เสียงนี้ปลุกความทรงจำมากมายของเหนียนยวี่ขึ้นมาทันที่เวลาดอกไม้สว่างนวลใต้แสงจันทร์[1] คำมั่นสัญญาที่ว่าจะคงรักมั่นกันตลอด หอหับอันงดงามผุดขึ้นมาในหัวนาง ภาพสุดท้ายที่ปรากฎในหัวคือภาพใบหน้าเ็าไร้เมตตาของเขาในคืนนั้น
ความเกลียดชังในใจของเหนียนยวี่ปั่นป่วนอย่างรุนแรงจ้าวเยี่ยนแสดงท่าทางอ่อนโยนได้ดีมาก นี่เป็การใช้กลอุบายเดิมหรือ?
มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มประชดประชันทว่าน้ำเสียงกลับเป็ปกติอย่างมาก "หลีอ๋องเพคะเหนียนยวี่กำลังจะพูดเื่นี้ออกไปพอดี เหนียนยวี่เป็สตรีตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งข้าคิดว่าตนเองไม่ได้ช่วยอะไรหลีอ๋องเลย ดั่งที่กล่าวว่าไร้ผลงานได้ลาภยศ หยกพวกนั้นที่ท่านส่งมา เหนียนยวี่ไม่กล้ารับวันนี้เหนียนยวี่ไม่รู้เลยว่าหลีอ๋องจะเสด็จมา ไม่เช่นนั้นเหนียนยวี่จะได้นำหยกพวกนั้นมาส่งคืนเ้าของเดิม"
เหนียนยวี่หันหลังให้จ้าวเยี่ยน มองไม่เห็นใบหน้าที่มืดครึ้มลงของเขา ทว่าเหนียนยวี่รู้สึกได้ว่าเขาหยุดชะงักพายเรือไปเล็กน้อย
“ไร้ผลงานได้ลาภยศอะไรกัน? ยวี่เอ๋อร์ ผ่านพรุ่งนี้ไป เ้าก็จะกลายเป็ลูกพี่ลูกน้องของข้าแล้วด้วยความสัมพันธ์ระดับนี้ ข้าจึงมอบหยกสวยงามบางส่วนให้เ้าก็เหมือนกับวันนี้ที่อี้เอ๋อร์จัดงานเลี้ยงให้เ้าก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน เหตุใดเ้าถึงมางานเลี้ยงของเขาได้ ทว่ากลับไม่รับหยกของข้าเล่า?” น้ำเสียงของจ้าวเยี่ยนยังคงอ่อนโยนเดิมทีมันเป็ประโยคคำถาม ทว่ากลับฟังไม่ออกถึงความหมายของคำถามเลย
เหตุผลเดียวกันงั้นหรือ?
เป็เหตุผลเดียวกัน ทว่าต่างเป้าหมาย
ความรู้สึกของมู่อ๋องจ้าวอี้นั้นบริสุทธิ์เรียบง่ายแต่หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนนั้นซุกซ่อนไปด้วยเจตนาร้าย
คำถามของจ้าวเยี่ยน เหนียนยวี่ไม่ได้ตอบ แค่ทำเป็ไม่ได้ยินหันมองดูเรือที่แล่นผ่านคลื่นลูกใหญ่บรรยากาศแปรเปลี่ยนเพิ่มความแปลกประหลาดขึ้นไปอีก
โชคดีที่เรือใช้เวลาถึงเกาะใจกลางทะเลสาบไม่นานนัก ครั้นออกจากเรือจ้าวเยี่ยนก้าวไปข้างหน้าช่วยประคองนางขึ้นทว่าเหนียนยวี่หลบเลี่ยงเขาอย่างว่องไว การแสดงที่ดูมีเจตนาดีของเขาเหนียนยวี่เห็นแล้วก็สะอิดสะเอียน ยิ่งการััตัว เหนียนยวี่จะรับได้อย่างไร?
นางถึงกับกังวลว่าตัวเองจะควบคุมความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในใจไม่อยู่ ที่ตบหน้ากันในครานั้น อยากจะถามว่าเหตุใดเขาถึงจิตใจอำมหิตเยี่ยงหมาป่าได้เช่นนี้เืเย็นโเี้ไร้เมตตา!
จ้าวเยี่ยนชะงักค้างกลางอากาศ มองดูเงาร่างนั้นเดินไปข้างหน้า คิ้วหล่อเหลาขมวดคิ้วลงเล็กน้อยราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
คุณหนูรองแห่งจวนเหนียนผู้นี้ เหมือนนางจะไม่ยินดีที่จะเข้าใกล้ตนเอง!
ทว่าท่าทีที่มีต่อจ้าวอี้กลับต่างออกไป
"เ้ามีเื่อะไรที่เข้าใจข้าผิดไปหรือไม่?" จ้าวเยี่ยนก้าวเท้ายาวๆเดินเหินตามเหนียนยวี่ไปอย่างสง่างาม เหลือบมองเหนียนยวี่ ใบหน้านั้นดูงดงามกว่าที่เห็นครั้งก่อน สั่นะเืใจผู้คนไม่น้อย
สตรีเช่นนี้หรือที่จ้าวอี้ชอบ?
เหนียนยวี่ชะงักฝีเท้า ย่อเข่าคำนับท่าฝูเชิน [2] ให้จ้าวเยี่ยนอย่างเกรงกลัว "หลีอ๋องทรงมองออกอย่างชัดเจน เหนียนยวี่มิบังอาจเข้าใจอะไรหลีอ๋องผิดหรอกเพคะ..."
เข้าใจผิดหรือ? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถามคำถามนี้ทว่าคำตอบของเขาก็ยังคงไม่ต่างไปจากครั้งที่แล้ว
จะมีเื่เข้าใจผิดระหว่างพวกเขาได้ที่ไหนกัน!
"มิบังอาจเข้าใจผิด..." จ้าวเยี่ยนพึมพำฉับพลันก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที ดวงตายิ้มแย้มเพียงครู่หนึ่งเป็อีกคนที่คิดว่าฐานะของเขาด้อยกว่าจ้าวอี้ใช่หรือไม่?
เหนียนยวี่ไม่พลาดโอกาสเห็นความรู้สึกอันละเอียดอ่อนที่แสดงออกมา
หลังผ่านเื่ราวชีวิตในชาติที่แล้วมานางรู้จักบุรุษผู้นี้ดีมากถึงที่สุด นางยังเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ารอยยิ้มนั้นหมายถึงอะไรทว่าเหนียนยวี่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ถ้าเขา้าคิดเช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาคิดไปเถิด
ในสายตาของจ้าวเยี่ยน มีคนมากมายในโลกนี้ที่ดูถูกตัวตนของเขามีนางเพิ่มขึ้นมาอีกคนก็ไม่เห็นเป็ไร มิใช่หรือ?
หลังจากนั้นก็เกิดความเงียบอันแปลกประหลาดและยาวนานปกคลุมขั้นกลางระหว่างทั้งสองทันที
ยามที่จ้าวอี้พายเรือเร่งตามมา เหนียนยวี่เอนกายลงใต้ต้นไม้ งีบตาลง ไม่รู้ว่าจ้าวเยี่ยนหยิบพู่กัน หมึก กระดาษและจานฝนหมึกออกมาจากแห่งหนใด พรรณนาอะไรบางอย่างลงบนกระดาษบรรยากาศแลดูกลมกลืนเข้ากันได้ดี
"ท่านพี่ ท่านดูสิว่าข้าพาผู้ใดมา!" จ้าวอี้ยังไม่ทันลงจากเรือก็ร้องเรียกอย่างตื่นเต้น
จ้าวเยี่ยนหยุดพู่กันในมือ เงยหน้าขึ้นเห็นคนที่ยืนอยู่หัวเรือ ในใจชะงักงัน
เขา...มาได้อย่างไร?
ทว่าความแปลกใจนั้นชั่วแวบเดียวก็หายไป ใบหน้ากลับสู่ความสง่างามพยักหน้าทักทายบุรุษบนหัวเรือ
“จื๋อหร่าน สุรานี่เป็สุราต้อนรับลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยผู้นี้ของข้าวันนี้ เ้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ สุราพวกนี้เ้าต้องยกไปกับข้า”จ้าวอี้ะโลงจากเรือและกล่าวกับบุรุษบนเรือ เมื่อได้ยินเสียงนี้ ก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองมิใช่คนแปลกหน้าต่อกัน
ฉู่ชิงหรือ?
สองคำนี้ทำให้เหนียนยวี่ที่หลับตางีบไม่สนใจเื่โลกภายนอกก็ลืมตาขึ้นทันที ไกลสุดลูกหูลูกตา บุรุษร่างสูงในชุดคลุมสีดำกำลังมองมาที่นางอยู่สายตานั่นเหมือนกับสายตาที่เขามองนางตอนยืนอยู่ด้านนอกศาลาฉางยวี่ในวันนั้นเลย
เหนียนยวี่ตื่นตัวขึ้นมาทันที กับฉู่ชิงผู้นี้นางยังต้องเตรียมรับมือมากกว่าจ้าวเยี่ยน
เหนียนยวี่สูดหายใจเข้าลึกๆ และกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีก
ฉู่ชิงก็ยังคงทำเพียงเหลือบมองเหนียนยวี่ท่าทีตอบสนองอันละเอียดอ่อนของนางอยู่ในสายตาของเขา มุมปากภายใต้หน้ากากยกยิ้มโค้งโดยไม่รู้ตัวนางกลัวเขามากเลยหรือ?
ฉู่ชิงเลิกคิ้ว ดึงสายตากลับ มาช่วยจ้าวอี้ยกสุราลงจากเรือด้วยกัน
บนเกาะ ั้แ่เช้าก็มีพ่อครัวชั้นสูงหลายคนทำอาหารเตรียมไว้บ้างแล้วยามที่มื้อเที่ยงยังมาไม่ถึง จ้าวอี้ก็อดรนทนไม่ไหวแล้ว เขาเปิดไหสุราด้วยตัวเองผู้คนหลายคนนั่งล้อมเป็วงดื่มด่ำสุราด้วยกันใต้ต้นหลิว
จ้าวเยี่ยนและฉู่ชิงพูดน้อยมากแทบจะไม่พูดเลย เหนียนยวี่ต่อหน้าผู้คนเองก็ไร้คำพูดทว่าจ้าวอี้เป็คนเดียวที่พูดคุยเฮฮาไม่หยุดหย่อน สุรารินไหลลงท้องหลายจอก ความสนุกสนานคึกคักของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
“จื๋อหร่านเ้าได้กลิ่นหอมเย้ายวนของสุราข้าแล้วยังไม่รีบเข้ามาร่วมวงอีกหรือ? มิใช่ว่างานที่ต้องไปทำก็โยนทิ้งไป ไม่ต้องไปทำแล้วใช่หรือไม่?” จ้าวอี้นั่งตรงกลางระหว่างเหนียนยวี่และฉู่ชิงเงยหน้าซดสุราและแสร้งว่าทำเป็ขู่ “พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังหลวงเพื่อฟ้องเสด็จพ่อเื่ของท่าน”
ชูฉิงกำลังถือจอกสุรา หน้ากากปกปิดใบหน้า มองสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่าน้ำเสียงฟังดูผ่อนคลายเขาคายคำพูดออกมาสองสามคำ "วันนี้ลา"
ลาหรือ?
ตาของเหนียนยวี่กะพริบ เมื่อครู่นี้ที่ด้านนอกจวนดูเหมือนเขาจะออกไปทำงาน ทว่าในชั่วพริบตา เขาไม่เพียงมาที่นี่ทว่ายังเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกด้วย
การลาพักนี้เกรงว่าจะเป็เหตุสุดวิสัย!
และจุดประสงค์ของเขา...เหนียนยวี่จ้องสุราในจอกบุรุษผู้นี้ตั้งใจจะจับตาดูข้าตลอดเวลาเช่นนี้จริงๆ หรือ?
นี่ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าความลับเื่ใบหน้าของเขาสำคัญแค่ไหนมิใช่หรือ?
"อารมณ์ดีเช่นนี้ วันนี้พวกเรา ไม่เมาไม่กลับ" จ้าวอี้รินสุราอีกแก้วแล้ว จ้องมองที่จอกสุราของเหนียนยวี่อย่างเคลิบเคลิ้ม"เสี่ยวยวี่เอ๋อร์ หัวเล็กๆ ของเ้ากำลังคิดอะไรอีกแล้ว? รีบดื่มสุราเร็วเข้า สุราวันนี้ นี่ข้าฝังดินไว้ั้แ่ก่อนออกเดินทางในปีนั้นข้าเสียดายดื่มมันไม่ลง ทว่าวันนี้เพื่อเ้าแล้วทรัพย์สินในจวนก็เอาออกมาได้หมด"
เสี่ยวยวี่เอ๋อร์คำนี้ ยิ่งทำให้ดูสนิทสนมมากขึ้น
สติของเหนียนยวี่กลับมาทันที รู้สึกถึงสายตาอีกสองคู่เหนียนยวี่อดร้องไห้ในใจไม่ได้ "มู่อ๋องเหนียนยวี่ดื่มสุราไม่ค่อยได้เพคะ"
“ดื่มสุราไม่ค่อยได้งั้นหรือ?” จ้าวอี้ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ไล่บี้ “พูดไปแล้วว่าไม่เมาไม่กลับข้าปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี เพียงคำขอของลูกพี่ลูกน้องแค่นี้เ้าก็กลั้นใจทำไม่ได้หรือ?”
มู่อ๋องเป็คนช่ำชองในการดื่มสุรา เหนียนยวี่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อนในชาติที่แล้วทว่าเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าสุราเลิศรส นิสัยเด็กๆ นี่ทำให้นางตะลึงเล็กน้อย
อาจเป็ความจริงใจของจ้าวอี้ ทำให้อารมณ์เหนียนยวี่แสดงออกบนใบหน้าเล็กน้อยและบางทีอาจรู้ว่าไม่สามารถต้านทานพระโพธิสัตว์องค์นี้ได้เหนียนยวี่ไม่เอ่ยปฏิเสธอีก ถือจอกสุราและเงยหน้าดื่มลงไป
มาดที่ดูตรงไปตรงมานั่น ทำให้หลายคนตกตะลึง
"ท่าทางการดื่มของยวี่เอ๋อร์ไม่เหมือนอิสตรีเลย ทว่าราวกับบุรุษในค่ายทหาร"จ้าวอี้จ้องมองเหนียนยวี่ การสำรวจในสายตาของเขาไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแต่เขา ฉู่ชิงเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันเขาจิบสุราและจ้องมองเหนียนยวี่มีราวกับไม่มี เมื่อนึกถึงฝีมือนางฉู่ชิงก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับนางมากขึ้น
ชายชาติทหาร...
หัวใจของเหนียนยวี่สั่นสะท้านทว่าใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่งและยิ้มอย่างเก้อเขิน "เหนียนยวี่หยาบคายมาั้แ่ไหนแต่ไร... "
พลังการสังเกตของจ้าวเยี่ยนนั้นเฉียบแหลมมาโดยตลอดดูแล้วนางเองก็มิอาจปล่อยวางการระวังตัวจากเขาได้เช่นกัน
“อะไรคือหยาบคายหรือไม่หยาบคาย? เสี่ยวยวี่เอ๋อร์เห็นได้ชัดว่าเป็สตรี ทว่าต้องทำตัวเป็บุรุษในจวนเหนียนมาตลอดสิบห้าปีมีความองอาจกล้าหาญของบุรุษเล็กน้อย มิใช่เื่ปกติหรือ?” จ้าวอี้ตบไหล่ของเหนียนยวี่"ข้าเกลียดท่าทีเขินอายของเหล่าคุณหนูลูกขุนนางพวกนั้น พวกนางเสแสร้งกันทุกคนไม่มีผู้ใดตรงไปตรงมาและมีความสุขเท่าเสี่ยวยวี่เอ๋อร์แล้ว”
จ้าวอี้ออกตัวปกป้องเช่นนี้ยิ่งทำให้สายตาของจ้าวเยี่ยนและฉู่ชิงเปลี่ยนไป ทั้งคู่ต่างก็ครุ่นคิด
เหนียนยวี่เหลือบมองทั้งสองอย่างไม่ให้เป็ที่สังเกตดื่มด่ำสุราอย่่างไม่มีอะไรจะพูด สุราหมดไปครึ่งหนึ่งบางคนก็ดูจะสะลึมสะลือกันแล้ว ทว่าจ้าวอี้ดูเหมือนยังไม่อยากหยุด
ด้วยรสสุรา จ้าวอี้หยิบฉินขึ้นมาดีดจ้าวเยี่ยนก็กลับไปอยู่ที่ด้านหน้าขาตั้งภาพ ราวกับอยากจะละเลงภาพวาดต่อไปให้เสร็จส่วนฉู่ชิงเอนกายบนเรือลำเล็ก ร่ำสุราต่อไป เหนียนยวี่นั่งพิงกายใต้ต้นไม้ฟังเสียงฉิน มองภาพที่แลดูจะกลมกลืนกันเช่นนี้รู้สึกได้ว่าเป็ภาพที่แปลกตาอย่างมาก...
เชิงอรรถ
[1] ดอกไม้สว่างนวลใต้แสงจันทร์ หมายถึง ่เวลาโรแมนติก
[2] ท่าฝูเชิน ท่าโค้งคำนับอย่างสตรีในยุคโบราณ มีลักษณะงอตัวเล็กน้อย สองมือโอบอยู่รอบเอว