“หากหวงโฮ่วสิ้นพระชนม์เพราะคลอดบุตรยาก แล้วจะลงนามในคำรับสารภาพไว้เป็หลักฐานได้อย่างไร”เปินเหลยถามถึงสิ่งที่ข้องใจ
“นั่นเป็ลายมือของนางเอง หากเ้าตัวไม่ยินยอม ใครเล่าจะบีบบังคับนางได้”ปลายพู่กันของเย่จวินชิงแ่พลิ้วลงรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ทุกอิริยาบถของเขาล้วนอยู่ในสายตาของเหยาโม่หว่านนางตระหนักได้ว่าส่วนลึกในใจเขาไม่เคยถือโทษโกรธเคืองตนเอง แต่ยิ่งเขาเป็เช่นนี้ นางกลับยิ่งปวดใจเป็ทวี
“ถึงหวางเยี่ยไม่อยากให้หวงโฮ่วทรงผิดหวัง แต่ไม่เห็นมีความจำเป็ต้องทนรับการกดขี่ข่มเหงของผู้อื่นหวางเยี่ยน่าจะกระจ่างใจยิ่งกว่ากระหม่อม ว่าการที่กองทัพเราปราชัยครานี้ คือแผนการที่ฝ่าาทรงวางไว้ั้แ่ต้น”เปินเหลยกล่าวอย่างหัวเสีย
“หากไม่เพราะพ่ายศึก เปิ่นหวางคงไร้เหตุผลในการทำตัวเป็คนเลอะเลือนไร้ค่าและถ้าเปิ่นหวางไม่ใช้ชีวิตอย่างสำมะเลเทเมาให้ฝ่าาทรงทอดพระเนตร เ้าคิดว่าพระองค์จะทรงยอมตกลงละเว้นการนำหลักฐานชิ้นนั้นประกาศให้ใต้หล้ารับรู้รวมถึงจัดพิธีบรมศพให้หวงโฮ่วอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติเช่นนี้หรือ” เย่จวินชิงพักพู่กันเป่าลมไปบนภาพเขียนเบา ๆ ความรักใคร่คะนึงหาท่วมท้นอยู่ภายใต้ก้นบึ้งดวงตาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
“หวางเยี่ย! ทั้งชีวิตของพระองค์เสียสละเพื่อสตรีผู้นี้มากมายเหลือเกินทว่านางกลับรู้แต่จะปกป้องพระสวามีผู้ขลาดเขลาพระองค์นั้น แม้แต่ตัวตายยังคิดใช้หลักฐานชิ้นนี้มาผูกมัดเพื่อควบคุมหวางเยี่ยนางติดค้างน้ำใจผู้อื่นมากเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” เปินเหลยั์ตาแดงก่ำ ตะเบ็งเสียงแผดก้องด้วยความชิงชังเอื้อมสองมือเข้าไปหมายชิงม้วนภาพมาทำลาย แต่ถูกเย่จวินชิงซัดฝ่ามือผลักกระเด็นออกไปไกลหลาย่ตัวจนกระแทกกับเสาหินอ่อนเสียก่อน
“หวางเยี่ย!” เปินเหลยตัดพ้อเบา ๆ ด้วยความน้อยใจ
“กลับไปเสียเถิด เปิ่นหวางอยู่ในสถานะพิเศษ หากเ้ามาหาบ่อยเกินไปคนอย่างเย่หงอี้ต้องไม่ปล่อยเ้าไว้แน่” เย่จวินชิงซ่อนความเ็ปไว้ภายใต้ก้นบึ้งดวงตาก่อนเอ่ยวาจาอย่างไม่ยินดียินร้าย
“ถึงหวางเยี่ยจะทรงยินยอมให้ผู้อื่นเหยียบย่ำ แต่เปินเหลยไม่ยินดีรับความอัปยศนี้แม้ต้องเป็ชาวนาถือจอบเสียมไร้ยศศักดิ์ ก็ยังดีกว่าต้องขายชีวิตให้กับกษัตริย์เลอะเลือนพระองค์นั้นหวางเยี่ยโปรดถนอมพระวรกายด้วย เปินเหลยทูลลา” อันว่าบุรุษไม่ควรหลั่งน้ำตาง่าย ๆ แต่ยามนี้เปินเหลยกลับน้ำตานองหน้า
เหยาโม่หว่านซึ่งอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษรหลุบตาลง ลอบกัดฟันข่มกลั้นความเ็ปที่แผ่ซ่านอยู่ในส่วนลึกของหัวใจอยู่เงียบๆ แท้จริงแล้วนางติดค้างเย่จวินชิงมากมายเพียงไหนกันแน่?
ขณะที่เหยาโม่หว่านกำลังจมอยู่ในภวังค์แห่งความโศกศัลย์และเ็ปกลับถูกเปินเหลยเข้ามากระชากข้อมือลากออกไป
“เ้าจับนางทำไม?” เย่จวินชิงย่นคิ้วเข้าหากัน เอ่ยถามอย่างนึกฉงน
“เมื่อครู่นางได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว สตรีผู้นี้เก็บไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”เปินเหลยยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตา พลางตอบกลับอย่างระมัดระวัง ชั่วขณะนั้นเหยาโม่หว่านอับจนถ้อยคำอย่างถึงที่สุดรู้สึกเหมือนว่าแม้กระทั่งนอนอยู่เฉย ๆ ความสิ้นหวังท้อแท้ยังพุ่งเข้ามาเสียบกลางอก
“ปล่อยนางซะ เปิ่นหวางเชื่อว่านางจะไม่พูดออกไป”ขณะที่เหยาโม่หว่านยังไม่ทันตอบโต้ เย่จวินชิงก็เข้ามายึดข้อมืออีกข้างของนางไว้
“หวางเยี่ยทรงเชื่อกระหม่อมสักคราเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เปินเหลยมองผู้บังคับบัญชาด้วยแววตาสับสน พลางเอ่ยปากวิงวอน
“เปิ่นหวางบอกว่านางจะไม่พูด ก็ย่อมต้องเป็เช่นนั้นเ้าไปได้แล้ว” ถ้อยคำยืนกรานของเย่จวินชิงทำให้เหยาโม่หว่านพรูลมหายใจอย่างโล่งอกเปินเหลยสิ้นวาจา หันมาถลึงตาใส่เหยาโม่หว่านด้วยความคับแค้น
นางมองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย แต่กลับสงวนวาจาพูดมากผิดมาก พูดน้อยผิดน้อย ไม่พูดเสียย่อมไม่ผิดเลย หลังจากคัดง้างกันอยู่อีกไม่นานเปินเหลยก็สะบัดข้อมือเหยาโม่หว่านทิ้ง ก่อนเดินกระฟัดกระเฟียดจากไป
พอเห็นเงาร่างของอีกฝ่ายลับตาไปแล้ว มุมปากของเหยาโม่หว่านหยักโค้งบางๆ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ที่เปินเหลยยอมรามือเพราะเย่จวินชิง แต่หากเขาไม่อยู่ละก็...
ยามนี้เหยาโม่หว่านกลับรู้สึกยินดีที่เขายังมีบริวารจงรักภักดีเช่นนี้อยู่ข้างกายตนเองติดค้างเย่จวินชิงมากมายเหลือเกิน สักวันหนึ่งนางจะต้องทวงแผ่นดินต้าฉู่ที่งดงามผืนนี้กลับคืนมาให้แก่เขาให้ได้
“ยากนักที่จะได้พานพบกับสตรีที่ไม่ตื่นตระหนกยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์เลวร้ายเช่นเ้า”เมื่อเห็นเปินเหลยจากไปแล้ว เย่จวินชิงก็ปล่อยมือเหยาโม่หว่าน เดินกลับไปที่โต๊ะทรงอักษรวาดมือลูบไล้ไปบนผืนภาพอย่างทะนุถนอม
“ดังนั้นหวางเยี่ยจึงคิดว่าจิ้งซินคงได้รับการฝึกปรือมาเป็พิเศษถึงมาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้?” เหยาโม่หว่านหยิบแท่งหมึกขึ้นมาฝน เอ่ยถามราวกับไม่ได้เจตนาแต่ภายในใจกับมีความขมขื่นวาบผ่าน ที่แท้ในสายตาของเขาก็เห็นว่าตนเองเป็เพียงสายลับที่เย่หงอี้ส่งมาเท่านั้น
“หรือว่าไม่ใช่?” เย่จวินชิงหาได้อนาทรร้อนใจ
“หากหวางเย่มั่นใจเช่นนั้นเหตุใดจึงยอมให้ขุนพลน้อยกล่าววาจาแสดงถึงการคิดคดทรยศต่อบ้านเมืองออกมาเยี่ยงนี้เล่า?”เหยาโม่หว่านรู้สึกข้องใจในจุดนี้ หันไปมองเย่จวินชิงด้วยแววตาฉงนฉงาย
“เป้าหมายของเย่หงอี้คือเปิ่นหวาง ขอแค่เปิ่นหวางไม่มีจิตคิดฏก็พอแล้วมิใช่หรือ?”เย่จวินชิงมองหญิงสาวอย่างมีความหมายล้ำลึก หากเมื่อครู่เขาไม่เข้ามาห้ามไว้ ป่านนี้นางคงถูกเปินเหลยจับแยกร่างเป็แปดส่วนไปแล้ว
“น้ำใจของหวางเยี่ยครานี้ จิ้งซินจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน”เหยาโม่หว่านได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไม่คิดแก้ต่าง มือยังคงฝนหมึกต่อไปเรื่อย ๆ
ทันใดนั้น พ่อบ้านโจวก็เดินกระหืดกระหอบเข้ามา ด้านหลังมีกงกงจากในวังตามมาด้วยอีกคนเหยาโม่หว่านรู้จักคนผู้นี้เป็อย่างดี เขาคืออันปิ่งซานขันทีคนสนิทของเย่หงอี้ เป็คนหน้าเนื้อใจเสือปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ แม้ว่าตัวจะเป็ขันทีแต่กลับมีแผนชั่วมากมายอยู่เต็มท้อง นางในมากมายไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรต้องสังเวยชีวิตภายใต้เงื้อมมือเขาแต่กลับไม่เคยต้องโทษสักครา ด้วยอาศัยความเป็คนสนิทของเย่หงอี้ ยามนี้มาตรองดูแล้วผู้เป็นายเลวทรามต่ำช้าเพียงใด ผู้เป็บ่าวย่อมโฉดชั่วไม่ต่างกัน