในตอนที่พวกเขากำลังหาชิ้นส่วนที่ขาด จู่ๆ ก็มีคนพรวดพราดเข้ามาจนทำให้ซูอินใ
เธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่มือหนาจะคว้าผมของเธอ
“นี่พวกคุณทำอะ…”
“ที่นี่แหละ…”
นอกจากคณะกรรมาธิการที่มาตรวจสอบ ก็ยังมีนักข่าวที่มาด้วย นักข่าวที่ถูกส่งมาเคยเป็รูมเมตของหลี่ิฉีสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในวันนี้หลี่ิฉีก็ลางานเพื่อตามมาโดยเฉพาะ
ในระยะนี้เขาได้มาเยี่ยมซูอินที่โรงพยาบาล จึงรู้ว่าเธอพักอยู่ที่ห้องไหน
เขาถือกล้องไปยังห้องพักผู้ป่วย ในตอนที่กำลังจะเคาะประตูที่เปิดไว้ครึ่งหนึ่งก็ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่น่า
“พวกคุณกำลังทำอะไร”
“หมอครับ ตรงนี้มีคนบุกเข้ามาทำร้ายคนไข้”
เสียงะโดังลั่นทางเดิน ก่อนที่หลี่ิฉีจะรีบตามเข้าไป
ซูอินที่ยื่นมือออกมาตอนแรกรีบดึงมือกลับ เธอคว้าตัวเด็กชายตัวน้อย ท่าทางของสองพี่น้องในตอนนี้น่าสงสารยิ่งนัก
อันที่จริงเธอไม่จำเป็ต้องเสแสร้งด้วยซ้ำ จิ๊กซอว์นับพันตัวกระจัดกระจายอยู่บนเตียงผู้ป่วย บนพื้น แม้กระทั่งบนตัวของสองพี่น้อง ผมหางม้าที่ถูกมัดไว้ของซูอินยุ่งเหยิง ผมบังปิดหน้า รวมกับใบหน้าขาวสงบเสงี่ยมก็ยิ่งดูน่าสงสาร
ดวงตาราวกับผลองุ่นของเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ข้างกายซูอินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับสิ่งเหล่านี้ได้รับการยืนยันชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทั้งสองคนเป็แค่เด็ก…
แท้ที่จริงแล้วเด็กที่มีใบหน้างดงามสองคนนี้ พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่
“นี่ไม่ใช่คนที่ก่อเื่ครั้งก่อนหรอกหรือ”
“ดูเหมือนจะเป็คนที่ทะเลาะวิวาทกับผู้ปกครองของเด็กคนนั้น ครั้งก่อนพวกเขาเคยมาก่อเื่ บอกว่าเด็กสองคนนี้สมควรโดนตีเพราะทำเื่ชั่วร้ายไว้มากมาย…”
“วันนั้นฉันก็อยู่ในเหตุการณ์ พวกเขาด่าทอด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟัง ไม่ใช่แค่ด่า ลงมือตบตีด้วย”
นักข่าวที่มาจากตัวมณฑลรวบรวมความจริงจากเสียงซุบซิบนินทาของฝูงชน เขาใกับการกระทำที่ขาดทัศนคติสามประการของคนกลุ่มนั้นจนได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็ยังคงไม่ละทิ้งหน้าที่
เขายกกล้องและสัมภาษณ์ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ จากนั้นก็สัมภาษณ์พิเศษสองพี่น้องซูอินและซูอัน
เด็กชายตัวน้อยค่อนข้างหวาดกลัวผู้คน และอายุยังน้อย ทำให้ภาษาที่สื่อสารไม่ค่อยดีนัก ก่อนจะเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค “พวกเขาตีพี่สาว คนเยอะมาก น่ากลัว”
แต่ทางซูอินได้เล่าทุกอย่างอย่างละเอียดมากขึ้น
“ห้องพักผู้ป่วยนี้เพื่อนของฉันเป็คนจัดเตรียมให้ค่ะ”
“ฉันยังต้องพักฟื้นดูอาการที่โรงพยาบาล หลังจากคุณหมอตรวจดูก็พบว่าฉันยังไม่พ้นขีดอันตรายค่ะ”
“เื่ค่ารักษาพยาบาล หลายวันก่อนพวกเขามาที่โรงพยาบาลและจ่ายให้ค่ะ พร้อมกับให้เงินอีกจำนวนไม่น้อย แต่…ฉันก็ยังคาดหวังว่าไม่ควรเกิดเื่เช่นนี้และแข็งแรงขึ้น ไม่มีใครที่อยากป่วยจนนอนโรงพยาบาลหรอกค่ะ”
ซูอินเล่าเื่นี้ทีละประโยคอย่างชัดเจน
เธอไม่ได้ใส่สีตีไข่ เพียงแต่ในเื่เดียวกัน ลำดับการเล่าใหม่ทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป นอกจากจุดประสงค์เพื่อดึงความสนใจจากผู้คนแล้ว ในตอนที่พูด เธอก็แสดงท่าทีน่าสงสาร
หากเป็เมื่อก่อนเธอคงไม่มีทางเสแสร้งแสดงท่าทีราวกับดอกบัวบริสุทธิ์เช่นนี้อย่างแน่นอน แต่เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอโมโหมากจริงๆ
เดิมทีก็มีความโกรธแค้นเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ ยังมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ตอนนี้ได้โอกาสพอดี หากไม่จัดการตระกูลหลิงที่ชั่วร้ายก็เขียนชื่อเธอกลับหัว[1]ได้เลย
อันที่จริงต่อให้เธอไม่จงใจทำเช่นนี้ อย่างไรเสียคนที่ทุบตีคนอื่นอย่างตระกูลหลิงก็ต้องเป็ฝ่ายสำนึกผิด อีกทั้งพวกเขายังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยเพื่อทุบตีและด่าทอคนอื่น เื่เหล่านี้ก็มากพอที่จะตัดสินแล้วว่าพวกเขาละเมิดทัศนคติสามประการ
ในเวลาต่อมา นักข่าวคนนี้ได้ยินมาจากหลี่ิฉีว่าเด็กสาวคนนี้สอบขึ้นมัธยมปลายได้คะแนนสูงเป็อันดับหนึ่งของเมือง อีกทั้งยังได้มอบเงินการกุศลเพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน ในตอนที่มอบเงินก็ได้กำชับว่าไม่ให้ถ่ายใบหน้าของนักเรียนที่มารับเงินช่วยเหลือนี้อย่างเด็ดขาด
สิ่งเหล่านี้ทำให้มุมมองของทัศนคติสามประการของเขาสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
เด็กสาวดีๆ แบบนี้ เหตุใดต้องมาประสบเื่แบบนี้ด้วย
นักข่าวก็เป็มนุษย์คนหนึ่ง ในใจของเขาพอจะจินตนาการได้ว่าควรรู้สึกเช่นไร
เพื่อปกป้องความเป็ส่วนตัวของซูอิน การกระทำที่เกิดขึ้นนี้ถูกแทนที่ด้วยชื่อ “นักเรียนที่เรียนดีและมีคุณธรรมสูง” แต่ในใจของนักข่าวก็เกิดความรู้สึกต่อเื่ครั้งนี้ ในระหว่างที่รายงานข่าว เขาได้ตอกย้ำความชั่วร้ายของตระกูลหลิง
ไม่ว่าจะเป็เื่ก่นด่าและทุบตีเหยื่อโดยไม่รู้สึกผิด เื่ที่ใช้เส้นสายเพื่อทำให้เื่นี้เงียบ…แน่นอนว่านี่เป็การโน้มน้าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินเื่นี้ด้วยความยุติธรรม ซึ่งข้อสุดท้ายนั้นอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญนัก
ครั้งนี้การรายงานข่าวมาจากสถานีโทรทัศน์ของมณฑล ทำให้ข่าวขยายออกไปในวงกว้างมากขึ้น
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป คนทั้งมณฑลต่างก็ให้ความสนใจ
ความคิดเห็นของประชาชนลุกฮืออีกครั้ง เช่นเดียวกับสปริงที่ถูกกดอย่างแรงจนเด้งกลับมามากขึ้นกว่าเดิม
ในเวลานี้ทุกคนพุ่งความใจไปที่ตระกูลหลิง เ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดีนี้รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องเกิดความกดดัน แต่เพราะบทเรียนก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาไม่กล้าชะล่าใจอีกต่อไป
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ได้รับกระแสกดดันจากผู้คนในสังคม สิ่งที่ควรตรวจสอบก็ทำแล้ว และผ่านกระบวนการที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง ทุกสิ่งในเวลานี้ล้วนเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เมื่อได้พบเ้าหน้าที่กรรมาธิการที่เข้ามาตรวจสอบ พวกเขาก็รายงานสถานการณ์ หารือ และรีบเร่งหาแนวทางแก้ไข
แผนการนั้นง่ายมาก นั่นคือรีบจัดการอย่างเร่งด่วน
รีบสรุปผล ซึ่งสาเหตุที่สมเหตุสมผลสร้างความพอใจให้แก่สาธารณชน รักษาความน่าเกรงขามและความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
เมื่อเครื่องจักรของประเทศ้าการขับเคลื่อน ประสิทธิภาพที่ออกมามักอยู่เหนือสิ่งที่คนทั่วไปคาดไม่ถึงมาก่อน เ้าหน้าที่หลายคนให้ความร่วมมือั้แ่การดำเนินคดีไปจนถึงผลการพิจารณาคดี จนเมื่อมาถึงการทำงานเฉพาะด้าน ถ้าเป็คนทั่วไปอาจใช้เวลาถึงหนึ่งปีครึ่ง หากมีการต่อต้าน บางคดีอาจยืดเยื้อไปจนแปดปีหรือสิบปี ที่ไม่สามารถจัดการได้ก็อาจเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์
ในเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ ซูอินได้รับความใส่ใจมากมาย
ไม่ใช่แค่จากเพื่อน ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมชั้น เธอยังได้รับความใส่ใจมากมายจากคนในสังคม ถึงแม้นักข่าวจากในมณฑลจะพยายามรักษาความเป็ส่วนตัวของเธอ แต่ชื่อเสียงของนักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงเป็อันดับหนึ่งในเมืองก็โด่งดังไปทั่ว เื่ใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่เื่กองทุนการกุศลช่วยค่าเล่าเรียนของนักเรียนยากจนก็ถูกเผยแพร่ด้วยเช่นกัน
คนจำนวนไม่น้อยมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล นำดอกไม้สดและผลไม้มาเยี่ยมจนเต็มห้องรับแขก และมีอีกหลายคนที่เมื่อได้ยินเื่ฐานะของครอบครัวเธอในปัจจุบันก็บริจาคเงินให้
บางคนก็เขียนจดหมายมาหา ซึ่งส่วนมากแสดงความใส่ใจและปลอบโยน อีกทั้งยังมีจำนวนไม่น้อยที่้าขอความช่วยเหลือ
แน่นอนว่ามีคนจำนวนน้อยที่ด่าเธอ ประมาณว่าครอบครัวตระกูลหลิงจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้แล้วยังจะเล่นตัวอีก ไม่ใช่ว่าอยากได้เงินเพิ่มหรอกหรือ
สำหรับพวกคนโง่เขลาแบบนี้ เธอไม่คิดใส่ใจเลยสักนิด
เมื่อสุนัขกัดอย่ากัดตอบ
ยิ่งไปกว่านั้นคนตั้ง 99% ล้วนมีน้ำใจกับเธอ ทั้งที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิท แต่ก็ห่วงใยเธอ แล้วทำไมเธอจะต้องเสียอารมณ์เพราะคนจำนวนเล็กน้อยเท่ากับขี้หนู
ดอกไม้ ผลไม้ รวมถึงเงิน สิ่งใดที่ปฏิเสธได้เธอก็ปฏิเสธ แต่สิ่งใดที่ปฏิเสธไม่ได้ เธอก็จะบอกคนที่ให้เงินเ่าั้ว่าจะนำเงินเหล่านี้มอบให้กองทุนการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจน
คนที่มาขอความช่วยเหลือ เธอต้องกลั่นกรองเสียก่อน โดยคัดพวกคนี้เี กินๆ นอนๆ ทั้งวันโดยเปล่าประโยชน์ออกไป ส่วนที่เหลือก็ส่งให้เ้าหน้าที่กองทุนจัดการต่อ
คนที่เขียนจดหมายเพื่อปลอบโยนเธอ เธอก็ตอบกลับทีละฉบับ ถึงแม้เธอจะตอบกลับอย่างเรียบง่าย แต่จำเป็ต้องเขียนด้วยตนเอง
ยังดีที่ระยะเวลา “การพักฟื้น” ทำให้เธอมีเวลาเหลือเฟือ เธอจึงมีเวลามากพอที่จะจัดการเื่เหล่านี้
แน่นอนว่าภายใต้ความยากลำบากนี้ย่อมส่งผลกำไรไม่น้อยเช่นกัน
ประการแรก กองทุนการกุศลมีชื่อเสียงมากขึ้น
ประการที่สอง ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักในกองทุนการกุศล และเป็ตัวแทนที่อยู่ด่านหน้า ทำให้ซูอินได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ได้รับเงินช่วยเหลือ ก็รู้สึกขอบคุณเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ
บนกำแพงหินสีเขียวเข้มในน้ำพุแห่งจิติญญาเริ่มมีฟองอากาศออกมา ซึ่งบุญกุศลนี้มีความจำเป็สำหรับขั้นตอนต่อไป
เมื่อผ่านประสบการณ์การอัปเกรดจากครั้งก่อน ซูอินจึงพยายามคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลง เป็ผลให้ความกระตือรือร้นที่จะจัดการจดหมายเ่าั้มีมากขึ้น )
ซูอินกลายเป็ผึ้งงานตัวน้อยที่ขยันขันแข็ง ตอบจดหมายแก้ปัญหาครอบครัวที่พวกเขาเขียนเข้ามาขอความช่วยเหลือ และเลือกเนื้อหาในจดหมายบางฉบับออกมาเล่าให้เด็กชายตัวน้อยฟัง และบอกเขาด้วยเหตุผล
แต่อีกด้านหนึ่ง ฉินหล่างก็รู้สึกประหลาดใจจากการรายงานความผิดครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็เื่ใหญ่ ตื่นตระหนกมาจนถึงสถานีของหน่วยสำรวจที่อยู่ห่างไกล ในที่สุดคณบดีก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าครั้งก่อนที่ฉินหล่าง “ก่อกวน” นั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุใด
มันก็แค่ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
ดังนั้นเขาจึงเขียนรายงาน ชื่อของฉินหล่างถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลในการค้นหาแหล่งน้ำมัน และชื่อของเขาก็ถูกใส่ไว้ในลำดับต้นๆ
ในเวลานี้ยกเว้นตระกูลหลิง แต่ละฝ่ายต่างก็มีความสุข
หลังจากผ่านสัปดาห์ที่วุ่นวาย ในที่สุดการดำเนินคดีของหลิงเมิ่งก็ถูกตัดสิน
---------------------------------------------------------------------
[1] เขียนชื่อกลับหัว หมายถึง การเน้นย้ำและอธิบายว่าไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน และเป็การรับประกันในนามของตนเองว่าจะทำสิ่งนั้นแน่นอน