วันที่ 1 กันยายน เป็วันที่โรงเรียนประถมและมัธยมทั้งหมดทั่วเมืองผิงเปิดภาคเรียน
เมื่อกลับชาติมาเกิด ในที่สุดซูอินก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งดังเช่นที่เธอปรารถนาในชาติก่อน และยังได้เข้าห้องเรียนโอลิมปิกที่ดีที่สุดของเมืองอีกด้วย
เธอรอคอยการเปิดเทอมในครั้งนี้เป็อย่างมาก
เช้าวันนั้นท้องฟ้าเพิ่งสว่าง แต่ซูอินตื่นนอนแล้ว หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน ซูอินก็เปลี่ยนชุดเป็เดรสตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เธอส่องกระจกอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับมัดผมหางม้า สุดท้ายก็ได้สวมที่คาดผมที่เธอไปซื้อกับคุณหนูอวี๋วันที่ออกจากโรงพยาบาล
ั้แ่หัวจดเท้าล้วนเป็ของที่เธอซื้อมาใหม่ทั้งนั้น
เมื่อเริ่มต้นใหม่ แน่นอนว่า้าความรู้สึกที่ต่างไปจากทุกวันด้วยเช่นกัน
หลังจากแต่งตัวเสร็จ ผู้ที่นอนอยู่ในห้องตรงข้ามกับห้องรับแขกก็ตื่นนอนตรงเวลาเช่นกัน
เด็กชายตัวน้อยหาว มือเล็กขยี้ตาและเดินออกมาหน้าประตู สิ่งแรกที่เห็นคือพี่สาวที่แต่งตัวด้วยความตั้งใจ ชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ ผมที่หวีเรียบร้อย ชั่วขณะหนึ่งเขาคิดว่าตนเองกำลังเจอเ้าหญิงในนิทานเสียอีก
และเขาก็ได้บอกเธอไปตรงๆ ว่า “พี่ครับ วันนี้พี่สวยจัง เหมือนเ้าหญิงสโนไวท์เลย”
ดวงตากลมโตราวกับผลองุ่นจ้องพี่สาวคนสวยตรงหน้าตาไม่กะพริบ ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อถูกชมในความงามเช่นนี้…
จิตใจของซูอินก็เบิกบานมีความสุข แววตาคู่นั้นเปล่งประกายเหมือนกับเด็กชายตัวน้อย ริมฝีปากยกยิ้มอย่างอดไม่ได้
เช้านี้เมิ่งเถียนเฟินรู้สึกทึ่งในตัวบุตรสาวด้วยเช่นกัน อินอิน…สวยขนาดนี้เชียวหรือ คนที่เป็มารดาอย่างเธออดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ความรู้สึกสับสนในใจตลอดราว ๆ ครึ่งเดือนหลังจากที่เมิ่งเมิ่งถูกพิจารณาคดีค่อยๆ คลายลง
“อินอิน ไม่ใช่ว่าต้องสวมชุดนักเรียนไปเรียนหรือ”
ซูอินพยักหน้า “ลงทะเบียนวันแรกยังไม่ต้องสวมชุดนักเรียน ใส่อะไรไปก็ได้ค่ะ”
เมื่อชาติก่อนเธอใช้ชีวิตวัยรุ่นโดยไว้ผมหน้าม้าหนาๆ มาตลอด ก้มหน้าและใส่ชุดนักเรียนซอมซ่อ ได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้งแบบนี้ เมื่อได้โอกาสและมีฐานะมากขึ้น แน่นอนว่าเธอต้องแต่งตัวสวยๆ สิ
“อ้อ…” เมิ่งเถียนเฟินตอบ จากนั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ดูดีมากเลย”
ถูกชมอีกแล้ว!
ซูอินอารมณ์ดีมาก
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนหน้าของอินอิน เมิ่งเถียนเฟินก็อารมณ์ดีเช่นกัน เธอล้างหน้าแล้วเข้าไปทำอาหารในครัว
คนที่รู้สึกว่าวันนี้พิเศษกว่าทุกวันไม่ได้มีเพียงซูอิน ถึงแม้สองสามีภรรยาตระกูลซูจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรกับคำว่า “การทำให้ดูพิเศษมากกว่าปกติ” แต่พวกเขาก็รู้สึกว่า เปิดเรียนวันแรกควรได้กินของอร่อยๆ
มีคนพูดบ่อยๆ ว่า ไม่มีอะไรอร่อยสู้เกี๊ยวได้อีกแล้ว สำหรับพวกเขาอาหารเช้าอย่างเป็ทางการที่สุดที่มักจะรับประทานในวันที่หนึ่งของปีก็คือเกี๊ยว
วัตถุดิบถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เมื่อวางเขียงลง สองสามีภรรยาตระกูลซูก็ช่วยกัน คนหนึ่งปั้นแป้งห่อ อีกคนใส่ไส้ห่อเกี๊ยว แต่ละชิ้นออกมาอย่างสวยสดงดงาม เกี๊ยวขนาดเท่ากันปรากฏบนหม้อนึ่งแบบฝาครอบที่ทำจากฟางข้าว
เกี๊ยวร้อนๆ ออกจากหม้อนึ่ง รถของตระกูลอวี๋ที่มารอรับซูอินจอดรออยู่หน้าประตู
“คุณลุงซู คุณป้าเมิ่ง หนูมารับอินอินไปโรงเรียนด้วยกันค่ะ”
เสียงมาก่อนตัว คุณหนูอวี๋เปิดประตูเดินเข้ามาด้วยความคุ้นเคย บนผมสั้นของเธอติดกิ๊บที่ซื้อมาจากร้านเดียวกับซูอิน
เมื่อเทียบกับซูอินแล้ว กิ๊บติดผมของอวี๋ฉิงยิ่งเพิ่มความเคร่งขรึม
ระหว่างที่ซูอินพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล เมิ่งเถียนเฟินก็สนิทกับเพื่อนของบุตรสาวคนนี้มากขึ้น จึงทักทายด้วยความเคยชิน “ฉิงฉิงมาแล้วหรือ กินข้าวเช้ามาหรือยังจ๊ะ”
“กินมาแล้วค่ะ”
“กินมาแล้วก็กินอีกได้ วันนี้เปิดเรียนวันแรกต้องมีเื่มากมายแน่ เดี๋ยวไม่ถึงเที่ยงจะหิวเสียก่อน”
“ตกลงค่ะ!”
คุณหนูอวี๋ยอมรับน้ำใจนั้นและนั่งลงข้างซูอิน บังเอิญว่าบ้านของคุณลุงที่อยู่ติดกันก็ทำเกี๊ยวเพื่อฉลองเข้าเรียนวันแรกของซูเล่อเช่นกัน คุณป้าหลิวจินเซียงจึงยกเกี๊ยวมาให้หนึ่งจาน
บ้านของคุณลุงทำเกี๊ยวเนื้อล้วน ไม่เหมือนกับบ้านของเธอที่ทำเกี๊ยวเนื้อใส่กุยช่าย ซึ่งทั้งสองบ้านก็ได้นำมาแลกกันพอดี
ตระกูลซูทั้งสี่คน อวี๋ฉิงรวมไปถึงคนขับรถของตระกูลซูนั่งล้อมวงอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อรับประทานเกี๊ยวร้อนๆ เสร็จก็เป็เวลาเจ็ดโมง
ผ้าห่มและของขวัญที่จัดเตรียมไว้ถูกนำไปใส่ในกระโปรงหลังรถ ปิดประตูแล้ว คนจากตระกูลซูก็ขึ้นรถ
ซูเจี้ยนจวินนั่งข้างคนขับรถ สามคนแม่ลูกและอวี๋ฉิงนั่งอยู่ที่เบาะหลัง อาจจะคิดว่าแออัด แต่พื้นที่ด้านในตัวรถของ BMW ค่อนข้างกว้างขวาง พวกเขาสี่คนมีผู้ใหญ่สามคนรูปร่างผอมบาง กับเด็กน้อยอีกหนึ่งคน เมื่อนั่งด้านหลังด้วยกันจึงไม่รู้สึกเบียด
ระหว่างทาง เด็กชายตัวน้อยเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโรงเรียนที่ซูอินกำลังจะไป น้ำเสียงไร้เดียงสาถามนั่นถามนี่ตลอดเวลา
“อันอัน ในรถมีคนอื่นอยู่ด้วย อย่าเสียงดังสิ”
เมิ่งเถียนเฟินกลัวว่าอันอันจะรบกวนคนอื่น จึงรีบเอ่ยห้าม
แต่อวี๋ฉิงกลับส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ ในนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าเสียหน่อย เมื่อกี้อันอันถามใช่ไหมว่าโรงเรียนใหญ่หรือเปล่า โรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งเป็โรงเรียนที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในเมือง แค่สนามกีฬาก็เท่ากับลานนวดข้าวของที่บ้านอันอันสี่ลานรวมกันแล้ว”
“ว้าว ใหญ่จัง แสดงว่ารถสี่ล้อของพี่ฉิงฉิงก็สามารถวิ่งวนอยู่ในนั้นได้นานเลยเหรอครับ”
“ใช่ แต่ว่าสนามกีฬาเอาไว้ให้คนออกกำลังกาย ขับรถเข้าไปเล่นไม่ได้”
“ออกกำลังกาย เหมือนกับที่พี่สาวทำหรือครับ ตื่นมาวิ่งทุกเช้าน่ะหรือ”
ซูอินจับมือเล็กๆ ของเขาก่อนจะตอบ “ใช่ การออกกำลังกายเป็กิจวัตรประจำวันที่ดี รออีกสองสามปี อันอันก็ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าด้วยกัน จะได้ไม่ป่วย ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล”
เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ผมจะไปวิ่งกับพี่นะครับ”
พวกเขาถามตอบกันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แป๊บเดียวก็ผ่านระยะทางมาสามสิบกิโลเมตรก่อนที่รถ BMW จะมาจอดใกล้กับโรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่ง
วันธรรมดาปกติบนถนนไม่มีรถมากนัก แต่วันนี้เปิดเรียนวันแรก ทำให้หน้าประตูโรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งเต็มไปด้วยรถส่วนตัว
เหลือระยะทางเล็กน้อยจะถึงโรงเรียนรถก็เริ่มติด
คนขับรถของตระกูลอวี๋จอดรถไว้ข้างทาง จากนั้นเขากับซูเจี้ยนจวินซึ่งเป็ผู้ชายสองคนก็ช่วยกันยกข้าวของออกจากกระโปรงหลังรถ ก่อนที่พวกเธอจะรีบเดินเข้าประตูโรงเรียน
ในตอนนี้ผลจากการที่ซูอินตื่นแต่เช้าเพื่อแต่งตัวสวยก็แสดงออกมา
ั้แ่จุดจอดรถจนถึงหน้าประตูโรงเรียน ระหว่างทางเต็มไปด้วยนักเรียนและผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลาน ซูอินกับอวี๋ฉิงซึ่งกำลังเป็เด็กสาววัยรุ่น คนหนึ่งเรียบร้อยสดใส อีกคนเย่อหยิ่งสง่างาม สวมชุดสวยหรูเหมือนกัน บวกกับกิ๊บติดผมแวววับแบบเดียวกันก็ยิ่งดึงดูดความสนใจ
“คนนั้นใครน่ะ…ทำไมหน้าคุ้นจัง”
“เหมือนจะเป็เด็กผู้หญิงที่ถูกทายาทมหาเศรษฐีทำร้าย ที่เพิ่งออกข่าวไปเมื่อไม่นานนี้”
“ใช่ เด็กคนนั้นที่สอบได้คะแนนสูงเป็อันดับหนึ่งใช่ไหม”
“คนที่สอบได้คะแนนสูงเป็อันดับหนึ่ง มีหน้าตาที่…”
เสียงจากคนที่อยู่ด้านหลังเอ่ยเสริมในสิ่งที่เขาพูดไม่จบ “มีหน้าตาสวยงามอะไรขนาดนี้ ผลการเรียนก็ดี ตอนนี้ฉันเชื่อแล้วว่า์ไม่ยุติธรรม”
การสนทนามากมายไม่สิ้นสุด คำพูดจากบางคนที่ไม่ได้ควบคุมความดังของเสียงจึงเข้าหูของซูอิน
เมื่อกลายเป็จุดสนใจอีกครั้ง ซูอินจึงเผลอก้มศีรษะ คุณหนูอวี๋ที่อยู่ข้างๆ หันมามองด้วยแววตาจนใจ
“คนเขากำลังชมเธอนะ มีอะไรต้องประหม่า พวกเขาตาถึง!”
และเพราะเหตุผลนี้
ซูอินจึงรู้สึกโล่งใจ และยืนหลังตรงอีกครั้ง ในตอนที่ได้ยินผู้ปกครองที่ไม่รู้จักเอ่ยชมว่าเธอหน้าตาสวย เธอจึงหันไปมองอย่างเปิดเผยและพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้
บนอาคารสำนักงานติดถนนใกล้ๆ ฉินหล่างที่รีบมาถึงั้แ่เมื่อวานก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้เช่นกัน แววตาเคร่งขรึมผ่อนคลายมากขึ้น มุมปากยกขึ้นเป็แนวโค้งในแบบที่แทบจะไม่ได้เห็นบ่อยนัก