“หวางเยี่ยอันกงกงนำสุรามาส่งพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่พ่อบ้านโจวเข้ามารายงาน อันปิ่งซานก็เดินมาถึงแล้ว
“ทูลซู่ชินหวางบ่าวนำสุราประจำวันนี้มาส่งพ่ะย่ะค่ะ” อันปิ่งซานหรี่ตาเล็กน้อย แล้ววางไหสุราหยกม่วงลงตรงหน้าเย่จวินชิงโดยไม่มีการทำความเคารพตามธรรมเนียม
“พ่อบ้านโจว...”เย่จวินชิงไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง เพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านรินสุรา หลังจากนั้นก็กระดกดื่มรวดเดียวหมดจอก
“กงกงคงกลับไปกราบทูลได้แล้วกระมัง”เย่จวินชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า ขณะวางจอกสุราลง อันปิ่งซานได้ยินเช่นนั้น ก็พยายามเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มโค้งกายเล็กน้อย ก่อนหมุนตัวจากไป
คิ้วเรียวของเหยาโม่หว่านขมวดมุ่นเข้าหากันแววตาพลันเปลี่ยนเป็เยียบเย็น แค่สังเกตจากสถานการณ์เบื้องหน้า ก็รู้ได้ว่าในสุราจะต้องมีความไม่ชอบมาพากลบางอย่างเป็แน่
“หวางเยี่ยทรงวาดภาพหวงโฮ่วต่อหน้ากงกงเยี่ยงนี้ไม่กลัวฝ่าาเอาโทษหรือเพคะ?” ระหว่างที่เอ่ยถาม สายตาก็แอบชำเลืองไปยังจอกสุราซึ่งวางอยู่ข้างแท่นฝนหมึก
“เปิ่นหวางแค่อยากจะเตือนเย่หงอี้ว่าหากไม่มีโม่ซินสักคน เขาหรือจะมีปัญญาควบคุมเปิ่นหวาง ดังนั้นไม่ว่าโม่ซินจะเป็หรือตายเขาต้องปฏิบัติต่อนางอย่างดี” แต่ละถ้อยคำ แต่ละประโยคที่ออกมาจากปากของเย่จวินชิงประหนึ่งคมมีดที่ปักเข้ามากลางใจของเหยาโม่หว่านจนหลั่งโลหิตแต่ละหยาดหยดแปรเปลี่ยนเป็ดอกม่านจูซาหวา [1] ที่ผลิบานดอกแล้วดอกเล่า
“พ่อบ้านโจว เก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย” ละครทั้งหมดปิดฉากลงแล้วเย่จวินชิงค่อย ๆ ม้วนภาพเก็บ แล้วเดินออกไปจากศาลา หนึ่งวันเขียนหนึ่งภาพ นี่เป็ภาพเขียนม้วนที่สิบของเขาแล้ว
สายลมโชยผ่านม่านโปร่งรอบศาลาพลิ้วไสวกลีบบุปผาลอยละลิ่ว ร่วงลงมาติดที่หัวไหล่กลมมนของเหยาโม่หว่าน ความรู้สึกเย็นะเืคล้ายเกล็ดน้ำแข็งวาบผ่านบนพวงแก้มทว่ายังไม่ทันเช็ดออก กลับเหือดหายไปพร้อมกับสายลมที่พัดพาไปเสียแล้ว
จวินชิง...แม้ข้าจะคืนแผ่นดินนี้ให้ท่านได้แต่ความจริงใจอันเป็นิรันดร์ที่ท่านมีให้ ข้าจะตอบแทนได้อย่างไร?
่ยามโหย่ว(่เวลาระหว่าง 17.00-18.59 น.) เหล่าสตรีจากหออี๋เซียงแต่ละนางต่างเดินออกจากตำหนักซู่ชินหวางด้วยท่าทางห่อเหี่ยวซังกะตายแม่เล้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็เช่นนี้ จึงไม่มากวาจา
“นี่คือเงินส่วนที่เหลือต้องขอบคุณน้ากุ้ยอย่างมากที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ในครานี้” เหยาโม่หว่านหยิบตั๋วแลกเงินร้อยตำลึงสามฉบับออกมาจากอกเสื้อส่งให้ถึงมือแม่เล้าพลางกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เื่เล็กน้อยแค่นี้มิได้เหลือบ่ากว่าแรง แม่นางจะเกรงใจไปไยเล่า หากไม่มีธุระอื่นแล้ว ข้าขอตัวก่อนล่ะ”แม่เล้าเห็นเงินย่อมตาโต โอภาปราศรัยอย่างกระตือรือร้นพอเป็พิธี เหยาโม่หว่านผงกศีรษะน้อยๆ รอจนกระทั่งเกี้ยวทั้งหกไปจากตำหนักซู่ชินหวางเรียบร้อยแล้ว ค่อยหมุนตัวกลับจวนอัครเสนาบดี
“นึกอยู่แล้วเชียวว่าเ้าต้องมีลับลมคมในแล้วตอนนี้ก็ถูกผู้อื่นจับได้คาหนังคาเขาเสียด้วย” ขณะที่เหยาโม่หว่านเดินมาถึงทางโค้งเปินเหลยก็ออกมาปรากฏตัวขวางหน้านางไว้
“หากไม่ใช่เพราะ้ารอพบใครบางคนเมื่อครู่ข้าคงตามเกี้ยวเ่าั้ไปแล้ว” ดวงเนตรสุกใสทอประกายวาววับดุจดวงดารา ไม่มีท่าทางหวาดผวาแม้แต่น้อย
“ใครจะเชื่อวาจาเหลวไหลของเ้า”เปินเหลยแค่นเสียงเยาะ มองเหยาโม่หว่านอย่างไม่วางใจ
“นี่เป็จอกที่ใส่สุราพระราชทานจากวังหลวงจงหาคนตรวจสอบอย่างลับ ๆ ว่าในนี้มีพิษชนิดใดผสมอยู่บ้าง หลังจากนั้นค่อยหาวิธีถอนพิษในร่างกายของหวางเยี่ยทุกอย่างต้องทำอย่างเงียบเชียบที่สุด อย่าให้พระองค์ทรงรับทราบ” เหยาโม่หว่านพูดพลางหยิบจอกสุราที่ตนเองขโมยมาจากโต๊ะหินออกจากแขนเสื้อส่งให้เปินเหลย
“จะ...เ้ามีจุดประสงค์ใดกันแน่?”ชายหนุ่มมองเหยาโม่หว่านอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ชั่วขณะนั้นยังไม่รู้ว่าตนเองควรจะวางตัวอย่างไร
“ท่านคงรู้จักนิสัยของหวางเยี่ยเป็อย่างดีเมื่อโน้มน้าวไม่สำเร็จ ก็ต้องแอบให้ความคุ้มครองอยู่ห่าง ๆ วันเวลายังอีกยาวไกล ไยต้องรีบร้อนตอนนี้ด้วยเล่า”เมื่อเห็นเปินเหลยเอาแต่ยืนทื่ออยู่กับที่ เหยาโม่หว่านก็ยัดจอกสุราใส่มือเขา ก่อนหมุนกายผละจากไป
“เ้าเป็ใครเหตุใดต้องมาช่วยหวางเยี่ยด้วย?” ทันทีที่ได้สติกลับมา เปินเหลยก็รีบทักถามออกไป
“ชู่...”เหยาโม่หว่านไม่รั้งฝีเท้าหยุดตอบคำตอบ แต่กลับจุปากให้เขาเงียบเสียง
...
ประตูจวนอัครเสนาบดี
ทันทีที่เห็นเงาร่างของเหยาโม่หว่านปรากฏอยู่ในระยะสายตาทิงเยว่ก็รีบออกมาต้อนรับ
“เยว่เอ๋อร์ร้อนใจแทบตายอยู่แล้วคุณหนูไม่เป็อะไรใช่ไหมเ้าคะ?” ทิงเยว่มองสำรวจเหยาโม่หว่านไปทั่วร่างด้วยความวิตกกังวลเมื่อเห็นว่าทุกอย่างปรกติดี ค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก
“นี่มันคืออะไรกัน?”พอเดินมาถึงประตูจวน เงยศีรษะขึ้น เห็นแพรขาวยาวสามฉื่อ [2] ผูกเป็ดอกไม้แขวนประดับอยู่บนแผ่นป้ายจวนอัครเสนาบดีเหยาแลดูสะดุดตายิ่ง
…
เชิงอรรถ
[1]ดอกม่านจูซาหวา หรือดอกมัญชูษา มีชื่อภาษาอังกฤษว่า red spider lily เป็ดอกไม้ตระกูลลิลลี่มีสีแดงรูปร่างคล้ายกับขาแมงมุม ในทางความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายยาน ดอกม่านจูซาหวาหรืออีกชื่อว่าดอกปี้อั้นเป็ดอกไม้ที่เบ่งบานในยมโลก และช่วยนำดวงิญญาให้ไปเกิดใหม่
[2]ฉื่อ เป็หน่วยวัดความยาวจีน 1 ฉื่อ เท่ากับ 10 ชุ่น 1 ชุ่นมีค่าประมาณ 1 นิ้ว